อุตรกุรุทวีป
ตำหนักหยางฉางหุบเขาผีร้าย ภูตหนูที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูตนหนึ่งยังคงฉวยโอกาสตอนที่บรรพบุรุษบ้านตนไม่อยู่แอบอ่านหนังสือ
ผู้ฝึกตนสำนักการทหารคนหนึ่งที่มีชาติกำเนิดจากตำหนักขวานผียังคงชอบออกท่องยุทธภพเพียงลำพังอยู่เหมือนเดิม ทุกครั้งที่สร้างวีรกรรมของจอมยุทธผู้ผดุงคุณธรรมที่ไม่เล็กไม่ใหญ่อย่างระมัดระวังรอบคอบแล้ว อย่างมากเขาก็เอ่ยแค่คำเดียว นั่นคือบอกกับคนอื่นว่าตัวเองชื่อ ‘ตู้คนดี’ ส่วนยันต์สองแผ่นที่เซียนกระบี่เฉินเคยมอบไว้ให้เขาในอดีตก็ถูกเขาเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเสมอมา ตู้อวี๋ถนอมพวกมันยิ่งกว่าเสื้อเกราะจินอูที่เจียงซ่างเจินมอบให้เสียอีก
คู่พี่สาวน้องสาวที่เคยกำจัดปีศาจปราบมารในวัดจินตั๋วจนขอบเขตเกือบจะถดถอย พวกนางยังคงมีชีวิตพึ่งพากันและกัน ลงจากเขาออกหาประสบการณ์ไปทั่วทิศ พอถึงฤดูหนาว น้องสาวยังคงสองแก้มแดงก่ำ น่ามองยิ่งกว่าทาผงชาดประทินโฉมเสียอีก
เด็กชายชุดเขียวสะพายหีบไม้ไผ่ถือไม้เท้าเดินป่าคนหนึ่งได้เจอกับเพื่อนใหม่อีกคน คือสารถีหนุ่มคนหนึ่ง เฉินหลิงจวินถูกชะตากับเขาอย่างมาก และเฉินหลิงจวินก็ยังคงเชื่อในคำโบร่ำโบราณที่บอกว่า ไม่มีสหายพันลี้ ไหนเลยจะมีบารมีหมื่นลี้!
ก่อนจะเดินลงน้ำ เฉินหลิงจวินเอ่ยลากับเขา บอกแค่ว่าตนต้องไปทำเรื่องในยุทธภพที่ใหญ่ยิ่งกว่าผืนฟ้า ขอแค่ทำสำเร็จ วันหน้าพบเจอใครก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกต่อยตายด้วยหมัดเดียวอีกแล้ว
สหายคนนั้นจึงอวยพรขอให้เขาราบรื่นโชคดี ตอนนั้นเฉินหลิงจวินยืนอยู่บนหีบไม้ไผ่ ตบไหล่สหายคนดีอย่างแรง บอกว่าพี่น้องคนดี ขอให้สมพรปากเจ้า!
แจกันสมบัติทวีป
หมู่บ้านวารีกระบี่แคว้นซูสุ่ย ซ่งอวี่เซาทำตามกฎเก่าแก่ในยุทธภพเชื้อเชิญสหายรักมาร่วมงานเลี้ยงล้างมืออ่างทองคำ ถือว่าได้ออกจากยุทธภพไปใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างสงบอย่างสมบูรณ์แล้ว
ไม่เหมือนกับคลื่นมรสุมในปีนั้นที่ฝักกระบี่ไม้ไผ่ถูกแย่งชิง จิตใจห่อเหี่ยวยากจะปลุกเร้าขึ้นมาใหม่ ครั้งนี้ผู้เฒ่ายอมรับจริงๆ แล้วว่าตัวเองแก่แล้ว แล้วก็วางใจเด็กรุ่นหลังในบ้านแล้ว อีกทั้งยังไม่มีความผิดหวังแม้แต่น้อย
เวลาปกติจะคอยสอนวิชากระบี่ให้กับพวกเด็กๆ ในหมู่บ้าน บางครั้งก็ไปกินหม้อไฟ จิบเหล้าคำเล็กๆ ไปนั่งที่ศาลาซานสุ่ย อ่านหนังสือยามว่าง วันเวลาที่สงบสุขผ่านไปวันแล้ววันเล่า
เด็กสาวสวมรองเท้าปักลายหนึ่งในสี่พิฆาตแคว้นซูสุ่ยในอดีตหัวเราะร่าเอ่ยว่า “เห็นไหม น่าสนใจๆ เฉินผิงอัน เฉินผิงอัน (สองคำที่เขียนต่าง คำที่สองคือชื่อจริงๆ ของเฉินผิงอัน) เขารักถนอมสาวงามคนรู้ใจและผีสาวโฉมสะคราญอย่างพวกเราที่สุดเลยล่ะ”
ผีงามตนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นสาวใช้ชำเลืองตามองตำแหน่งหนึ่งที่อยู่ข้างกองไฟแล้วก็ยังรู้สึกหวาดผวาไม่หาย เพราะว่าปีนั้นเด็กหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ที่นั่น แล้วอยู่ดีๆ ก็สังหาร…ผีอย่างโหดร้าย
ในหนังสือพูดถึงเซียนกระบี่หนุ่มอะไรนั่น นางล้วนเชื่อทั้งหมด มีเพียงเรื่องนี้ที่ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่เชื่อ สรุปก็คือนางเชื่อว่าตัวเองถูกซ้อมจนตายแล้ว อีกฝ่ายก็จะยังใช้มือหนึ่งกระชากหัว อีกมือหนึ่งออกหมัดไม่หยุดเสียมากกว่า
เรือนผีที่ในอดีตบรรยากาศอึมครึมวังเวง ทุกวันนี้เป็นจวนที่ภูเขาเขียวสายน้ำใส
สองสามีภรรยาหมักเหล้าไว้ปีแล้วปีเล่า ยิ่งนานสุราก็ยิ่งมีมาก น่าเสียดายที่คนที่จะมาดื่มเหล้ากลับไม่เคยมาหา
……
บนถนนในมุมกำแพงเมืองนอกเมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลี ชุยตงซานที่กำลังขี่หลังน้องเกาเดินเล่นไปทั่วรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เพราะได้เจอกับเจ้าตะพาบเฒ่าที่รีบรุดเดินทางกลับมาจากอุตรกุรุทวีป
เดิมนึกว่าเจ้าตะพาบเฒ่าจะอยู่ต่อที่เมืองหลวงต้าหลี หรือไม่ก็อยู่ที่ทิศเหนือสุดเพื่อคอยจับตามองเส้นทางที่บุกเบิกใหม่ไปเสียเลย
ชุยตงซานหัวเราะร่าเอ่ยว่า “โอ้โห ดูท่าจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนะเนี่ย”
ถ้าอย่างนั้นข้าก็อารมณ์ดีมากแล้ว
ถึงอย่างไรทิศทางการดำเนินไปของสถานการณ์ใหญ่ในแจกันสมบัติทวีปและอุตรกุรุทวีปก็ล้วนมีอยู่ในรายงาน ปัญหาไม่ใหญ่มากนัก ล้วนอยู่ในการคาดการณ์ทั้งสิ้น
ชุยฉานเงียบงันไม่ตอบคำ
ชุยตงซานไม่คิดจะปล่อยเจ้าตะพาบเฒ่าไปทั้งอย่างนี้ “นี่ก็ได้เลื่อนเป็นเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแล้วไม่ใช่หรือ ยังไม่ดีใจอีกหรือไร? มองไปทั่วใต้หล้าไพศาล เจ้าขุนเขาก็มีแค่เจ็ดสิบเอ็ดท่านเอง หาได้ยากจะตายไป!”
เหตุใดเจ้าตะพาบเฒ่าชุยฉานผู้นี้ถึงได้ถูกผีบังตาบังใจเป็นฝ่ายไปขอตำแหน่งเจ้าขุนเขาสำนักศึกษามาจากศาลบุ๋น ชุยตงซานก็หาเหตุผลที่เข้าท่ามาอธิบายไม่ได้จริงๆ รู้สึกว่าเจ้าตะพาบเฒ่ากำลังป้ายโคลนเละๆ ลงบนหน้าเหี่ยวๆ ของตัวเขาเอง สรุปแล้วคิดจะทำอะไรกันแน่?
ส่วนใบถงทวีป จะเป็นหรือตายก็ตามใจ นั่นเป็นจุดจบที่พวกเขารนหาที่กันเอง ชุยตงซานเคยบอกไว้แต่แรกแล้วว่าพอได้เปรียบแล้วก็จงแอบไปดีใจคนเดียว อย่าได้เอะอะมะเทิ่ง ไม่ช้าก็เร็วต้องเอากลับมาคืน
ทุกวันนี้ซ่งจี๋ซินย้ายจากจวนอ๋องเจ้าเมืองของนครมังกรเฒ่ามายังราชวงศ์จูอิ๋งเก่า มีอำนาจเต็มในการรับผิดชอบงานการสร้างเมืองหลวงแห่งที่สอง แต่นี่เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น ช่วงแรกที่เมืองหลวงแห่งที่สองถูกสร้างขึ้น อ๋องเจ้าเมือง ‘ซ่งมู่’ ก็แค่มาปรากฏตัวเท่านั้น ทุกวันนี้ก็แค่มาปิดงานช่วงท้าย คนที่ทำงานอย่างแท้จริงคือจวี้จื่อแห่งสำนักโม่ รวมไปถึงหลิ่วชิงเฟิงที่เลื่อนขั้นจากผู้ตรวจการงานลำน้ำมาเป็นรองเจ้ากรมโยธาธิการแห่งต้าหลี
ชุยฉานกล่าว “อีกเดี๋ยวเกาเฉิงจะลงใต้ไปยังแจกันสมบัติทวีปแล้ว”
เกาเฉิงไม่มีทางเลือก สำนักพีหมาหนึ่งแห่งอาจทำอะไรหุบเขาผีร้ายไม่ได้ แม้เขาชุยฉานจะเป็นคนนอก แต่เกาเฉิงกลับรู้ถึงความหนักเบาและผลดีผลเสียเป็นอย่างดี
ชุยตงซานเอ่ย “ภิกษุเฒ่าก็เหมือนกัน”
จื้อกุยได้เดินลงน้ำเลียบลำน้ำที่ขุดเจาะเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ อย่างแน่นอน หากเดินลงน้ำสำเร็จ นางก็จะเลื่อนจากขอบเขตหยกดิบไปยังขอบเขตเซียนเหรินได้ทันที เพราะถึงอย่างไรมังกรที่แท้จริงที่บนร่างแบกรับโชคชะตาเอาไว้ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถมองเป็นบินทะยานเกินครึ่งได้ ให้นางเป็นคนรับผิดชอบเฝ้าพิทักษ์ลำน้ำใหญ่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปก็มากเหลือแหล่
ป๋ายอวี้จิงจำลองแห่งนั้นได้ถูกย้ายมายังเมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลีที่อยู่ด้านหลังชุยตงซานตอนนี้อย่างราบรื่นแล้ว สวี่รั่วจอมยุทธสำนักโม่เฝ้าพิทักษ์อยู่ภายใน ซานจวินห้าขุนเขาล้วนสามารถถือกระบี่สังหารปีศาจ
แคว้นเล็กใต้อาณัติทั้งหมดที่อยู่เลียบมหาสมุทร นับตั้งแต่ผู้ฝึกตนบนภูเขาไปจนถึงทหารล่างภูเขาล้วนถูกรวบเข้ามารวมกับกองทัพต้าหลีหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ขุนนางบุ๋นบู๊ที่เฝ้าพิทักษ์สถานที่ต่างๆ ของต้าหลีก็ยิ่งขับไล่ชาวบ้านออกไปจากพื้นที่แล้วสร้างแนวเส้นป้องกันเลียบมหาสมุทรขึ้นมาเส้นแล้วเส้นเล่านานแล้ว
แคว้นใต้อาณัติทั้งหมดในหนึ่งทวีปล้วนต้องส่งกำลังทหารครึ่งหนึ่งมาเข้าร่วมค่ายทัพในจุดต่างๆ ที่ต้าหลีกำหนดไว้ ผู้ฝึกตนส่วนที่เหลือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำ เดิมทีควรจะมุ่งหน้าไปที่มหาสมุทรทั้งหมด แต่สามารถขอให้กษัตริย์ของแคว้นใต้อาณัติจ่ายเงินเทพเซียนก้อนหนึ่งแทนได้ อีกทั้งยังไม่ใช่เงินก้อนเล็กอะไรอย่างแน่นอน หากพบเจอว่ามีตกหล่น ต้าหลีจะซักไซ้เอาความผิดจากกษัตริย์ของแคว้นใต้อาณัติโดยตรง
ออกคนออกกำลัง แล้วยังต้องออกเงิน ต่อให้ไม่ได้เรื่องแค่ไหนก็ยังต้องออกใจ ล้วนมีเรื่องที่สามารถทำได้ คำว่าออกใจนั้นก็หมายถึงปัญญาชนที่ในอนาคตจะได้ทำงานในราชสำนักของแคว้นเล็กใต้อาณัติมากมายจะต้องใช้พู่กันของตนเขียนบทความคุณธรรมที่ทั้งไม่ผิดต่อมโนธรรมในใจ ทั้งช่วงชิงผลประโยชน์มาให้ตัวเองและคนอื่นให้กับพวกคนที่รบตายอยู่ในแนวหน้าอย่างกล้าหาญ
นอกจากนี้ชุยฉานยังขอยืมตัวอักษร ‘น้ำ’ มาจากอริยะลัทธิขงจื๊อของแผ่นดินกลางท่านหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความพยศยากจะกำราบ เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ต่อให้อีกฝ่ายจะมีนิสัยฉุนเฉียวเจ้าอารมณ์แค่ไหน แต่ชั่วชีวิตนี้เขาเคารพแค่คนคนเดียว นั่นก็คือชุยฉาน แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้เลื่อมใสในพฤติกรรมหลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชน ทำตัวนอกรีตนอกรอยของชุยฉาน แต่ชื่นชมในวิชาความรู้ของชุยฉานจากใจจริง
อย่าเห็นว่าชื่อเสียงของชุยฉานในสายบุ๋นใหญ่ทั้งหลายฉาวโฉ่จนเป็นที่โจษจัน แต่แท้จริงแล้วคนที่เลื่อมใสชุยฉานกลับไม่น้อยเลยจริงๆ
เพียงแค่ดูจาก ‘ตำราหมากล้อมเมฆหลากสี’ รวมไปถึงเทียบตัวอักษรที่เขียนขึ้นง่ายๆ ซึ่งถูกเทพเซียนบนภูเขาบูชาดั่งสมบัติล้ำค่าก็รู้แล้วว่าชุยฉานมีความรู้ความสามารถยิ่งใหญ่มากแค่ไหน
ชุยฉานพลันหัวเราะหยันเอ่ยว่า “อาจารย์คนนั้นของเจ้าคล้ายจะไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไร”
ความนัยในคำพูดนี้ก็คือ ลูกศิษย์คนสุดท้ายของสายเหวินเซิ่ง ยังคงไม่ฉลาดมากพอ
สายบุ๋นก็ดี พรรคหรือสำนักต่างๆ ก็ช่าง ลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขากับลูกศิษย์เล็กปิดประตู สองคนนี้คือคนที่สำคัญอย่างถึงที่สุด
ชุยตงซานรีบหุบยิ้ม พูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที “จะแก้ไขอย่างไร?”
ไม่ถามต้นสายปลายเหตุแม้แต่น้อย ต้องการแค่ผลลัพธ์อย่างเดียว
ทฤษฎีกิจการงานและคุณความชอบมีเส้นสายอันเป็นรากฐานอยู่สามเส้น เส้นหนึ่งพยายามที่จะลดทอนความขัดแย้งในตัวเอง รวมถึงสร้างความขัดแย้งบนพื้นดินเพิ่มเติมจากรากฐาน ไม่ได้พัวพันยึดติดอยู่กับปัญหาใหญ่อย่างสันดานมนุษย์ดีหรือร้ายมากนัก เหลือพื้นที่ให้วิญญูชนผู้มีคุณธรรมและนักบรรยายทั้งหลายค่อยๆ อธิบาย เคยเล่าเรียนหนังสือเคยอ่านตำรามาหรือไม่ ไม่ได้กลายเป็นธรณีประตูของความรู้อีกแล้ว
อีกเส้นหนึ่งคือเมื่อปัญหาปรากฏขึ้น วิธีการแก้ไขจำเป็นต้องมีหลักฐานอ้างอิงน่าเชื่อถือ ลงมือปฏิบัติแล้วได้ผลจริง เห็นผลทันตา
เส้นสุดท้ายก็คือสามารถเอาวิชาความรู้มาแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์ของพฤติกรรมตนให้สมบูรณ์แบบได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ถูกขนบธรรมเนียมประเพณี หรือนิสัยใจคอของคนบนโลกปรับเปลี่ยนจนกระทั่งสุดท้ายค่อยๆ ถูกทอดทิ้งไป
กฎใหญ่ของทฤษฎีกิจการงานและคุณความชอบก็เหมือนแม่น้ำลำคลองที่ท้องน้ำมั่นคงแต่ละเส้นที่สามารถทำให้คนรุ่นหลังมาปลูกที่พักติดริมน้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ต่อให้จะถูกกฎเกณฑ์เล็กๆ บางอย่างที่อาศัยความชอบของแต่ละคนตัดออกไป แต่ก็ยังเป็นเหมือนธารน้ำ เหมือนบ่อน้ำที่ให้คนมาตักน้ำเอาไปดื่มกินอยู่เคียงข้างกับกลิ่นควันไฟหุงหาอาหารในหมู่ชาวบ้านได้อย่างยาวนาน
ชุยฉานส่ายหน้า “ไม่มีวิธีแก้ไข ได้แต่ช่วยตัวเองเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!