กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 699

สรุปบท บทที่ 699.3 ต้องการถามหมัด: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 699.3 ต้องการถามหมัด จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 699.3 ต้องการถามหมัด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

พอได้ยินคำถามนี้ หลี่ไหวก็ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ถึงอย่างไรก็ได้เจอกับพี่สาวข้าแล้ว ยอดเขาสิงโตก็ไม่มีขาสักหน่อย นับประสาอะไรกับที่เผยเฉียนเองก็ตอบตกลงกับข้าแล้วว่าจะอยู่ที่ยอดเขาสิงโตพักหนึ่ง”

เหวยไท่เจินที่ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเมืองเล็กด่านไน่เหอแค่ผ่านทางไปแต่ไม่เข้าประตูพยักหน้ารับเบาๆ คำถามของนางก่อนหน้านี้จำต้องพูด แต่ก็ไม่อาจพูดได้เยอะไปมากกว่านี้ เพราะอาจตกเป็นที่ต้องสงสัยว่าพยายามยุแยงตะแคงรั่ว

ออกมาจากทะเลสาบคนใบ้ เผยเฉียนก็พาพวกหลี่ไหวไปที่ตำหนักขวานผี ได้ยินอาจารย์บอกว่าที่นั่นมีคนผู้หนึ่งชื่อว่าตู้อวี๋ มีนิสัยดีๆ ที่ยามประลองฝีมือในยุทธภพมักจะยอมให้คนอื่นก่อนหนึ่งกระบวนท่า

น่าเสียดายที่ตู้อวี๋ไม่ได้อยู่ในตำหนักขวานผีที่เป็นทั้งสำนักและเป็นทั้งบ้านตัวเอง ตามคำกล่าวของผู้ฝึกตนบนภูเขาคือคุณชายตู้มักจะออกไปหาประสบการณ์ด้านนอกเป็นประจำ

ผู้ฝึกตนของตำหนักขวานผีคนนั้นไม่แน่ใจในขอบเขตและชาติกำเนิดของคนทั้งสาม คิดแค่ว่าในเมื่อสนิทสนมคุ้นเคยกับคุณชายตู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะไปรายงานบรรพจารย์คู่รักที่เป็นบิดามารดาของตู้อวี๋สักคำ คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวจะเอ่ยขอตัวลาไปก่อนแล้ว บอกว่าวันหน้าหากมีโอกาสค่อยมาเยี่ยมเยือนใหม่

หลังจากนั้นพอมาเยือนตำหนักจินอูที่มีเมฆสายฟ้าผืนใหญ่ เผยเฉียนก็ได้เจอกับหลิ่วจื้อชิงที่เพิ่งเลื่อนเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดได้ไม่นาน

เซียนกระบี่หลิ่วคืออาจารย์อาน้อยของเจ้าประมุขตำหนักจินอู ลำดับศักดิ์สูง ตบะก็สูงยิ่งกว่า ต่อให้จะอยู่ในอุตรกุรุทวีปที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนหนึ่งที่อายุน้อยเพียงนี้ หลิ่วจื้อชิงก็คู่ควรที่จะได้รับคำเรียกขานอย่างเกรงใจว่า ‘เซียนกระบี่’ แล้ว

ว่ากันว่าเซียนกระบี่หลิ่วท่านนี้นั่งนิ่งๆ อยู่บนยอดเขามานานหลายปี ถือเป็นการปิดด่าน

เมื่อหลิ่วจื้อชิงสะบัดแสงจันทร์ที่อาบร่าง ลุกขึ้นยืนท่ามกลางม่านราตรีที่มีหิมะตกก็ฝ่าทะลุขอบเขตได้ทันที

หลิ่วจื้อชิงขึ้นชื่อเรื่องนิสัยที่เย็นชา แต่กลับพูดคุยยิ้มแย้มกับเผยเฉียนที่เป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเฉินผิงอัน พวกเผยเฉียนเองไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พวกผู้ฝึกตนที่พักอาศัยอยู่บนยอดเขาของตำหนักจินอูกลับทำท่าเหมือนเห็นผี

หลิ่วจื้อชิงบอกให้สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไป แล้วตัวเองเป็นคนต้มชารับรองแขกด้วยตัวเอง พอพวกเผยเฉียนนั่งลงแล้ว หลิ่วจื้อชิงก็หยิบชุดน้ำชาออกมาหนึ่งชุด ปลายนิ้ววาดยันต์หลายชนิด ใช้เวทคาถาตระกูลเซียนดึงเอาน้ำพุใสมาจากในภูเขา จากนั้นก็ใช้ยันต์อัคคีสมาธิที่มีลักษณะคล้ายมังกรเพลิงมาต้มน้ำช้าๆ สร้างให้เกิดจากความว่างเปล่า วิธีการของเทพเซียน

หลิ่วจื้อชิงถามถึงเรื่องราวที่พบเจอระหว่างท่องเที่ยวจากเผยเฉียน

เผยเฉียนก็ไล่ตอบไปทีละข้อ

คำถามคำตอบของสองฝ่ายเป็นไปตามธรรมชาติ หลิ่วจื้อชิงเหมือนผู้ปกครองในตระกูลที่ออกมาเป็นขุนนางต่างถิ่น ส่วนเผยเฉียนก็เหมือนลูกหลานที่ออกจากบ้านเดินทางท่องเที่ยวมาถึงที่แห่งนี้

หลิ่วจื้อชิงไม่รู้สึกว่าตนทำในสิ่งที่เกินความจำเป็น เผยเฉียนก็ยิ่งไม่รู้สึกว่าเซียนกระบี่หลิ่วยุ่งวุ่นวาย

หลายปีมานี้หลิ่วจื้อชิงใช้จิตใจชำระล้างกระบี่จนประสบความสำเร็จ ได้ผลประโยชน์มหาศาล ไม่เพียงแต่เลื่อนเป็นก่อกำเนิดได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังพอจะสัมผัสได้อย่างเลือนรางด้วยว่าการฝ่าทะลุขอบเขตก่อกำเนิด คอขวดคงไม่ใหญ่เท่าใดนัก

นี่ต้องยกคุณความชอบให้กับข้อเสนอของเฉินผิงอันเมื่อครั้งที่อยู่บนหน้าผาอวี้อิ๋งด้วยกัน

ดังนั้นการปฏิบัติต่อเผยเฉียนลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของสหายรัก หลิ่วจื้อชิงที่ไม่เคยมีลูกศิษย์ผู้สืบทอด แน่นอนว่าต้องมองเด็กสาวเป็นดั่งเด็กรุ่นหลังในตระกูล แล้วก็คล้ายกับเป็นผู้สืบทอดครึ่งตัว

หากเผยเฉียนกล้าไม่รับน้ำใจ รู้สึกว่าฟังคำของเขาแล้วหงุดหงิด หลิ่วจื้อชิงที่กลัวจะมีปัญหามากที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะต้องสั่งสอนนางสักหลายๆ คำอย่างไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหา

ยังดีที่การแสดงออกของเผยเฉียนทำให้หลิ่วจื้อชิงพอใจอย่างมาก มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาค่อนข้างเสียดาย นั่นคือเผยเฉียนเป็นผู้ฝึกยุทธ ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่

แม้ว่าเหวยไท่เจินจะเคยเห็นบุคคลยิ่งใหญ่บนยอดเขาที่มีเมฆหมอกล้อมวนเวียนมาแล้วไม่น้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่มีความหวังบนมหามรรคาท่านนี้ก็ยังอดกริ่งเกรงและหวาดกลัวไม่ได้ ด้านหนึ่งเพราะเซียนกระบี่หลิ่วอายุน้อยเกินไป นอกจากนี้ก็เพราะท่านหลิ่วที่มีความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับอาจารย์พ่อของเผยเฉียนท่านนี้หน้าตาช่างหล่อเหลาจริงๆ

หลิ่วจื้อชิงส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังศาลบรรพจารย์ของตำหนักจินอู เพียงไม่นานก็ได้หนังสือฉบับสมบูรณ์ส่วนหนึ่งที่มีอย่างละเล่มเดียวซึ่งถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีของตำหนักจินอูมา ล้วนเป็นตำราที่เขียนด้วยมือของอริยะสำนักศึกษาในประวัติศาสตร์ของอุตรกุรุทวีปทั้งสิ้น มีครบทั้งคัมภีร์และคำสั่งสอน หลิ่วจื้อชิงมอบมันให้กับบัณฑิตหนุ่มที่มาจากสำนักศึกษาซานหยาของแจกันสมบัติทวีปอย่างหลี่ไหว

หลี่ไหวชำเลืองตามองเผยเฉียน เผยเฉียนพยักหน้ารับ หลี่ไหวจึงยิ้มเอ่ยขอบคุณแล้วรับเอาไว้

ระหว่างที่ดื่มชา หลิ่วจื้อชิงยังช่วยตรวจเนื้อหาตัวอักษรที่เผยเฉียนคัดด้วยตัวเอง บอกว่าตัวอักษรเขียนได้ดีกว่าอาจารย์พ่อของเจ้า

ผลคือเผยเฉียนได้ยินแล้วร้อนใจจนยกมือเกาหัว

เหวยไท่เจินยิ่งรู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวของเจ้าขุนเขาหนุ่มภูเขาลั่วพั่วคนนั้นทุกทีแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเซียนจากฝ่ายใดกันแน่ แค่การเดินทางท่องเที่ยวครั้งเดียวถึงกับสามารถทำให้หลิ่วจื้อชิงทำตัว ‘เป็นกันเอง’ ขนาดนี้ได้

จนถึงทุกวันนี้เหวยไท่เจินก็ยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วนางเคยเจอคนผู้นั้นมาก่อน อีกทั้งยังเจอที่ภูเขากระจกวิเศษหุบเขาผีร้ายบ้านเกิดของนางด้วย อีกฝ่ายยังเคยทำร้ายนางโดยไม่ตั้งใจ ก็คือบัณฑิตที่ในอดีตบิดานางเคยบอกว่า ‘ลำไส้ขดวกวนหลายตลบมากที่สุด ตาไร้แววมากที่สุด ขี้เหนียวมากที่สุด’ ผู้นั้น

นี่เป็นเพราะว่าเฉินผิงอันไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไปเยือนหุบเขาผีร้ายให้เผยเฉียนฟังมากนัก เรื่องที่เกี่ยวกับเกาเฉิง เฮ้อเสี่ยวเหลียงและคู่พี่น้องหยางหนิงเจิน หยางหนิงซิ่ง เขาล้วนปกปิดนางเอาไว้

สุดท้ายหลิ่วจื้อชิงยังออกจากตำหนักจินอูเป็นครั้งแรกหลังจากฝ่าทะลุขอบเขต เพื่อคุ้มครองเผยเฉียนไปส่งที่สวนน้ำค้างวสันต์ด้วยตัวเอง

ตำหนักจินอูมีเรือข้ามฟากสืบทอดมาจากบรรพบุรุษลำหนึ่งที่ใช้ก้อนเมฆสายฟ้ามาหลอมเป็นลำเรือ แล้วแกะสลักยันต์เวทอสนีเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดตัวลงไป ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกหลังจากมาถึงอุตรกุรุทวีปที่เผยเฉียนไม่ต้องเดินเท้า แต่ได้นั่งเรือข้ามฟากตระกูลเซียน

เผยเฉียนไม่กล้าให้ผู้อาวุโสหลิ่วเดินตากแดดตากลมอยู่ล่างภูเขาเป็นเพื่อนพวกเขา

เจ้าประมุขตำหนักจินอูมาส่งอาจารย์อาน้อยด้วยตัวเอง จิ้นเยว่บุตรชายโทนของเขาก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย เพราะหลิ่วจื้อชิงบอกว่าออกจากสำนักคราวนี้จะไปท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกนานหลายปี จะไปเยือนสำนักผู้ฝึกกระบี่น้อยใหญ่ซึ่งมีทะเลสาบกระบี่ฝูผิง สำนักกระบี่ไท่ฮุยเป็นหนึ่งในนั้น หากไม่ไปถามมรรคาก็ไปถามกระบี่ แต่มารดาของจิ้นเยว่ที่เป็นบุตรสาวของซานจวินใหญ่กลับไม่ได้ปรากฏตัว หลักๆ แล้วเป็นเพราะสตรีรู้แก่ใจตัวเองดีว่า ตนเข้ากับอาจารย์อาหลิ่วไม่ได้ มาแล้วก็มีแต่จะหาเรื่องใส่ตัว ก่อนหน้านี้ตอนที่หลิ่วจื้อชิงเป็นคอขวดโอสถทอง นางยังอาศัยบารมีของบิดาที่เป็นซานจวินกระทำการกำเริบเสิบสานอยู่ในตำหนักจินอูได้ ทว่าหลายปีมานี้นางสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะมาก นั่นก็เพราะกลัวนิสัยของหลิ่วจื้อชิง เขาจะไม่มาหาเรื่องนาง แต่จะไปหาบิดาซานจวินของนางที่ราชวงศ์ต้าจ้วนเพื่อพูดคุยเหตุผลโดยตรง เพราะประหยัดแรงกายแรงใจมากกว่า

หลิ่วจื้อชิงพยักหน้ายิ้มกล่าว “เป็นแบบนี้ย่อมดีที่สุด”

เผยเฉียนพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ท่านอาหลิ่ว อาจารย์ฉีชอบดื่มเหล้าเป็นที่สุด เพียงแต่จะหน้าบางกับคนที่ไม่สนิท ต่อให้ท่านอาหลิ่วจะยังไม่เคยเจอกับอาจารย์ฉี แต่แน่นอนว่าไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ดังนั้นจำไว้ว่าต้องพกสุราดีไปเยอะๆ ด้วย”

หลิ่วจื้อชิงครุ่นคิด อันที่จริงตนไม่ชอบดื่มเหล้า เพียงแค่พอจะดื่มได้อยู่บ้าง คอไม่อ่อนเท่าไร ในเมื่อจะไปเป็นแขกที่สำนักกระบี่ไท่ฮุย จะขอประลองเวทกระบี่และขอความรู้วิชายันต์จากเจ้าสำนัก มารยาทส่วนนี้ก็ยังต้องมีอยู่บ้าง ก็แค่เหล้าหมักตระกูลเซียนไหใหญ่ไม่กี่ไหเท่านั้น หลิ่วจื้อชิงจึงพยักหน้ารับ “ไปถึงสวนน้ำค้างวสันต์แล้วข้าสามารถซื้อเหล้าให้มากหน่อยได้”

เผยเฉียนเอ่ยอีกว่า “ตอนนี้อาจารย์หลิวมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดแค่คนเดียว นามว่าป๋ายโส่ว รบกวนท่านอาหลิ่วช่วยนำความไปบอกเขาแทนข้าที บอกว่าคราวหน้าที่กลับบ้านเกิด ข้าจะต้องเดินทางผ่านสำนักกระบี่ไท่ฮุย ถึงเวลานั้นจะไปหาเขาที่ยอดเขาเพียนหราน”

เผยเฉียนพูดจบก็หัวเราะร่าอยู่กับตัวเอง

หลิ่วจื้อชิงตอบตกลง

เรือข้ามฟากไปถึงท่าเรือฝูสุ่ยที่เจริญรุ่งเรืองของสวนน้ำค้างวสันต์ เผยเฉียนพาหลี่ไหวตรงไปที่ร้านผีฝูบนถนนเหล่าไหวทันที

นี่เป็นร้านของบ้านตัวเอง คือกิจการที่อาจารย์พ่อสร้างไว้ในต่างถิ่น

หลังจากนั้นเผยเฉียนก็ไปเยี่ยมหาผู้ฝึกตนโอสถทองของศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์อาจารย์ของซ่งหลันเฉียวเพียงลำพัง คือหญิงชราคนหนึ่งที่สีหน้ามีเมตตาปราณี คือบรรพจารย์รุ่นอักษรจู๋ที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของสวนน้ำค้างวสันต์ เพียงแต่ว่าผู้ฝึกตนรุ่นอักษรหลันของสวนน้ำค้างวสันต์อย่างซ่งหลันเฉียวนี้จะต้องเคารพกฎของทำเนียบวงศ์ตระกูลอย่างเข้มงวด นั่นคือในชื่อต้องมีอักษรหลันห้ามขาด แต่ผู้ฝึกตนรุ่นอักษรจู๋กลับไม่มีข้อพิถีพิถันเช่นนี้ เมื่อครั้งที่สวนน้ำค้างวสันต์เพิ่งก่อร่างสร้างตัว ส่วนใหญ่แล้วแต่ละคนต่างก็ใช้นามจริงในช่วงต้นบนภูเขากันทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นเจ้าขุนเขาก็ชื่อว่าถานหลิง

หญิงชรานามว่าหลินชว่อเอ๋อ พอเห็นเผยเฉียนที่พกของขวัญมาเยี่ยมเยือนก็ดีใจมากเป็นพิเศษ ดังนั้นของขวัญที่นางมอบกลับคืนจึงเป็นของขวัญชิ้นใหญ่

ทุกวันนี้นางกับซ่งหลันเฉียวผู้เป็นลูกศิษย์ได้เป็นพันธมิตรกับถังซี บวกกับมีความสัมพันธ์ควันธูปอีกส่วนหนึ่งกับสำนักพีหมาชายหาดโครงกระดูก ยิ่งนานวันหญิงชราก็ยิ่งมีสิทธิ์ออกเสียงในศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์มากขึ้นเรื่อยๆ และนางก็ยิ่งได้นั่งรับเงินเทพเซียนอยู่บนภูเขาของสำนักทุกวัน เงินทองไหลมาเทมา ดังนั้นหญิงชราที่การฝึกตนไม่อาจเรียกว่ามีเส้นทางให้เดินบนมหามรรคาได้อีกแล้วจึงได้แต่เจ็บใจที่เด็กสาวไม่อาจย้ายเอาภูเขาเงินภูเขาทองลูกหนึ่งไปจากบ้านตัวเองได้ ยิ่งพอได้ยินเผยเฉียนบอกว่าเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกแล้ว นางก็ยิ่งตกตะลึงระคนดีใจ นอกจากจะมอบของขวัญกลับคืนแล้วจึงยังบอกให้สาวใช้ประจำตัวของตัวเองไปซื้อเสื้อเกราะจินอูตัวหนึ่งมาจากศาลบรรพจารย์ มอบเม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารเม็ดนั้นให้เผยเฉียน เผยเฉียนหรือจะกล้ารับไว้ หญิงชราเลยยกเอาอาจารย์พ่อของเผยเฉียนมาอ้าง บอกว่าตนคือผู้อาวุโสของอาจารย์พ่อเจ้า เขามาเยือนหลายครั้งล้วนไม่เคยรับของขวัญกลับคืน คราวก่อนบอกกับเขาแล้วว่าให้สะสมรวมกันไว้ ก็ถือเสียว่าเจ้ารับมันไว้แทนอาจารย์พ่อของเจ้าแล้วกัน

เซียนกระบี่หนุ่มเฉินผิงอันก็ดี เผยเฉียนลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเขาก็ช่าง ทุกครั้งที่มาเยือนสวนน้ำค้างวสันต์ล้วนไม่เคยไปพบถานหลิงเจ้าภูเขา กลับเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยือนตนทุกครั้ง หลังจากนั้นถึงจะไปนั่งในเรือนเย่ฉ่าวพักหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้หญิงชราสบายใจเป็นที่สุด อาจารย์และศิษย์สองคนต่างก็เคารพกฎเกณฑ์และให้ความสำคัญกับมิตรภาพ นี่จึงเป็นเหตุให้หญิงชรามีความประทับใจที่ดีเยี่ยมต่อภูเขาลั่วพั่วแห่งแจกันสมบัติทวีป

หญิงชรามักจะพูดกับซ่งหลันเฉียวผู้เป็นลูกศิษย์อยู่เป็นประจำว่าหากได้ออกเดินทางไปเยือนต่างทวีป นางจะต้องไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่วแน่นอน

ดังนั้นหญิงชราที่ขึ้นชื่อว่านิสัยแปลกประหลาด พูดจาร้ายกาจไม่เข้าหูคนฟังในสวนน้ำค้างวสันต์ ยามอยู่กับเผยเฉียนจึงมีสีหน้าเมตตาปราณีได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดึงมือของแม่นางน้อยไว้พูดคุยกันเป็นนาน ตัดใจปล่อยให้เผยเฉียนจากไปไม่ลง

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!