กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 699

สรุปบท บทที่ 699.2 ต้องการถามหมัด: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 699.2 ต้องการถามหมัด – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 699.2 ต้องการถามหมัด ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

แต่แล้วจู่ๆ เด็กหนุ่มก็ทำท่าตะลึงพรึงเพริด จากนั้นจึงพูดกลับคำด้วยท่าทางละอายใจเล็กน้อย “พี่หญิงจินเฟิ่ง ช่างเถิดๆ ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่กล้าออกไปจากภูเขาแล้ว”

จินเฟิ่งถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

อวี้ลู่ชี้ไปที่ดวงตาของตัวเอง จากนั้นจึงใช้นิ้วเคาะหูตัวเอง ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “อาณาเขตที่คนทั้งสามอยู่ถือว่ายังอยู่ในถิ่นของภูเขาแสงจันทร์ข้า ข้าจึงให้เอ้อวาเอ๋อร์ที่ไม่ใช่เทพแห่งผืนดินแต่ก็เหนือกว่าเทพแห่งผืนดินไปนอนหมอบในร่องหิน แอบฟังความเคลื่อนไหวของที่นั่น คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนั้นชำเลืองตามามองถึงสามครั้ง ครั้งแรกยังเข้าใจว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ครั้งที่สองถือเป็นการเตือน ครั้งที่สามไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะเรียกว่าเป็นการคุกคามแล้วกระมัง? ขนาดสตรีที่เป็นโอสถทองผู้นั้นยังสัมผัสไม่ถึง แต่กลับถูกผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งจับสังเกตได้? นี่มันประหลาดเกินไปหน่อยหรือไม่? ข้าจะไปมีเรื่องด้วยได้หรือ?”

จินเฟิ่งรู้ดีว่าอวี้ลู่มีนิสัยระมัดระวัง จึงไม่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าก็แค่ต้องทิ้งทางลัดในการช่วงชิงวาสนา แค่สงบใจฝึกตนให้ดีก็พอแล้ว”

เพียงแต่อวี้ลู่ก็เปลี่ยนคำพูดใหม่อีกว่า “ไม่แน่ว่าอาจจะลองทำดูได้”

จินเฟิ่งกล่าวอย่างจนใจ “อวี้ลู่ สรุปแล้วเจ้าจะเอายังไงกันแน่?”

เด็กหนุ่มเอาสองมือถูข้างแก้มอย่างแรง “พี่หญิงจินเฟิ่ง เชื่อข้าสักครั้งเถอะ!”

เผยเฉียนกุมหมัดหันไปคารวะทิศทางหนึ่งแล้วก็ออกเดินทางต่ออีกครั้ง

หลี่ไหวถามอย่างใคร่รู้ “นี่คือ?”

เผยเฉียนเอ่ยเบาๆ “เข้าวัดจุดธูปสามดอก ขึ้นเขาต้องกราบไหว้ภูเขา นี่ก็คือกฎ”

หลี่ไหวเตรียมจะยกมือคารวะเลียนแบบเผยเฉียน แต่กลับถูกเผยเฉียนเอาไม้เท้าฟาดใส่ ทั้งยังเอ่ยสั่งสอนว่า “หากไม่จริงใจก็ไม่ต้องทำอะไรเลยดีกว่า ไม่รู้หรือไงว่าเชิญเทพมาง่ายส่งเทพกลับยากน่ะ”

หลี่ไหวร้องอ้อหนึ่งที แล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลจริงๆ

จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ไปถึงแคว้นอิ๋นผิง พวกเขาเดินอ้อมทะเลสาบชางอวิ๋นที่ช่วงหลายปีมานี้เริ่มปิดประตูไม่ต้อนรับแขกเพื่อฟื้นฟูพลังต้นกำเนิด

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นคือผู้นำของเทพวารีในหนึ่งแคว้น อาณาเขตการปกครองมีหนึ่งทะเลสาบสามลำคลองสองร่องลำน้ำ ตามคำกล่าวของพวกชาวบ้านในท้องถิ่นที่มาจุดธูปกราบไหว้ หลายปีมานี้ศาลใหญ่แห่งต่างๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนเทพลำคลองและเซียนน้ำทีเดียวรวดหลายองค์

หลี่ไหวจึงถามเผยเฉียนว่าทำไมถึงไม่ไปจุดธูปไหว้ศาลเทพวารีใหญ่แห่งต่างๆ เผยเฉียนไม่ได้บอกเหตุผล แค่บอกว่าจะไปยังเมืองสุยเจี้ยที่ท่านเทพอภิบาลเมืองถูกเปลี่ยนก่อน

พวกเขาเข้าเมืองได้ก่อนช่วงห้ามเข้าออกเคหะสถานยามวิกาล เผยเฉียนสอบถามเส้นทางแล้วก็ตรงดิ่งไปยังศาลเทพอัคคีที่ถูกสร้างขึ้นใหม่และร่างทองเพิ่งถูกซ่อมแซมได้ไม่กี่ปีแห่งนั้นโดยตรง

ท่ามกลางม่านราตรี คนเฝ้าศาลเตรียมจะปิดประตู คิดไม่ถึงว่าบุรุษท่านหนึ่งจะเดินออกจากเทวรูปร่างทอง มาที่หน้าประตูใหญ่ บอกให้ผู้เฒ่าคนเฝ้าศาลไปทำธุระของตัวเอง

หน้าประตูศาล ชายฉกรรจ์มองเห็นชายหญิงสองคนที่สะพายหีบไม้ไผ่ถือไม้เท้าเดินป่าก็ยิ้มถามเข้าประเด็นทันที “ข้าคือเทพองค์น้อยของที่แห่งนี้ พวกเจ้ารู้จักเฉินผิงอันหรือ?”

หลี่ไหวอึ้งตะลึง ในใจรู้สึกเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง สมกับเป็นนายท่านเทพเซียนที่ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆ!

เผยเฉียนกุมหมัดยิ้มกล่าว “ข้าคือลูกศิษย์ใหญ่ของอาจารย์พ่อ แซ่เผยนามเฉียน คารวะนายท่านแห่งศาลเทพอัคคี!”

ชายฉกรรจ์พยักหน้ายิ้มรับ “ดื่มเหล้าได้หรือไม่?”

เผยเฉียนส่ายหน้าอย่างเขินอาย “อาจารย์พ่อไม่อนุญาต”

ชายฉกรรจ์ยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไร ข้าจะให้คนเฝ้าศาลเตรียมอาหารโต๊ะหนึ่ง คืนนี้ก็พักที่นี่ ได้อาศัยใบบุญของอาจารย์พ่อเจ้า ทุกวันนี้ศาลเล็กจึงไม่เล็กแล้ว ผู้มีจิตศรัทธามีเยอะมากจริงๆ จึงสร้างห้องรับรองแขกเอาไว้ไม่น้อย พวกเจ้าเชิญเข้าพักได้ตามสบาย”

เผยเฉียนกุมหมัดอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนนายท่านแห่งศาลเทพอัคคีแล้ว”

หลี่ไหวกุมหมัดเลียนแบบเผยเฉียน เหวยไท่เจินยอบตัวคารวะ

ในเมื่อเป็นสหายของอาจารย์พ่อเผยเฉียน เหวยไท่เจินจะกล้าไม่เห็นอยู่ในสายตาได้อย่างไร

ตลอดทางมานี้เผยเฉียนกับหลี่ไหวเถียงกันเรื่องหนึ่งอยู่ตลอด เผยเฉียนบอกว่าตัวเองเป็นขอบเขตหกแล้ว ทุกวันนี้อาจารย์พ่อต้องเป็นขอบเขตสิบเอ็ด หนีไม่พ้นแน่ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว หลี่ไหวบอกว่ามิตรภาพก็ส่วนมิตรภาพ ทุกวันนี้อาจารย์พ่อของเจ้าต้องเป็นแค่ขอบเขตสิบแน่! เดิมพันก็เดิมพันสิ หากพ่ายแพ้ ข้าจะให้พี่สาวข้าใช้แซ่ตามเจ้าเผยเฉียน!

เหวยไท่เจินรับฟังด้วยอาการอกสั่นขวัญผวา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นขอบเขตสิบเอ็ด…ขอบเขตสิบแน่นอน…จะให้นายหญิงเปลี่ยนแซ่ตาม…

ชายฉกรรจ์คารวะกลับคืนบัณฑิตหนุ่มและสตรีสวมหมวกม่านคลุมหน้า แม้จะบอกว่าขอบเขตของสตรีที่สวมหมวกม่านคลุมหน้าสูงมาก มีภาพบรรยากาศของเซียนดิน แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรมีแค่เหตุผลเดียว ล้วนเป็นสหายของเฉินผิงอัน ต่อให้ห้าขอบเขตบนมาเยือนก็คือสหาย ห้าขอบเขตล่างมาเยือนก็ยังคงเป็นสหาย

จากนั้นชายฉกรรจ์ก็มองไปทางเผยเฉียน เอ่ยหยอกล้อว่า “ระมัดระวังตัวกว่าพี่น้องหลิงจวินอยู่สักหน่อย”

เจ้าเฉินหลิงจวินตัวดี ออกมาอยู่ข้างนอกกลับกล้าทำตัวเป็นกันเองขนาดนี้ กล้าเรียกสหายของอาจารย์พ่อว่าพี่น้องเชียวหรือ

เผยเฉียนแอบจดบัญชีของเฉินหลิงจวินไว้ในใจเงียบๆ

หมี่ลี่น้อยกับเฉินหลิงจวิน คนหนึ่งคือฟ้าคนหนึ่งคือดิน ในอดีตเฉินหลิงจวินมักจะชอบคว้าตัวใครมาสักคนแล้วฝอยจนน้ำลายแตกฟอง โม้ให้ฟังถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของเขาที่แม่น้ำอวี้เจียง แน่นอนว่ายิ่งเป็นช่วงหลัง คงเป็นเพราะเฉินหลิงจวินรำคาญตัวเองแล้วจึงยิ่งไม่ชอบพูดถึงเรื่องราวในยุทธภพของแม่น้ำอวี้เจียงอีก แต่หมี่ลี่น้อยกลับแค่จะเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัว นางเล่าเรื่องในอดีตมากมายของตัวเองตอนอยู่ในทะเลสาบคนใบ้ให้เผยเฉียนกับหน่วนซู่ฟัง บอกว่าปีนั้นตอนอยู่บ้านเกิดนางมีชื่อเสียงอย่างมาก เทพเซียนของจวนชิงชิ่งแคว้นเถาจือที่ตบะสูงยิ่งกว่าแผ่นฟ้ากลุ่มหนึ่งพากันเดินทางมาอย่างยิ่งใหญ่ จำนวนคนมากมายจนนับไม่ไหว รวมตัวกันเป็นขบวนที่ใหญ่ยิ่งกว่าผืนฟ้าก็เพียงแค่เพราะมาจับนางคนเดียว คนหนึ่งในนั้นคือผู้ฝึกยุทธที่บอกว่าชื่อเหมาชิวลู่ เป็นแม่นางใหญ่ที่ไม่เลวคนหนึ่ง แม้ว่าจะดุร้ายไปสักหน่อย แต่ก็จิตใจดี คิดจะเชิญนางไปเป็นแม่ย่าลำคลองของแคว้นเชียนโกว ผลคือราชครูแคว้นเชียนโกวต้องจ่ายเงินฝนธัญพืชหนึ่งเหรียญแก่จวนชิงชิ่ง ดูท่าแล้วราชครูคนนั้นจะจนมากจริงๆ จากนั้นคนผู้หนึ่งของตำหนักจินอูที่นางลืมไปแล้วว่าชื่อแซ่อะไรก็เตรียมจะมาซื้อตัวนาง ต่อให้ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก็ยังแค่สองเหรียญเงินฝนธัญพืชเท่านั้น ขี้เหนียวกันชะมัด ไม่มีมาดความใจกว้างของเทพเซียนบนภูเขากันบ้างเลย ไม่มีเลยสักนิดเดียว

จากนั้นนางก็ได้เจอกับเจ้าขุนเขาคนดี เจ้าขุนเขาคนดีทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อนางมาจากจวนชิงชิ่ง ดังนั้นนางจึงติดตามเขาออกมาจากทะเลสาบคนใบ้ ออกท่องยุทธภพไปร่วมกัน ร้ายกาจนักล่ะ พอออกจากบ้านปุ๊บ พวกเขาสองคนก็ร่วมกันสังหารบรรพบุรุษหวงซาที่ไร้ศัตรูทัดเทียมผู้นั้นทันที น่าเสียดายที่คนที่รู้วีรกรรมยิ่งใหญ่นี้กลับมีมาเยอะ แต่นั่นจะเป็นอะไรไปเล่า นางไม่ใช่ภูตน้ำใหญ่ที่ชอบสร้างชื่อเสียงจอมปลอมสักหน่อย ไม่รู้ก็ไม่รู้สิ ถึงอย่างไรเจ้าขุนเขาคนดีก็เคยรับปากนางว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีคนมากมายที่ได้อ่านเรื่องราวของนางจากหนังสือ…

ตอนนั้นหมี่ลี่น้อยเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของตรอกฉีหลง หลังจากติดตามเผยเฉียนกลับมาที่ภูเขาลั่วพั่วยังชอบพูดเรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมา ตอนนั้นเผยเฉียนเองก็รำคาญที่หมี่ลี่น้อยเอาแต่พูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก แต่ก็ไม่ห้ามหมี่ลี่ที่พูดถึงเรื่องพวกนี้อย่างอารมณ์ดี อย่างมากสุดพอพูดถึงรอบที่สองเผยเฉียนก็จะยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว พอพูดเป็นรอบที่สาม เผยเฉียนก็ยื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว เอ่ยประโยคหนึ่งว่าสามรอบแล้ว แม่นางน้อยจึงเกาหัว รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ภายหลังหมี่ลี่น้อยก็ไม่พูดอีก

นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่หญิงหน่วนซู่โมโห นางแอบมาหาเผยเฉียนบอกว่าเจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ หมี่ลี่น้อยยินดีพูด เจ้าแค่ฟังไปก็พอ ไม่ได้ถ่วงรั้งเรื่องอะไรของพวกเราสักหน่อย หมี่ลี่น้อยจากบ้านมาไกลขนาดนั้น เล่าให้พวกเราสองคนฟังหลายรอบหน่อยจะเป็นอะไรไป หากเจ้าไม่ชอบฟังจริงๆ ก็บอกว่าเจ้าจะไปคัดหนังสือหรือฝึกหมัด ต่อให้พูดต่อหน้าว่าตัวเองฟังจนเบื่อแล้วก็ยังดีกว่าพูดกับหมี่ลี่น้อยแบบนี้ นี่จะทำให้นางเสียใจมาก

แรกเริ่มเผยเฉียนไม่เห็นเป็นสำคัญ แล้วก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพียงแค่ตกปากรับคำพี่หญิงหน่วนซู่ที่ไม่เคยโกรธเคืองใครไปว่ารู้แล้วรู้แล้ว วันหน้ารับรองว่าตนจะไม่ทำท่าหงุดหงิด ต่อให้รู้สึกก็จะเก็บซ่อนให้ดี หมี่ลี่น้อยที่ซื่อบื้อต้องมองไม่ออกแน่นอน เพียงแต่เช้าตรู่วันที่สอง พอเผยเฉียนอ้าปากหาวหมายจะไปฝึกหมัดที่เรือนไม้ไผ่ก็เจอกับแม่นางน้อยชุดดำที่ถือไม้เท้าเดินป่า บนบ่าแบกภาระยิ่งใหญ่ของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาตรอกฉีหลงมายืนเป็นเทพทวารบาลอยู่หน้าประตูให้ตนเหมือนเดิม ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกก็ขัดขวางนางไม่ได้ พอเห็นเผยเฉียน แม่นางน้อยก็รีบยืดอกตั้ง ยิ้มปากกว้างให้นางก่อน จากนั้นก็เม้มปากยิ้ม

กระทั่งบัดนั้นเผยเฉียนถึงได้รู้สึกว่าตนทำผิดไปจริงๆ นางจึงลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย บอกว่าวันหน้าหากยังอยากเล่าเรื่องของทะเลสาบคนใบ้ก็เล่าได้เลย อีกทั้งยังต้องตั้งใจคิดให้ดีๆ ว่าลืมเรื่องเล็กน้อยเท่าเมล็ดข้าวสารเรื่องใดไปหรือไม่

ตอนนั้นแม่นางน้อยวิ่งตุปัดตุเป๋อยู่ข้างกายเผยเฉียน นางส่ายหน้าอย่างแรง บอกว่าไม่พูดแล้วๆ ก่อนหน้านี้ตนกลัวว่าเผยเฉียนกับพี่หญิงหน่วนซู่จะลืมถึงได้พูดย้ำไปหลายรอบ หากต้องให้คิดเรื่องต่างๆ คงเปลืองแรงอย่างมาก

สุดท้ายหมี่ลี่น้อยยังกำชับเผยเฉียนว่าหากวันหน้าลืมไป จำไว้ว่าต้องบอกนางด้วยนะ ถึงเวลานั้นนางค่อยพูดอีกรอบ

ท่ามกลางม่านราตรี เผยเฉียนยื่นมือไปวักน้ำขึ้นมา แสงจันทร์อยู่ในมือ

ตอนอยู่บนภูเขาลั่วพั่ว พวกนางสามคนชอบหลบไปพูดเรื่องส่วนตัวกันในโปงผ้าห่ม ศีรษะของคนทั้งสามเบียดกันในผ้าห่มจึงทำให้มองดูเหมือนภูเขาลูกเล็ก

หลี่ไหวนั่งอยู่ข้างกองไฟห่างไปไม่ไกล

เหวยไท่เจินถามเสียงเบา “คุณชายหลี่ ทำไมถึงไม่เร่งให้แม่นางเผยเดินทางเร็วสักหน่อย”

ถึงอย่างไรนางก็เป็นสาวใช้ของหลี่ไหว จึงควรต้องพิจารณาเพื่อคุณชายหลี่ให้มาก

หลี่ไหวรับคำเรียกขานว่า ‘คุณชายหลี่’ นี่ไม่ได้มากที่สุด เพียงแต่เทพธิดาเหวยยืนกราน เกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้งก็ไร้ผล เขาเลยได้แต่ทนฟังอย่างอัดอั้น ได้แต่คิดว่าลมและน้ำของภูเขาตระกูลเซียนอย่างยอดเขาสิงโตก็ซื่อบริสุทธิ์เหมือนกับเมืองเล็กบ้านเกิดของตน หลี่ไหวยังรู้สึกดีใจแทนพี่สาว ได้มาฝึกตนอยู่ในสถานที่แบบนี้ คิดดูแล้วคงไม่ถูกคนรังแก พี่สาวเขานิสัยดีเกินไป ลักษณะก็นุ่มนิ่มบอบบางเกินไป อยู่บ้านเกิดมาตั้งนานหลายปียังเถียงใครไม่เป็นเลย ออกจะโง่ไปสักหน่อย ข้อนี้เหมือนท่านพ่อของพวกเขา ไม่เหมือนตนที่นิสัยเหมือนท่านแม่ ยามอยู่นอกบ้านจึงไม่ถูกใครรังแกง่ายๆ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!