กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 699

แต่แล้วจู่ๆ เด็กหนุ่มก็ทำท่าตะลึงพรึงเพริด จากนั้นจึงพูดกลับคำด้วยท่าทางละอายใจเล็กน้อย “พี่หญิงจินเฟิ่ง ช่างเถิดๆ ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่กล้าออกไปจากภูเขาแล้ว”

จินเฟิ่งถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

อวี้ลู่ชี้ไปที่ดวงตาของตัวเอง จากนั้นจึงใช้นิ้วเคาะหูตัวเอง ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “อาณาเขตที่คนทั้งสามอยู่ถือว่ายังอยู่ในถิ่นของภูเขาแสงจันทร์ข้า ข้าจึงให้เอ้อวาเอ๋อร์ที่ไม่ใช่เทพแห่งผืนดินแต่ก็เหนือกว่าเทพแห่งผืนดินไปนอนหมอบในร่องหิน แอบฟังความเคลื่อนไหวของที่นั่น คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนั้นชำเลืองตามามองถึงสามครั้ง ครั้งแรกยังเข้าใจว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ครั้งที่สองถือเป็นการเตือน ครั้งที่สามไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะเรียกว่าเป็นการคุกคามแล้วกระมัง? ขนาดสตรีที่เป็นโอสถทองผู้นั้นยังสัมผัสไม่ถึง แต่กลับถูกผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งจับสังเกตได้? นี่มันประหลาดเกินไปหน่อยหรือไม่? ข้าจะไปมีเรื่องด้วยได้หรือ?”

จินเฟิ่งรู้ดีว่าอวี้ลู่มีนิสัยระมัดระวัง จึงไม่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าก็แค่ต้องทิ้งทางลัดในการช่วงชิงวาสนา แค่สงบใจฝึกตนให้ดีก็พอแล้ว”

เพียงแต่อวี้ลู่ก็เปลี่ยนคำพูดใหม่อีกว่า “ไม่แน่ว่าอาจจะลองทำดูได้”

จินเฟิ่งกล่าวอย่างจนใจ “อวี้ลู่ สรุปแล้วเจ้าจะเอายังไงกันแน่?”

เด็กหนุ่มเอาสองมือถูข้างแก้มอย่างแรง “พี่หญิงจินเฟิ่ง เชื่อข้าสักครั้งเถอะ!”

เผยเฉียนกุมหมัดหันไปคารวะทิศทางหนึ่งแล้วก็ออกเดินทางต่ออีกครั้ง

หลี่ไหวถามอย่างใคร่รู้ “นี่คือ?”

เผยเฉียนเอ่ยเบาๆ “เข้าวัดจุดธูปสามดอก ขึ้นเขาต้องกราบไหว้ภูเขา นี่ก็คือกฎ”

หลี่ไหวเตรียมจะยกมือคารวะเลียนแบบเผยเฉียน แต่กลับถูกเผยเฉียนเอาไม้เท้าฟาดใส่ ทั้งยังเอ่ยสั่งสอนว่า “หากไม่จริงใจก็ไม่ต้องทำอะไรเลยดีกว่า ไม่รู้หรือไงว่าเชิญเทพมาง่ายส่งเทพกลับยากน่ะ”

หลี่ไหวร้องอ้อหนึ่งที แล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลจริงๆ

จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ไปถึงแคว้นอิ๋นผิง พวกเขาเดินอ้อมทะเลสาบชางอวิ๋นที่ช่วงหลายปีมานี้เริ่มปิดประตูไม่ต้อนรับแขกเพื่อฟื้นฟูพลังต้นกำเนิด

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นคือผู้นำของเทพวารีในหนึ่งแคว้น อาณาเขตการปกครองมีหนึ่งทะเลสาบสามลำคลองสองร่องลำน้ำ ตามคำกล่าวของพวกชาวบ้านในท้องถิ่นที่มาจุดธูปกราบไหว้ หลายปีมานี้ศาลใหญ่แห่งต่างๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนเทพลำคลองและเซียนน้ำทีเดียวรวดหลายองค์

หลี่ไหวจึงถามเผยเฉียนว่าทำไมถึงไม่ไปจุดธูปไหว้ศาลเทพวารีใหญ่แห่งต่างๆ เผยเฉียนไม่ได้บอกเหตุผล แค่บอกว่าจะไปยังเมืองสุยเจี้ยที่ท่านเทพอภิบาลเมืองถูกเปลี่ยนก่อน

พวกเขาเข้าเมืองได้ก่อนช่วงห้ามเข้าออกเคหะสถานยามวิกาล เผยเฉียนสอบถามเส้นทางแล้วก็ตรงดิ่งไปยังศาลเทพอัคคีที่ถูกสร้างขึ้นใหม่และร่างทองเพิ่งถูกซ่อมแซมได้ไม่กี่ปีแห่งนั้นโดยตรง

ท่ามกลางม่านราตรี คนเฝ้าศาลเตรียมจะปิดประตู คิดไม่ถึงว่าบุรุษท่านหนึ่งจะเดินออกจากเทวรูปร่างทอง มาที่หน้าประตูใหญ่ บอกให้ผู้เฒ่าคนเฝ้าศาลไปทำธุระของตัวเอง

หน้าประตูศาล ชายฉกรรจ์มองเห็นชายหญิงสองคนที่สะพายหีบไม้ไผ่ถือไม้เท้าเดินป่าก็ยิ้มถามเข้าประเด็นทันที “ข้าคือเทพองค์น้อยของที่แห่งนี้ พวกเจ้ารู้จักเฉินผิงอันหรือ?”

หลี่ไหวอึ้งตะลึง ในใจรู้สึกเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง สมกับเป็นนายท่านเทพเซียนที่ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆ!

เผยเฉียนกุมหมัดยิ้มกล่าว “ข้าคือลูกศิษย์ใหญ่ของอาจารย์พ่อ แซ่เผยนามเฉียน คารวะนายท่านแห่งศาลเทพอัคคี!”

ชายฉกรรจ์พยักหน้ายิ้มรับ “ดื่มเหล้าได้หรือไม่?”

เผยเฉียนส่ายหน้าอย่างเขินอาย “อาจารย์พ่อไม่อนุญาต”

ชายฉกรรจ์ยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไร ข้าจะให้คนเฝ้าศาลเตรียมอาหารโต๊ะหนึ่ง คืนนี้ก็พักที่นี่ ได้อาศัยใบบุญของอาจารย์พ่อเจ้า ทุกวันนี้ศาลเล็กจึงไม่เล็กแล้ว ผู้มีจิตศรัทธามีเยอะมากจริงๆ จึงสร้างห้องรับรองแขกเอาไว้ไม่น้อย พวกเจ้าเชิญเข้าพักได้ตามสบาย”

เผยเฉียนกุมหมัดอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนนายท่านแห่งศาลเทพอัคคีแล้ว”

หลี่ไหวกุมหมัดเลียนแบบเผยเฉียน เหวยไท่เจินยอบตัวคารวะ

ในเมื่อเป็นสหายของอาจารย์พ่อเผยเฉียน เหวยไท่เจินจะกล้าไม่เห็นอยู่ในสายตาได้อย่างไร

ตลอดทางมานี้เผยเฉียนกับหลี่ไหวเถียงกันเรื่องหนึ่งอยู่ตลอด เผยเฉียนบอกว่าตัวเองเป็นขอบเขตหกแล้ว ทุกวันนี้อาจารย์พ่อต้องเป็นขอบเขตสิบเอ็ด หนีไม่พ้นแน่ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว หลี่ไหวบอกว่ามิตรภาพก็ส่วนมิตรภาพ ทุกวันนี้อาจารย์พ่อของเจ้าต้องเป็นแค่ขอบเขตสิบแน่! เดิมพันก็เดิมพันสิ หากพ่ายแพ้ ข้าจะให้พี่สาวข้าใช้แซ่ตามเจ้าเผยเฉียน!

เหวยไท่เจินรับฟังด้วยอาการอกสั่นขวัญผวา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นขอบเขตสิบเอ็ด…ขอบเขตสิบแน่นอน…จะให้นายหญิงเปลี่ยนแซ่ตาม…

ชายฉกรรจ์คารวะกลับคืนบัณฑิตหนุ่มและสตรีสวมหมวกม่านคลุมหน้า แม้จะบอกว่าขอบเขตของสตรีที่สวมหมวกม่านคลุมหน้าสูงมาก มีภาพบรรยากาศของเซียนดิน แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรมีแค่เหตุผลเดียว ล้วนเป็นสหายของเฉินผิงอัน ต่อให้ห้าขอบเขตบนมาเยือนก็คือสหาย ห้าขอบเขตล่างมาเยือนก็ยังคงเป็นสหาย

จากนั้นชายฉกรรจ์ก็มองไปทางเผยเฉียน เอ่ยหยอกล้อว่า “ระมัดระวังตัวกว่าพี่น้องหลิงจวินอยู่สักหน่อย”

เจ้าเฉินหลิงจวินตัวดี ออกมาอยู่ข้างนอกกลับกล้าทำตัวเป็นกันเองขนาดนี้ กล้าเรียกสหายของอาจารย์พ่อว่าพี่น้องเชียวหรือ

เผยเฉียนแอบจดบัญชีของเฉินหลิงจวินไว้ในใจเงียบๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!