กว่าเผยเฉียนจะได้ลงจากภูเขามาไม่ใช่เรื่องง่าย นางรู้สึกมึนงงเล็กน้อย หญิงชราอ่อนโยนและกระตือรือร้นเกินไปแล้ว
หญิงชราเดินมาส่งจนถึงตีนเขา นางจูงมือของเด็กสาวพลางตบหลังมือเบาๆ กำชับเผยเฉียนว่าวันหน้าไม่ว่าจะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องอะไรก็ต้องกลับมาเยี่ยมหญิงชราผู้โดดเดี่ยวเช่นนางบ่อยๆ อีกทั้งนางยังจะต้องเตรียมของขวัญไว้รอให้เผยเฉียนเลื่อนสู่ขอบเขตร่างทอง ขอบเขตเดินทางไกลแต่เนิ่นๆ ทางที่ดีที่สุดเผยเฉียนควรจะรีบฝ่าทะลุขอบเขต อย่าให้หญิงชราอย่างนางต้องรอนาน
เผยเฉียนรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย บอกว่าคาดว่าคงต้องรออีกสองสามปีถึงจะฝ่าทะลุขอบเขตได้ ทำเอาหญิงชราหัวเราะปากกว้าง พูดติดต่อกันว่าดีๆๆ
เด็กสาวไม่รู้ถึงน้ำหนักของคำพูดที่ ‘ปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความจริงใจ’ ของตัวเองนี้ แต่หญิงชรากลับทั้งตื่นตะลึงและทั้งปลาบปลื้มใจ
เผยเฉียนไปที่เรือนจ้าวเย่ฉ่าว แต่ว่าเซียนซือถังซีไม่ได้อยู่บนภูเขา เขาไปร่วมงานเลี้ยงในราชสำนักที่ราชวงศ์ต้ากวานเป็นผู้จัด นอกจากนี้ยังต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงท่องราตรีของขุนเขาสายน้ำครั้งหนึ่งด้วย
เพราะเรือนจ้าวเย่ฉ่าวกับตระกูลเว่ยจวนเถี่ยชงได้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันแล้ว ถังชิงชิงบุตรสาวสายตรงของถังซีเทพเจ้าแห่งโชคลาภของสวนน้ำค้างวสันต์กับคุณชายตระกูลเว่ยกลายเป็นคู่รักบนภูเขา ฮ่องเต้มาร่วมงานแต่งงานด้วยตัวเอง ภายใต้การยอมรับโดยปริยายของถานหลิงเจ้าภูเขาของสวนน้ำค้างวสันต์ การค้าระหว่างถังซีกับราชวงศ์ต้ากวานจึงยิ่งมีการไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
เผยเฉียนถึงได้กลับไปยังถนนเหล่าไหว
หลิ่วจื้อชิงอยู่ที่ร้านผีฝูเพียงลำพัง กำลังพลิกเปิดสมุดบัญชีเพื่อตรวจสอบ
เซียนกระบี่หลิ่วในทุกวันนี้ไม่ได้ต่อต้านกิจธุระในโลกมนุษย์เท่าใดแล้ว
ตัวแทนเถ้าแก่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเซียนกระบี่หลิ่วกับเถ้าแก่เฉินเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่รู้สึกสักนิดว่านี่เป็นการละเมิดกฎ
เพราะถึงอย่างไรสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เซียนกระบี่หนุ่มทั้งสองคนนั่งดื่มชาถามมรรคาร่วมกันที่หน้าผาอวี้อิ๋งก็กลายเป็นเรื่องเล่าอันงดงามของสวนน้ำค้างวสันต์ที่ผู้ฝึกตนบนภูเขาแคว้นใกล้เคียงหลายสิบแคว้นยกมาพูดถึงอย่างออกรสออกชาติมากที่สุด
ตัวแทนเถ้าแก่คือผู้ฝึกตนหนุ่มที่มีชาติกำเนิดมาจากเรือนจ้าวเย่ฉ่าว นามว่าหวังถิงฟาง ทุกวันนี้ยังมีลูกจ้างหนุ่มเพิ่มมาอีกคน คือคนที่เคยทำการค้าเล็กๆ โดยการสลักตราประทับหินหยกของหน้าผาอวี้อิ๋งให้กับเซียนกระบี่เฉิน ภายหลังจึงถูกหวังถิงฟางดึงตัวมาอยู่ด้วยกัน เพราะถึงอย่างไรหวังถิงฟางที่เจอกับคอขวดของการฝึกตนก็ไม่สามารถอยู่เฝ้าร้านตลอดทั้งปีได้ บางครั้งก็ยังจำเป็นต้องกลับไปตั้งใจฝึกตนที่เรือนจ้าวเย่ฉ่าวด้วย
ก่อนหน้านี้วัตถุสองชิ้นที่เป็นสมบัติพิทักษ์ร้าน ชิ้นหนึ่งคือกำไลหยกสลักบทกลอนที่มีภาพบรรยากาศของ ‘ไฟในน้ำ’ และยังมีกระจกโบราณกำจัดเสนียดชั่วร้ายที่ ‘วังหลวงเป็นผู้สร้าง’ ก็ได้ถูกหวังถิงฟางโก่งราคาขายออกไปในราคาสูงแล้ว
ร้านไม่ใหญ่ กิจการไม่เล็ก ลูกค้าไม่มาก ได้เงินมาไม่น้อย
ได้ยินว่าเซียนกระบี่หลิ่วกลับมายังสวนน้ำค้างวสันต์อีกครั้ง กิจการของที่ร้านก็ขายดีเทน้ำเทท่าทันที ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มีคนเข้ามาเต็มร้าน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสตรี แต่ละคนจ่ายเงินมือเติบ ไม่เห็นเงินเป็นเงินเลยแม้แต่น้อย
พวกนางชำเลืองตามองเซียนกระบี่หลิ่วแวบหนึ่งแล้วก็รู้สึกว่ายังไม่หายอยาก ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อของบนภูเขาเพิ่มอีกสักชิ้น จะได้มองเซียนกระบี่ที่หล่อเหลาจนไร้เหตุผลให้มากหน่อย ถึงอย่างไรราคาก็ไม่แพง อีกทั้งยังถือว่าเป็นราคาที่ยุติธรรม ร้านบนถนนเหล่าไหวมีมากมายขนาดนั้น ใช้เงินที่ไหนไม่ใช่การใช้เงินบ้างเล่า? อีกอย่างวัตถุบนภูเขาของร้านผีฝูแห่งนี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ประณีตงดงาม มีกลิ่นอายของสตรีค่อนข้างเข้มข้น เป็นมิตรต่อสตรีผู้ฝึกตนบนภูเขาอย่างมาก
หรือว่าอนุญาตให้บุรุษชื่นชมสาวงามได้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้พวกนางมองเซียนกระบี่หลิ่วหลายๆ ครั้งหน่อยเลยหรือ? ไม่มองก็เสียเปล่าน่ะสิ
ทุกครั้งที่หลิ่วจื้อชิงมานั่งในร้านผีฝูจะต้องรู้สึกเสียใจภายหลังทุกครั้ง วันนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
หลี่ไหวที่ถูกเผยเฉียนทิ้งไว้วิ่งไปดูต้นไหวหมื่นปีนานแล้ว
แน่นอนว่าเหวยไท่เจินต้องตามไปคุ้มกันเขาตลอดทางด้วย
หลิ่วจื้อชิงพลันลุกขึ้นยืน แล้วร่างก็พุ่งวาบหายไป
เขามาที่ต้นไหวโบราณ พอหลิ่วจื้อชิงมาปรากฏตัวด้านหลังหญิงสาวกับเด็กหนุ่มร่างอ้วนฉุก็ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่ตั้งใจฝึกตนอยู่บนยอดเขาแสงทองและภูเขาแสงจันทร์ให้ดี ตอนแรกพวกเจ้าก็ไปป้วนเปี้ยนแถวอาณาเขตของตำหนักจินอู ตอนนี้ยังสะกดรอยตามมาที่สวนน้ำค้างวสันต์อีก ต้องการอะไรกันแน่?”
ภูตสองตนนี้อยู่ห่างจากหลี่ไหวและเหวยไท่เจินมาค่อนข้างไกล ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้สักเท่าไร
หลังจากที่จินเฟิงและอวี้ลู่หันหน้ามาเจอหลิ่วจื้อชิงก็จำต้องยอมรับว่ามาดเทพเซียนของหลิ่วจื้อชิงผู้นี้ ลำพังเพียงแค่มองรูปโฉมของเขาก็สามารถเดาชื่อของเขาได้ถูกแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่ก่อนหน้านี้พวกสตรีที่อยู่แถวต้นไหวโบราณก็ซุบซิบกันบอกว่าเซียนกระบี่หลิ่วแห่งตำหนักจินอูย้อนกลับมาที่สวนน้ำค้างวสันต์อีกครั้งแล้ว ดังนั้นจึงรู้ทันทีว่าเป็นเซียนกระบี่หลิ่ว จินเฟิงรีบยอบตัวคารวะ ส่วนอวี้ลู่ก็ยิ่งก้มหัวกุมหมัด มิกล้าเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
ผู้ฝึกกระบี่ตำหนักจินอูลงจากภูเขามากำจัดปีศาจปราบมารขึ้นชื่อเรื่องวิธีการที่อำมหิตโหดเหี้ยม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิ่วจื้อชิง ตอนที่เป็นโอสถทองก็ช่วงชิงบารมีและชื่อเสียงที่เลืองลือมาให้ตัวเองได้แล้ว
อวี้ลู่รีบปลุกความกล้า ใช้เสียงในใจอธิบายกับเซียนกระบี่หลิ่วว่า “ก่อนหน้านี้จินเฟิงเห็นบัณฑิตต่างถิ่นที่ขึ้นเขาไปท่องเที่ยวผู้นี้ก็สัมผัสได้ถึงโชควาสนาบนมหามรรคาเสี้ยวหนึ่ง รอกระทั่งนางกลับยอดเขาแสงทองมา อีกฝ่ายกลับจากไปแล้ว ดังนั้นถึงได้ติดตามมาตลอดทาง หวังว่าเซียนกระบี่หลิ่วจะไม่เห็นว่าพวกเราสองคนมีเจตนาร้าย ไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นก่อนที่บัณฑิตจะเข้าไปในตำหนักจินอู พวกเราที่รู้ว่าต้องเจอกับความยากลำบากก็ควรต้องถอยแล้ว ต่อให้โชควาสนาบนมหามรรคาจะดีแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีค่าเท่าชีวิต”
หลิ่วจื้อชิงพยักหน้ารับ “ข้าเคยได้ยินได้ฟังเรื่องขนบธรรมเนียมในการฝึกตนของพวกเจ้าสองคนมาก่อน แต่ไหนแต่ไรมามักจะอดทนข่มกลั้นและยอมถอยให้เสมอ แม้จะบอกว่านี่คือวิถีการวางตัวในสังคมและวิชาการรักษาตัวรอดของพวกเจ้า แต่นิสัยโดยภาพรวมก็ยังพอจะมองออกได้บ้าง หากไม่เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าคงไม่ได้พบเจอข้า มีแต่จะได้เจอกับกระบี่ของข้าก่อน”
จินเฟิงและอวี้ลู่รีบเอ่ยขอบคุณ
คำพูดประโยคนี้ของหลิ่วจื้อชิงเท่ากับว่ามอบโองการจากเซียนกระบี่ให้กับพวกเขา และอันที่จริงก็คือยันต์คุ้มกันกายที่มองไม่เห็นแผ่นหนึ่ง
ขอแค่เซียนกระบี่หลิ่วปรากฏตัวในวันนี้ อีกทั้งไม่ขับไล่ภูตอย่างพวกเขาสองคน ถ้าอย่างนั้นวันหน้าต่อให้มีคนที่หวังจะครอบครองยอดเขาแสงทองและภูเขาแสงจันทร์ปรากฎตัวขึ้นอีก ก่อนจะลงมือก็ควรจะต้องชั่งน้ำหนักการออกกระบี่ของเซียนกระบี่หลิ่วให้ดี
ต่างก็บอกกันว่า ใช่ว่าหลิ่วจื้อชิงแห่งตำหนักจินอูจะพูดคุยด้วยยาก แต่เป็นเพราะเขาแทบไม่เคยพูดจาปราศรัยกับผู้ฝึกตนนอกภูเขาเลย มีแต่จะออกกระบี่เท่านั้น
ดังนั้นวันนี้เซียนกระบี่หลิ่วพูดมากขนาดนี้อย่างที่หาได้ยาก ทำให้คนทั้งสองทั้งรู้สึกโชคดีแล้วก็ทั้งรู้สึกกระวนกระวาย และยังรู้สึกละอายใจที่สู้ไม่ได้อยู่บ้างเล็กน้อย
หลิ่วจื้อชิงเอ่ย “พวกเจ้าไม่ต้องระมัดระวังตัวมากเกินไป และยิ่งไม่ต้องรู้สึกดูถูกตนเองเพียงแค่เพราะชาติกำเนิดของตน ส่วนเรื่องโชควาสนาบนมหามรรคา แค่ปล่อยไปตามชะตาลิขิตก็พอ ข้าไม่ขัดขวาง แล้วก็ไม่คิดจะช่วยเหลือ”
หลิ่วจื้อชิงรู้ความจริงแล้วก็รวมตัวเป็นแสงกระบี่อีกครั้งในเสี้ยววินาที หดย่อพื้นที่ ไม่ได้ไปร้านผีฝูที่ผู้คนจอแจเสียงดัง แต่ไปที่หน้าผาอวี้อิ๋งที่ขายให้กับเฉินผิงอันไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!