ซิ่วไฉเฒ่าพลันลุกขึ้นยืน กระโดดเหยงแล้วถ่มน้ำลายไปด้านนอก “วิชาความรู้ทั่วร่างฟ้าดินขานรับ ชายแขนเสื้อสองข้างมีเพียงลมเย็นไร้สิ่งใดอื่น โหยวหนางดึงน้ำจากธารสวรรค์ ปากอมบัญชาฟ้าสร้างทะเลสาบใหญ่…ถุย!”
ความประทับใจที่ซิ่วไฉเฒ่ามีต่อคนที่เหมาเสี่ยวตงกับหลี่เป่าผิงพูดถึงก่อนหน้านี้นับว่ายังพอใช้ได้ เพียงแต่ว่าสำหรับปัญญาชนคนรุ่นหลังที่แต่งกวีมาประจบเอาใจคนผู้นี้ นั่นก็ต้องบอกว่านึกอยากจะเอาบทกวีมารวบรวมให้เป็นเล่มแล้วโยนเข้าไปยังศาลบุ๋นในท้องถิ่นแคว้นใดแคว้นหนึ่ง แล้วค่อยถามเจ้าคนที่ถูกอวยยศย้อนหลังให้เป็นเหวินเจินกงว่ารู้สึกอับอายบ้างหรือไม่ แต่ยามที่คนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือด้านการสร้างสรรงานศิลปะหรือบทความเสนอแนวทางปรับปรุงแก้ไขการปกครองให้กับราชสำนักก็ล้วนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เหมาเสี่ยวตงตามองจมูก จมูกมองใจ นั่งนิ่งไม่ขยับ จิตใจสงบนิ่งดุจผืนน้ำ
ถึงอย่างไรไม่ว่าอาจารย์พูดอะไรทำอะไรก็ล้วนถูกต้องทั้งหมด
ซิ่วไฉเฒ่ากลับมานั่งที่เดิม เอ่ยว่า “แต่ว่าเหล้าล่านสูของทะเลสาบโหยวหนางรสชาติดีจริงๆ ราคานับว่ายุติธรรม ก็แค่กฎที่วิญญูชนกับนักปราชญ์ซื้อเหล้าลดครึ่งราคากลับไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร เป็นซิ่วไฉแล้วอย่างไร ซิ่วไฉไม่ใช่ยศอย่างหนึ่งหรอกหรือ”
เหมาเสี่ยวตงไม่เอ่ยอะไรสักคำ เพียงแค่เงี่ยหูตั้งใจฟังคำสั่งสอนของอาจารย์
ซิ่วไฉเฒ่ารออยู่นานก็ยังไม่ได้ยินลูกศิษย์เป็นฝ่ายพูดถึงเรื่องที่ศาลบุ๋นถกเถียงกันช่วงล่าสุดนี้เสียที เขารู้สึกเสียดายอยู่มาก เรื่องแบบนี้หากให้ตนเป็นคนเปิดประเด็นก็ออกจะน่าเบื่อเกินไปแล้ว
เหมาเสี่ยวตงเพียงแค่นั่งตัวตรงอยู่ฝั่งตรงข้าม รู้สึกจากใจจริงว่าอาจารย์ของตนไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย แต่กลับสร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่ไว้ทั่วหล้า
ซิ่วไฉเฒ่ายิ้มกล่าว “เมื่อหลายปีก่อนไปดื่มเหล้าที่ร้านเหล้าในกำแพงเมืองปราณกระบี่กับจั่วโย่วและศิษย์น้องเล็กของเจ้า เฉินผิงอันบอกว่าเรื่องการสั่งสอนถ่ายทอดมรรคาของเจ้านั้น เหมือนข้ามากที่สุด แท้เข้มข้นและเป็นกลาง ยังบอกด้วยว่าเจ้าศึกษาหาความรู้อย่างระมัดระวัง สั่งสอนลูกศิษย์อย่างรอบคอบ”
เหมาเสี่ยวตงรีบลุกขึ้นยืน “ศิษย์ละอายใจนัก มิกล้ารับคำกล่าวนี้”
ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยเนิบช้าว่า “หากศิษย์สู้อาจารย์ไม่ได้ แล้วสั่งสอนลูกศิษย์ที่สู้ลูกศิษย์ไม่ได้อีก ในเรื่องของการถ่ายทอดมรรคาจะไม่กลายเป็นว่าต้องอาศัยปรมาจารย์มหาปราชญ์ให้ทุ่มเทลงมือทำเพียงคนเดียวหรอกหรือ? หากเจ้ารู้สึกละอายใจมิกล้ารับจากใจจริง ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จะละอายใจมิกล้ารับไว้จริงๆ แล้ว การให้ความเคารพครูบาอาจารย์อย่างแท้จริง นั่นคือทำให้พวกลูกศิษย์ได้บุกเบิกโฉมหน้าใหม่ โดดเด่นไม่เหมือนใครในด้านวิชาความรู้ นี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าเคารพครูบาอาจารย์จริงๆ เหมาเสี่ยวตงในใจของข้า เมื่อพบข้าแล้วควรปฏิบัติตามหลักมารยาทของลูกศิษย์ แต่เมื่อปฏิบัติตามมารยาทเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องกล้าพูดถึงความไม่เหมาะสมบางอย่างในด้านวิชาความรู้กับอาจารย์ เหมาเสี่ยวตง ศึกษาหาความรู้อย่างยากลำบากมาร้อยปี เคยมีจุดใดที่คิดว่ามีความรู้สูงกว่าอาจารย์ หรือสามารถช่วยตรวจสอบหาช่องโหว่ให้กับความรู้ของอาจารย์บ้างหรือไม่? ต่อให้มีแค่จุดเดียวก็ยังดี”
เหมาเสี่ยวตงลุกขึ้นยืนแล้วก็ไม่ได้นั่งลง ในใจเต็มไปด้วยความละอาย ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ตอนนี้ยังไม่มี”
ซิ่วไฉเฒ่ากลับไม่มีโทสะ กลับกันสีหน้ายิ่งเมตตาอ่อนโยน “รู้ก็บอกว่ารู้ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ ก็ไม่ถือว่าไร้ประโยชน์ไปเสียทั้งหมด พยายามให้มากขึ้นก็พอ”
ซิ่วไฉเฒ่าหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก็ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เพราะถึงอย่างไรความรู้ของอาจารย์เจ้าก็สูงอย่างมาก”
เหมาเสี่ยวตงที่ยืนอยู่ตรงนั้นรู้สึกตัดสินใจไม่ถูก ทั้งอยากนั่งลง หลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นการยืนค้ำหัวอาจารย์ ไม่สอดคล้องกับมารยาท แต่ก็อยากยืนกุมมืออยู่อย่างนี้เพื่อรับฟังคำถ่ายทอดของอาจารย์ เหมาะสมกับพิธีการ
ซิ่วไฉเฒ่าเงยหน้ามองเหมาเสี่ยวตง ยิ้มกล่าว “ยังไม่ฝ่าทะลุคอขวดก่อกำเนิดอีกหรือ แบบนี้ไม่ค่อยประเสริฐเท่าไรแล้ว ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้สิ ด้วยนิสัยและความรู้ของเจ้าเหมาเสี่ยวตง ควรจะฝ่าขอบเขตตั้งนานแล้วถึงจะถูก”
เหมาเสี่ยวตงรู้สึกละอายใจอีกครั้ง
ซิ่วไฉเฒ่าถามว่า “สามรากฐานของมารยาทพิธีการคือสิ่งใด?”
เหมาเสี่ยวตงกำลังจะตอบ
ซิ่วไฉเฒ่ากลับชี้นิ้วไปที่หัวใจ “ถามเองตอบเอง”
เหมาเสี่ยวตงที่เรือนกายสูงใหญ่ยืนเหม่อลอยอยู่ในศาลา
ซิ่วไฉเฒ่าพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง “ศาลาเหมือนที่พักผ่อนของใจคน วิถีทางโลกบางอย่างก็เหมือนลมหิมะนี้ หอบเอาตำราอริยะปราชญ์หลายเล่มไว้ในอ้อมอก รู้หลักการเหตุผลแล้ว ยามเดินออกไปจากศาลาก็จะไม่หนาวแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ซิ่วไฉเฒ่าก็ถามเองตอบเองเช่นกัน “ข้ากลับรู้สึกว่าช่วยให้หายหนาวได้หลายส่วน สามารถทำให้คนเดินไปบนเส้นทางลมพายุได้อีกหลายก้าว”
เหมาเสี่ยวตงมองหิมะใหญ่นอกศาลา หลุดปากเอ่ยไปว่า “วิญญูชนเล่าเรียนเพื่อให้ตนมีความประพฤติและคุณธรรมอันดีงาม มารยาทและพิธีการคือบรรทัดฐานแห่งพฤติกรรมที่คนควรปฏิบัติตาม ปากเอ่ยมารยาทพิธีการ ตัวปฏิบัติตามมารยาทพิธีการ เรียนรู้ถึงแก่นแล้วจงลงมือปฏิบัติ อย่าได้หยุดเพียงการเรียนรู้ นี่คือจุดสูงสุดแห่งการฝึกอบรมบ่มเพาะตนของวิญญูชน”
ซิ่วไฉเฒ่าตบเข่าฉาด “ประเสริฐ!”
จากนั้นลมหิมะนอกศาลาก็หยุดนิ่ง
เหมาเสี่ยวตงนั่งลงช้าๆ ยามที่หิมะหยุดตก เขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ตัวอักษรคำโคลงคู่นอกศาลายังส่องประกายแสงวับวาม หิมะใหญ่ถึงได้ตกลงมาบนโลกมนุษย์ต่ออีกครั้ง
ซิ่วไฉเฒ่าพลันถามว่า “นอกศาลา เจ้าใช้จิตใจที่เร่าร้อนออกเดินทางไกล ข้างทางยังมีคนที่มือเท้าแข็งหนาวจนตัวสั่นมากมายขนาดนั้น เจ้าควรทำอย่างไร? คนเหล่านี้อาจไม่เคยอ่านตำรามาก่อน ยามถึงเหมันต์ที่หนาวเหน็บ แต่ละคนสวมเสื้อเนื้อบาง แล้วจะเอาตำราจากไหนมาอ่าน? อาจารย์สอนหนังสือคนหนึ่งที่ไม่ต้องกลัดกลุ้มกับอากาศหนาวร้อน มัวมาพร่ำพูดอยู่ข้างหูคนอื่นจะไม่ทำให้คนรังเกียจเอาหรอกหรือ?”
เหมาเสี่ยวตงจมสู่ภวังค์ความคิด ถึงขั้นที่ว่าไม่รู้ตัวสักนิดว่าอาจารย์ของตนจากไปอย่างเงียบเชียบแล้ว
ซิ่วไฉเฒ่ามาปรากฏตัวอยู่ข้างกายผู้อำนวยการใหญ่ของสถานศึกษาแล้วหัวเราะร่าเอ่ยว่า “ว่ายังไง?”
ผู้อำนวยการใหญ่เอ่ย “นับแต่นี้ไป ชุยฉานเคยกล่าวไว้ในจดหมาย ขอแค่เหมาเสี่ยวตงฝ่าทะลุขอบเขตเมื่อไหร่ก็เปลี่ยนให้เขาชุยฉานมาเป็นเจ้าขุนเขาคนใหม่ของสำนักศึกษาซานหยาทันที”
ซิ่วไฉเฒ่ายิ้มเอ่ย “อย่าลืมทำให้สำนักศึกษาซานหยากลับสู่อันดับเจ็ดสิบสองสำนักด้วยเล่า”
ฝ่ายหลังประสานมือคารวะน้อมรับคำสั่ง
ซิ่วไฉเฒ่าพลันเอ่ยว่า “ขอยืมคำว่า ‘ภูเขา’ จากเจ้าหน่อย หากเจ้าจะปฏิเสธก็สมเหตุสมผลดีแล้ว ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจแน่ ข้าไม่ได้เจอหน้าอาจารย์ของเจ้ามานานมากแล้ว…”
เดิมทีผู้อำนวยการใหญ่ยังลังเลอยู่บ้าง พอได้ยินมาถึงตรงนี้ก็ตอบตกลงอย่างเด็ดขาดทันที
ซิ่วไฉเฒ่าตบไหล่ของอีกฝ่าย เอ่ยชื่นชมว่า “เรื่องเล็กไม่เลอะเลือน เรื่องใหญ่ยิ่งเด็ดขาด อาจารย์หลี่เซิ่งรับลูกศิษย์แค่ด้อยกว่าข้าเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
ผู้อำนวยการใหญ่ของสถานศึกษาท่านหนึ่งถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ขอวิชาความรู้จากเหวินเซิ่ง กับพูดคุยสัพเพเหระกับซิ่วไฉเฒ่า นั่นคือฟ้ากับดินโดยแท้
พวกหลี่เป่าผิงเพิ่งจะเดินออกมาจากประตูใหญ่ของสถานศึกษาหลี่จี้
หลี่เป่าผิงก็พลันยิ้มเอ่ยว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าเหวินเซิ่ง”
ซิ่วไฉเฒ่าที่เผยกายให้เฉพาะพวกเขาเห็นโบกมือบอกเป็นนัยแก่ทุกคนว่าไม่ต้องทักทายตน หลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นตกอกตกใจกันไปด้วย แต่สามารถพูดคุยกันได้ปกติไม่ต้องปิดบัง
จ้งชิว เฉาฉิงหล่างและเตี๋ยจ้างจึงไม่ได้คารวะทักทาย เฉาฉิงหล่างเพียงแค่เอ่ยเรียกคำหนึ่งว่าอาจารย์ปู่ ซิ่วไฉเฒ่าพยักหน้ารับ คลี่ยิ้มราวบุปผาผลิบาน
ซิ่วไฉเฒ่าเดินทางไปทะเลสาบโหยวหนางกับพวกเขา ตลอดทางไม่มีใครสังเกตเห็น
พวกหลี่เป่าผิงเดินย่ำอยู่ในหิมะส่งเสียงกรอบแกรบ
มีเพียงซิ่วไฉเฒ่าที่ยามเดินร่างล่องลอยไร้รอยเท้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!