กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 701

ต่อจากนั้นหลิ่วจื้อชิงก็อยู่ต่อที่ยอดเขาเพียนหราน ทุกวันจะขอความรู้ด้านเวทกระบี่จากฉีจิ่งหลง ฉีจิ่งหลงก็ไม่หวงวิชา

ป๋ายโส่วเองก็ค่อยๆ คืนสติจากฝันร้ายที่รู้ว่าเผยเฉียนจะมาเป็นแขกบนยอดเขาเพียนหรานอย่างไม่ง่ายนัก

วันนี้ยอดเขาสิงโตส่งกระบี่บินแจ้งข่าวมายังสำนักกระบี่ไท่ฮุย จากนั้นกระบี่บินก็ถูกส่งมาที่ยอดเขาเพียนหรานในทันที

หลังจากฉีจิ่งหลงได้รับจดหมายลับแล้ว มุมปากก็กระดกขึ้น จากนั้นมองลูกศิษย์ที่กว่าจะกลับมามีชีวิตชีวาได้บ้างเล็กน้อยอย่างไม่ง่ายนัก เวลานี้ฉีจิ่งหลงตัดใจเปิดเผยความจริงไม่ลงจริงๆ

ป๋ายโส่วเหลือบมองสีหน้าของอาจารย์แล้วยกสองแขนกอดอก ฝืนเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “อย่างมากพรุ่งนี้เผยเฉียนก็มาหาข้าเท่านั้นเอง กลัวอะไรกัน ข้าจะกลัวหรือ?”

ฉีจิ่งหลงยิ้มกล่าว “ข่าวดีก็คือในจดหมายบอกไว้ว่าเผยเฉียนจะยังไม่มายอดเขาเพียนหรานชั่วคราว เพราะว่านางจะไปธวัลทวีป ยังมีข่าวที่ดียิ่งกว่านั้นอีก เจ้าอยากจะฟังหรือไม่?”

ป๋ายโส่วยิ้มปากกว้างจนหุบไม่ลง “ตามสบายๆ”

ฉีจิ่งหลงเอ่ย “เผยเฉียนเป็นขอบเขตเดินทางไกลแล้ว เรื่องน่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือนางสละคำว่าแข็งแกร่งที่สุดของการฝ่าทะลุขอบเขตไป”

ป๋ายโส่วรีบลุกขึ้นยืนเหมือนมีไฟลนก้น ในใจคันคะเยอจนต้องย่ำเท้าไปด้วย “ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดแล้วนางจะฝ่าทะลุขอบเขตไปทำไมกัน หา?! หา? ถูกหรือไม่ อาจารย์? อาจารย์!”

ด้วยความร้อนใจจึงเอ่ยเรียกอาจารย์ รอบเดียวยังไม่พอก็เรียกซ้ำหลายๆ รอบ

นี่คือท่าไม้ตายที่เฉินผิงอันสอนให้เขา

หลิ่วจื้อชิงอึ้งตะลึง “ขอบเขตเดินทางไกล?”

ตอนนั้นที่อยู่ในตำหนักจินอู เผยเฉียนเพิ่งจะเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกเอง

ฉีจิ่งหลงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นส่งจดหมายลับให้หลิ่วจื้อชิง “ในจดหมายเผยเฉียนเขียนขอโทษเจ้าและข้าเรื่องดื่มเหล้ามาด้วย”

หลิ่วจื้อชิงรับจดหมายลับมาแล้วก็กวาดตามองปราดๆ สองสามที พอคืนให้ฉีจิ่งหลงแล้ว หลิ่วจื้อชิงก็ยิ้มเอ่ยอย่างเข้าใจว่า “แม่หนูเผยไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเฉินผิงอัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เรียนรู้มาจากเขาหมดจริงๆ”

ฉีจิ่งหลงเอ่ยอย่างปลงอนิจจัง “อันที่จริงแรกเริ่มเฉินผิงอันไม่ได้อยากให้เผยเฉียนเรียนวิชาหมัดหรอก”

หลิ่วจื้อชิงเอ่ย “เป็นเรื่องที่เฉินผิงอันทำได้แน่นอน ไม่น่าประหลาดใจสักนิด”

คนทั้งสองมองสบตาแล้วยิ้มให้กัน

สหายของสหายไม่แน่เสมอไปว่าต้องเป็นสหายของตน

แต่ฉีจิ่งหลงกับหลิ่วจื้อชิงต่างก็รู้สึกว่าสองฝ่ายสามารถเป็นสหายกันได้

แล้วนับประสาอะไรกับที่หลิ่วจื้อชิงยังเลื่อมใสในวิชาความรู้ด้านยันต์ของฉีจิ่งหลงมาโดยตลอด

ก่อนจะได้รู้จักกับเฉินผิงอัน ข่าวลือเกี่ยวกับการใช้เหตุผลกับทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนต้องอธิบายให้กระจ่างชัดของฉีจิ่งหลง ทำให้หลิ่วจื้อชิงอดเคลือบแคลงไม่ได้ว่าอีกฝ่าย ‘ชอบวางตัวเป็นอาจารย์ของผู้อื่น’ เกินไปหรือไม่

หนึ่งเพราะตอนนั้นในฐานะที่เป็นผู้ฝึกกระบี่เหมือนกัน หลิ่วจื้อชิงไม่คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะดียิ่งกว่า ในเมื่อเป็นผู้ฝึกกระบี่ ไม่ว่าเรื่องอะไรเหตุผลก็ล้วนอยู่บนกระบี่

นอกจากนี้ก็กังวลว่าอีกฝ่ายจะแสร้งวางมาดให้ภูมิฐานเพราะหวังจะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกตนบนภูเขา หากคิดจะวางแผนออกอุบายขึ้นมา ลูกไม้อะไรบ้างที่เอามาใช้ไม่ได้?

แต่รอกระทั่งหลิ่วจื้อชิงใช้เวลาหลายปีนั่งนิ่งอยู่บนยอดเขาเหมือนคนตายไปแล้วครึ่งตัว ทอดสายตามองเรื่องราวยิบย่อยทั่วทั้งตำหนักจินอูเพื่อใช้สิ่งนี้มาชำระล้างจิตแห่งกระบี่

เขาก็เข้าใจแล้วว่าคิดจะอธิบายหลักการเหตุผลเล็กๆ ข้อหนึ่งให้กระจ่างอย่างแท้จริง ไม่ได้ผ่อนคลายกว่าการฝ่าทะลุขอบเขตของผู้ฝึกกระบี่เลยแม้แต่นิดเดียว

หลายๆ ครั้งความยากของหลักการเหตุผลนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวของมันเอง แต่อยู่ที่คำว่า ‘อธิบาย’ บนภูเขาและล่างภูเขา การอธิบายหลักการเหตุผลและวิธีการพูด ล้วนยากทั้งสิ้น

ถึงขั้นที่ว่าเขายังจำต้องยอมรับเรื่องหนึ่ง นั่นคือคนบางคนก็อาศัยการไม่ใช้เหตุผล การทำลายกฎเกณฑ์มีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี

หลิ่วจื้อชิงตัดสินใจแล้วว่าเมื่อถึงคอขวดของก่อกำเนิดจะเลือกหมู่บ้านล่างภูเขาที่ครึกครื้นยิ่งกว่าตำหนักจินอู อาจเป็นในยุทธภพหรือไม่ก็ในวงการขุนนาง มานั่งมองใจคนหลายสิบปีหรืออาจถึงร้อยปี

หลิ่วจื้อชิงยกกาเหล้าที่อยู่ในมือขึ้น ยิ้มเอ่ย “ว่าอย่างไร?”

ฉีจิ่งหลงหัวเราะเสียงดัง “ดื่ม! ข้าหยกดิบจะกลัวก่อกำเนิดอย่างเจ้าหรือ?!”

ป๋ายโส่วนั่งยองอยู่ข้างเก้าอี้ไม้ไผ่ แหงนหน้าขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววตำหนิ “อาจารย์ ข้าก็อยากดื่มบ้างเหมือนกัน”

ฉีจิ่งหลงพยักหน้ายิ้มให้กับหลิ่วจื้อชิง หลิ่วจื้อชิงจึงโยนเหล้ากาหนึ่งให้ป๋ายโส่ว

นอกจากเหล้ากาใหญ่สามกาที่หลิ่วจื้อชิงเอาออกมาวันแรกแล้ว เขายังเตรียมเหล้าหมักตระกูลเซียนไว้อีกหลายกา

ป๋ายโส่วดื่มเหล้า ดื่มไปดื่มมาก็พลันหัวเราะ ไม่ใช่หาความสุขท่ามกลางความทุกข์อะไรได้ แต่เป็นเพราะเผยเฉียนฝ่าทะลุขอบเขตติดต่อกัน ถึงขั้นกลายเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลแล้ว แม้ว่าสำหรับตนแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร มีความเป็นไปได้มากว่าพบกันคราวหน้า นางอาจจะเหวี่ยงเท้าฟาดใส่เขาโดยไม่ทันระวัง ส่วนตนก็ต้องนอนกองอยู่บนพื้นอีกเป็นครึ่งๆ วัน แต่อันที่จริงก็ยังเป็นเรื่องดีนะ จะไม่ใช่เรื่องดีได้อย่างไร?

ป๋ายโส่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ แล้วก็พลันแยกเขี้ยว มารดามันเถอะ เหล้านี่ดื่มยากจริงๆ คนแซ่หลิวไม่ชอบดื่มก็นับว่าถูกต้องแล้ว

หลิ่วจื้อชิงใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “จิตใจของลูกศิษย์เจ้าคนนี้ไม่เลวเลย”

ฉีจิ่งหลงพยักหน้ารับ “แน่นอนอยู่แล้ว”

หลิ่วจื้อชิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “เรื่องที่สองทวีปจะรวมเป็นหนึ่ง?”

ฉีจิ่งหลงสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ง่ายดาย ตอนนั้นมีปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างสามตนเผยกายพร้อมกันกะทันหัน แบ่งออกเป็นเหย้าเจี่ย หย่างจื่อ เฟยเฟย ฮว่อหลงเจินเหรินกับขอบเขตบินทะยานท่านหนึ่งของหลุมน้ำลู่ แล้วยังมีผู้อาวุโสป๋ายฉางต่างก็ต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มกำลัง ใช้คำว่าพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทรก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบอย่างพวกเรา อันที่จริงนั้นยากมากที่จะไปตรึงกำลังกับการเข่นฆ่าประเภทนี้ได้ พี่หลิ่ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องวงในบางอย่างที่ตอนนี้ไม่สะดวกให้เปิดเผย โปรดอภัยให้ด้วย”

ตอนนั้นไม่รู้ว่าหร่วนซิ่วแห่งสำนักกระบี่หลงเฉวียนร่ายวิชาอภินิหารอะไร ถึงขนาดสามารถทำให้รัศมีร้อยลี้รอบด้านมืดมิดไร้แสงสว่างได้ในชั่วพริบตา ก่อนจะรวมกันเป็นแสงสว่างจุดหนึ่งที่พลังอำนาจน่าครั่นคร้าม สุดท้ายถึงขั้นกักตัวปีศาจใหญ่ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่งที่พยายามจะลอบฆ่านางได้สำเร็จ

จากนั้นก็ถูกหลี่หลิ่วแห่งยอดเขาสิงโตทิ้งจุดแสงนั้นลงไปใต้มหาสมุทร

สุดท้ายถูกสตรีสวมชุดชาววังขอบเขตบินทะยานของหลุมน้ำลู่กลืนลงท้อง เซียนเหรินคนหนึ่งอยู่ดีๆ ก็ตายไปทั้งอย่างนั้น

หลิ่วจื้อชิงผงกศีรษะรับ “เข้าใจ น่าเสียดายที่ขอบเขตของข้าต่ำเกินไป ต่อให้รู้ข่าวนี้ล่วงหน้าก็ยังไม่มีหน้าไปช่วยเหลือ”

ฉีจิ่งหลงพลันคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ผู้ฝึกตนต่างถิ่นของทวีปเดียวที่จะถูกผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นมองสูงกว่าแห่งอื่น”

ฉีจิ่งหลงยกนิ้วโป้งชี้ไปที่ตัวเอง “ก็คือพวกเรา!”

น้อยครั้งนักที่ป๋ายโส่วจะได้เห็นอาจารย์เปี่ยมไปด้วยอารมณ์อันฮึกเหิมเช่นนี้

อันที่จริงคนแซ่หลิวเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งเสมอมา ขึ้นชื่อว่าอ่อนนอกแข็งใน ตอนที่พูดคุยง่ายก็พูดคุยด้วยง่ายจริงๆ บางครั้งที่คุยด้วยยาก ก็คุยด้วยยากมากๆ

หลิ่วจื้อชิงสีหน้าสดใสแช่มชื่น ไม่พูดไม่จาก็แหงนหน้ากระดกดื่มเหล้าทันที

หลังจากดื่มอย่างเต็มคราบไปแล้ว หลิ่วจื้อชิงก็มองฉีจิ่งหลง เอาเป็นว่าข้าไม่ยุให้ดื่มก็แล้วกัน

ฉีจิ่งหลงกล่าวอย่างจนใจ “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้เสียหน่อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!