พอได้ยินคำถามนี้ หลี่ไหวก็ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ถึงอย่างไรก็ได้เจอกับพี่สาวข้าแล้ว ยอดเขาสิงโตก็ไม่มีขาสักหน่อย นับประสาอะไรกับที่เผยเฉียนเองก็ตอบตกลงกับข้าแล้วว่าจะอยู่ที่ยอดเขาสิงโตพักหนึ่ง”
เหวยไท่เจินที่ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเมืองเล็กด่านไน่เหอแค่ผ่านทางไปแต่ไม่เข้าประตูพยักหน้ารับเบาๆ คำถามของนางก่อนหน้านี้จำต้องพูด แต่ก็ไม่อาจพูดได้เยอะไปมากกว่านี้ เพราะอาจตกเป็นที่ต้องสงสัยว่าพยายามยุแยงตะแคงรั่ว
ออกมาจากทะเลสาบคนใบ้ เผยเฉียนก็พาพวกหลี่ไหวไปที่ตำหนักขวานผี ได้ยินอาจารย์บอกว่าที่นั่นมีคนผู้หนึ่งชื่อว่าตู้อวี๋ มีนิสัยดีๆ ที่ยามประลองฝีมือในยุทธภพมักจะยอมให้คนอื่นก่อนหนึ่งกระบวนท่า
น่าเสียดายที่ตู้อวี๋ไม่ได้อยู่ในตำหนักขวานผีที่เป็นทั้งสำนักและเป็นทั้งบ้านตัวเอง ตามคำกล่าวของผู้ฝึกตนบนภูเขาคือคุณชายตู้มักจะออกไปหาประสบการณ์ด้านนอกเป็นประจำ
ผู้ฝึกตนของตำหนักขวานผีคนนั้นไม่แน่ใจในขอบเขตและชาติกำเนิดของคนทั้งสาม คิดแค่ว่าในเมื่อสนิทสนมคุ้นเคยกับคุณชายตู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะไปรายงานบรรพจารย์คู่รักที่เป็นบิดามารดาของตู้อวี๋สักคำ คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวจะเอ่ยขอตัวลาไปก่อนแล้ว บอกว่าวันหน้าหากมีโอกาสค่อยมาเยี่ยมเยือนใหม่
หลังจากนั้นพอมาเยือนตำหนักจินอูที่มีเมฆสายฟ้าผืนใหญ่ เผยเฉียนก็ได้เจอกับหลิ่วจื้อชิงที่เพิ่งเลื่อนเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดได้ไม่นาน
เซียนกระบี่หลิ่วคืออาจารย์อาน้อยของเจ้าประมุขตำหนักจินอู ลำดับศักดิ์สูง ตบะก็สูงยิ่งกว่า ต่อให้จะอยู่ในอุตรกุรุทวีปที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆ ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนหนึ่งที่อายุน้อยเพียงนี้ หลิ่วจื้อชิงก็คู่ควรที่จะได้รับคำเรียกขานอย่างเกรงใจว่า ‘เซียนกระบี่’ แล้ว
ว่ากันว่าเซียนกระบี่หลิ่วท่านนี้นั่งนิ่งๆ อยู่บนยอดเขามานานหลายปี ถือเป็นการปิดด่าน
เมื่อหลิ่วจื้อชิงสะบัดแสงจันทร์ที่อาบร่าง ลุกขึ้นยืนท่ามกลางม่านราตรีที่มีหิมะตกก็ฝ่าทะลุขอบเขตได้ทันที
หลิ่วจื้อชิงขึ้นชื่อเรื่องนิสัยที่เย็นชา แต่กลับพูดคุยยิ้มแย้มกับเผยเฉียนที่เป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเฉินผิงอัน พวกเผยเฉียนเองไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พวกผู้ฝึกตนที่พักอาศัยอยู่บนยอดเขาของตำหนักจินอูกลับทำท่าเหมือนเห็นผี
หลิ่วจื้อชิงบอกให้สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไป แล้วตัวเองเป็นคนต้มชารับรองแขกด้วยตัวเอง พอพวกเผยเฉียนนั่งลงแล้ว หลิ่วจื้อชิงก็หยิบชุดน้ำชาออกมาหนึ่งชุด ปลายนิ้ววาดยันต์หลายชนิด ใช้เวทคาถาตระกูลเซียนดึงเอาน้ำพุใสมาจากในภูเขา จากนั้นก็ใช้ยันต์อัคคีสมาธิที่มีลักษณะคล้ายมังกรเพลิงมาต้มน้ำช้าๆ สร้างให้เกิดจากความว่างเปล่า วิธีการของเทพเซียน
หลิ่วจื้อชิงถามถึงเรื่องราวที่พบเจอระหว่างท่องเที่ยวจากเผยเฉียน
เผยเฉียนก็ไล่ตอบไปทีละข้อ
คำถามคำตอบของสองฝ่ายเป็นไปตามธรรมชาติ หลิ่วจื้อชิงเหมือนผู้ปกครองในตระกูลที่ออกมาเป็นขุนนางต่างถิ่น ส่วนเผยเฉียนก็เหมือนลูกหลานที่ออกจากบ้านเดินทางท่องเที่ยวมาถึงที่แห่งนี้
หลิ่วจื้อชิงไม่รู้สึกว่าตนทำในสิ่งที่เกินความจำเป็น เผยเฉียนก็ยิ่งไม่รู้สึกว่าเซียนกระบี่หลิ่วยุ่งวุ่นวาย
หลายปีมานี้หลิ่วจื้อชิงใช้จิตใจชำระล้างกระบี่จนประสบความสำเร็จ ได้ผลประโยชน์มหาศาล ไม่เพียงแต่เลื่อนเป็นก่อกำเนิดได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังพอจะสัมผัสได้อย่างเลือนรางด้วยว่าการฝ่าทะลุขอบเขตก่อกำเนิด คอขวดคงไม่ใหญ่เท่าใดนัก
นี่ต้องยกคุณความชอบให้กับข้อเสนอของเฉินผิงอันเมื่อครั้งที่อยู่บนหน้าผาอวี้อิ๋งด้วยกัน
ดังนั้นการปฏิบัติต่อเผยเฉียนลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของสหายรัก หลิ่วจื้อชิงที่ไม่เคยมีลูกศิษย์ผู้สืบทอด แน่นอนว่าต้องมองเด็กสาวเป็นดั่งเด็กรุ่นหลังในตระกูล แล้วก็คล้ายกับเป็นผู้สืบทอดครึ่งตัว
หากเผยเฉียนกล้าไม่รับน้ำใจ รู้สึกว่าฟังคำของเขาแล้วหงุดหงิด หลิ่วจื้อชิงที่กลัวจะมีปัญหามากที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะต้องสั่งสอนนางสักหลายๆ คำอย่างไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหา
ยังดีที่การแสดงออกของเผยเฉียนทำให้หลิ่วจื้อชิงพอใจอย่างมาก มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาค่อนข้างเสียดาย นั่นคือเผยเฉียนเป็นผู้ฝึกยุทธ ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่
แม้ว่าเหวยไท่เจินจะเคยเห็นบุคคลยิ่งใหญ่บนยอดเขาที่มีเมฆหมอกล้อมวนเวียนมาแล้วไม่น้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่มีความหวังบนมหามรรคาท่านนี้ก็ยังอดกริ่งเกรงและหวาดกลัวไม่ได้ ด้านหนึ่งเพราะเซียนกระบี่หลิ่วอายุน้อยเกินไป นอกจากนี้ก็เพราะท่านหลิ่วที่มีความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับอาจารย์พ่อของเผยเฉียนท่านนี้หน้าตาช่างหล่อเหลาจริงๆ
หลิ่วจื้อชิงส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังศาลบรรพจารย์ของตำหนักจินอู เพียงไม่นานก็ได้หนังสือฉบับสมบูรณ์ส่วนหนึ่งที่มีอย่างละเล่มเดียวซึ่งถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีของตำหนักจินอูมา ล้วนเป็นตำราที่เขียนด้วยมือของอริยะสำนักศึกษาในประวัติศาสตร์ของอุตรกุรุทวีปทั้งสิ้น มีครบทั้งคัมภีร์และคำสั่งสอน หลิ่วจื้อชิงมอบมันให้กับบัณฑิตหนุ่มที่มาจากสำนักศึกษาซานหยาของแจกันสมบัติทวีปอย่างหลี่ไหว
หลี่ไหวชำเลืองตามองเผยเฉียน เผยเฉียนพยักหน้ารับ หลี่ไหวจึงยิ้มเอ่ยขอบคุณแล้วรับเอาไว้
ระหว่างที่ดื่มชา หลิ่วจื้อชิงยังช่วยตรวจเนื้อหาตัวอักษรที่เผยเฉียนคัดด้วยตัวเอง บอกว่าตัวอักษรเขียนได้ดีกว่าอาจารย์พ่อของเจ้า
ผลคือเผยเฉียนได้ยินแล้วร้อนใจจนยกมือเกาหัว
เหวยไท่เจินยิ่งรู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวของเจ้าขุนเขาหนุ่มภูเขาลั่วพั่วคนนั้นทุกทีแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเซียนจากฝ่ายใดกันแน่ แค่การเดินทางท่องเที่ยวครั้งเดียวถึงกับสามารถทำให้หลิ่วจื้อชิงทำตัว ‘เป็นกันเอง’ ขนาดนี้ได้
จนถึงทุกวันนี้เหวยไท่เจินก็ยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วนางเคยเจอคนผู้นั้นมาก่อน อีกทั้งยังเจอที่ภูเขากระจกวิเศษหุบเขาผีร้ายบ้านเกิดของนางด้วย อีกฝ่ายยังเคยทำร้ายนางโดยไม่ตั้งใจ ก็คือบัณฑิตที่ในอดีตบิดานางเคยบอกว่า ‘ลำไส้ขดวกวนหลายตลบมากที่สุด ตาไร้แววมากที่สุด ขี้เหนียวมากที่สุด’ ผู้นั้น
นี่เป็นเพราะว่าเฉินผิงอันไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไปเยือนหุบเขาผีร้ายให้เผยเฉียนฟังมากนัก เรื่องที่เกี่ยวกับเกาเฉิง เฮ้อเสี่ยวเหลียงและคู่พี่น้องหยางหนิงเจิน หยางหนิงซิ่ง เขาล้วนปกปิดนางเอาไว้
สุดท้ายหลิ่วจื้อชิงยังออกจากตำหนักจินอูเป็นครั้งแรกหลังจากฝ่าทะลุขอบเขต เพื่อคุ้มครองเผยเฉียนไปส่งที่สวนน้ำค้างวสันต์ด้วยตัวเอง
ตำหนักจินอูมีเรือข้ามฟากสืบทอดมาจากบรรพบุรุษลำหนึ่งที่ใช้ก้อนเมฆสายฟ้ามาหลอมเป็นลำเรือ แล้วแกะสลักยันต์เวทอสนีเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดตัวลงไป ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกหลังจากมาถึงอุตรกุรุทวีปที่เผยเฉียนไม่ต้องเดินเท้า แต่ได้นั่งเรือข้ามฟากตระกูลเซียน
เผยเฉียนไม่กล้าให้ผู้อาวุโสหลิ่วเดินตากแดดตากลมอยู่ล่างภูเขาเป็นเพื่อนพวกเขา
เจ้าประมุขตำหนักจินอูมาส่งอาจารย์อาน้อยด้วยตัวเอง จิ้นเยว่บุตรชายโทนของเขาก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย เพราะหลิ่วจื้อชิงบอกว่าออกจากสำนักคราวนี้จะไปท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกนานหลายปี จะไปเยือนสำนักผู้ฝึกกระบี่น้อยใหญ่ซึ่งมีทะเลสาบกระบี่ฝูผิง สำนักกระบี่ไท่ฮุยเป็นหนึ่งในนั้น หากไม่ไปถามมรรคาก็ไปถามกระบี่ แต่มารดาของจิ้นเยว่ที่เป็นบุตรสาวของซานจวินใหญ่กลับไม่ได้ปรากฏตัว หลักๆ แล้วเป็นเพราะสตรีรู้แก่ใจตัวเองดีว่า ตนเข้ากับอาจารย์อาหลิ่วไม่ได้ มาแล้วก็มีแต่จะหาเรื่องใส่ตัว ก่อนหน้านี้ตอนที่หลิ่วจื้อชิงเป็นคอขวดโอสถทอง นางยังอาศัยบารมีของบิดาที่เป็นซานจวินกระทำการกำเริบเสิบสานอยู่ในตำหนักจินอูได้ ทว่าหลายปีมานี้นางสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะมาก นั่นก็เพราะกลัวนิสัยของหลิ่วจื้อชิง เขาจะไม่มาหาเรื่องนาง แต่จะไปหาบิดาซานจวินของนางที่ราชวงศ์ต้าจ้วนเพื่อพูดคุยเหตุผลโดยตรง เพราะประหยัดแรงกายแรงใจมากกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!