อวี๋ซินเงยหน้าขึ้นมองทะเลเมฆแล้วถามเบาๆ ว่า “เพราะอาจารย์จั่วทั้งไม่อาจไปจากที่นี่ แล้วก็ทั้งอยากกลับคืนไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ ก็เลย…ลำบากใจมากมาโดยตลอดใช่หรือไม่?”
หวังซือจื่อพยักหน้า ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ศิษย์น้องเล็กของผู้อาวุโส ใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเราท่านนั้น ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว ดังนั้นผู้อาวุโสจั่วโย่วจึงอยากไปที่นั่นมาก เพียงแต่ทุกวันนี้ใบถงทวีปมีสภาพเช่นนี้ ก็ยากจริงๆ ที่ผู้อาวุโสจั่วจะจากไปได้”
อวี๋ซินพึมพำว่า “เวทกระบี่ของเขาสูงส่งถึงเพียงนั้น แต่กลับต้องลำบากใจเช่นนี้หรือ?”
จั่วโย่วลำบากใจ เพราะไม่รู้ว่าตนจะได้ไปรับศิษย์น้องเล็กกลับมาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่เมื่อไหร่
อวี๋ซินสงสาร นางไม่ต้องการให้วันใดวันหนึ่งในสายตาของตนไม่ได้เห็นเงาร่างเปลี่ยวเหงาที่ราวกับจะต้องอยู่เดียวดายไปตลอดกาลนั้นอีก นางทำใจไม่ได้หากวันใดเขาจากไปแล้วไม่หวนกลับคืนมา
บนโลกมนุษย์ควรจะมีจั่วโย่วที่ไม่ต้องลำบากใจ
ซิ่วไฉเฒ่าคนหนึ่งพุ่งมายังทะเลเมฆด้วยความเดือดดาล มาถึงด้านหลังของจั่วโย่วที่กำลังนั่งอยู่ จั่วโย่วกำลังจะลุกขึ้นยืน ซิ่วไฉเฒ่าไม่ต้องกระโดดก็เงื้อมือตบลงบนหัวของเขาได้อย่างเหมาะเหม็ง “เจ้าโง่หรือไง?! อาจารย์ไม่เคยสอนเจ้าว่าควรหาภรรยาอย่างไร แต่อาจารย์ก็ไม่เคยสอนเจ้าให้ทำตัวเป็นชายโสดขึ้นคานอย่างเอาจริงเอาจังสักหน่อย!”
จั่วโย่วโดนอาจารย์ตบอีกรอบ เขายังฉงนไม่เข้าใจ แต่ชินแล้วก็ดีไปเอง
……
เจิ้งต้าเฟิงจากบ้านเกิดมานานแล้ว จุดหมายปลายทางก็ชัดเจนอย่างมาก แต่กลับรอกระทั่งถึงปีศักราชเจียชุนที่ห้า เขาถึงได้ทำตามคำสั่งของอาจารย์ ไม่ไปเยือนพื้นที่มงคลรากบัวอีก แต่เดินเข้าไปในใต้หล้าแห่งที่ห้าอย่างเนิบช้า
การออกจากบ้านเกิดเดินทางไกลข้ามทวีปมาอย่างเงียบเชียบครานี้ เจิ้งต้าเฟิงทำตามคำสั่งของตาเฒ่า เส้นทางที่ใช้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง อันดับแรกไปเยือนอุตรกุรุทวีปก่อน ไปหาศิษย์พี่และพี่สะใภ้ที่เมืองเล็กตีนเขาของยอดเขาสิงโต ขออาหารอร่อยๆ เหล้ารสเลิศดื่มอยู่หลายวัน พี่สะใภ้ไม่ด่าคนอย่างที่หาได้ยาก ยังถึงขั้นพูดจากับเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้เจิ้งต้าเฟิงเวทนาตัวเองยิ่งนัก เมื่อก่อนเจิ้งต้าเฟิงไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆ แต่พอเห็นพี่สะใภ้เป็นแบบนั้นแล้ว เขาถึงได้รู้สึกว่าหรือตนจะน่าสงสารขนาดนั้นจริงๆ?
เพียงแต่เมื่อเจิ้งต้าเฟิงกินดื่มอิ่มหนำแล้วก็ชำเลืองตามองไปยังลานบ้านนอกห้องที่ว่างเปล่า แล้วถามพี่สะใภ้ด้วยความหวังดีว่าจะให้ตนไปตัดไม้ไผ่บนภูเขามาสักสองสามลำ ช่วยทำราวตากผ้าที่แข็งแรงไว้ให้หลายๆ อันดีหรือไม่ จะได้เอาไว้ตากเสื้อผ้า
ตอนนั้นหลี่เอ้อง่วนอยู่กับการเก็บชามและตะเกียบ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินประโยคนี้ วันใดไม่หาเรื่องชวนด่า ก็ไม่ใช่ศิษย์น้องของเขาแล้ว
เดิมทีสตรีอยากจะด่าเขาให้หูชา แต่พอชำเลืองตามองเห็นบุรุษหลังค่อมหนวดเครารุงรังที่ดูเหมือนว่าร่างจะเตี้ยจากเดิมไปเกินหนึ่งช่วงศีรษะ นางกลับทำตัวผิดปกติ ไม่ด่าคน บอกว่าไม่ต้องหรอก แล้วก้มหน้าก้าวเร็วๆ เดินออกจากห้องไป
นี่ทำให้เจิ้งต้าเฟิงทอดถอนใจดังเฮือกๆ ได้แต่ถามศิษย์พี่เบาๆ ว่า เป็นเพราะพี่สะใภ้มาอยู่ที่นี่แล้วถูกคนนอกรังแกใช่หรือไม่ ถึงได้ไม่มีความห้าวหาญอย่างตอนที่อยู่บ้านเกิดเหลือเลย
หลี่เอ้อเพิ่งจะเก็บจานชามเสร็จ คิดไม่ถึงว่าภรรยาที่เดินออกไปแล้วจะกลับมาพร้อมเหล้าสองกา กับแกล้มอีกสามสี่จาน บอกว่าให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเขาสองคนได้พูดคุยกันดีๆ ไม่ได้เจอหน้ากันมานานมากแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะต้องแยกจากกันอีก ดื่มมากหน่อยก็ไม่เป็นไร จนกระทั่งบัดนี้สตรีถึงได้กลับมามีมาดอย่างในอดีต นางชี้หน้าด่าเจิ้งต้าเฟิงว่า ไม่ยอมอยู่เฝ้าประตูใหญ่ที่บ้านเกิดดีๆ ต่อให้จะได้เงินมาไม่มาก แต่จะดีจะชั่วก็เป็นอาชีพที่มั่นคง ข้างนอกมีอะไรให้น่าไปอยู่กัน หน้าตาขี้ริ้วเพียงนี้ ตอนกลางคืนยืนอยู่หน้าประตูก็สามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายได้ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าเทพทวารบาลเสียอีก ความสามารถเท่าก้นยังไม่มีเลย หากยังไม่หัดเก็บสะสมเงินไว้ในกระเป๋าอีก แต่ละวันรู้จักแต่สอดส่ายสายตาสุนัขมองพวกสตรีที่เดินผ่านไปผ่านมา พวกนางจะช่วยเจ้าคลอดลูกหมาได้หรือ?
พอสตรีด่าเช่นนี้ เจิ้งต้าเฟิงก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด รีบเรียกให้พี่สะใภ้มานั่งลงดื่มเหล้าด้วยกัน ตบอกรับรองว่าวันนี้ตนจะดื่มเหล้าให้มากหน่อย จะเมาหลับพับให้หนักว่าผีขี้เหล้าเมาเหล้าตายเสียอีก ต่อให้ฟ้าผ่าก็ไม่มีทางได้ยิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนอนละเมอเดินลงมาคลานสี่ขาเลย
ทำเอานางโมโหไม่น้อย พอออกจากห้องมาแล้วก็ลังเลเล็กน้อย สุดท้ายแม้แต่ร้านก็ไม่เฝ้าแล้ว ไปหาพวกสตรีออกเรือนแล้วสองสามคนที่สนิทสนมกันดี หวังไปสืบข่าว ดูสิว่ามีสตรีตาบอดที่พอจะเหมาะสมกันคนใดรู้สึกว่าศิษย์น้องของบุรุษตนพอจะเข้าท่าเข้าทีบ้างหรือไม่ บางทีอาจจะมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้
ในอดีตยามที่เจิ้งต้าเฟิงเฝ้าประตูใหญ่หรือไม่ก็ดื่มเหล้าอยู่ริมถนน เขาชอบทำท่าเปรียบเทียบรูปร่างเล็กใหญ่ของสตรีที่หน้าตาดี ตอนแรกก็วัดหน้าอกก่อน แล้วค่อยวัดสะโพก สายตาไม่เคยหยุดอยู่เฉย มือก็ไม่อยู่ว่าง ปากยิ่งไม่นิ่ง บอกว่าเขาทำวิญญาณหล่นไปในสาบเสื้อของพวกนาง ขอให้พี่ใหญ่ต้าเฟิงได้หาดีๆ เสียหน่อย หากหาเจอย่อมดีที่สุด หาไม่เจอก็ไม่กล่าวโทษกัน…
คนไม่เอาถ่านที่เฝ้าปากประตูแต่ปากตัวเองกลับไม่อยู่สุขผู้นี้ หากสามารถหลอกสตรีกลับไปเป็นภรรยาที่บ้านได้ก็ยังพอว่า แต่น่าเสียดายที่หนุ่มเทื้อโสดหื่นกามมีใจเป็นโจร แต่ดันไม่มีดีสุนัข ถึงท้ายที่สุดก็ยังหาสตรีดีๆ มาเป็นภรรยาไม่ได้ ก็จริงนะ ด้วยสารรูปเช่นนั้นของเขา แถมยังไม่เอาไหน จะมีสตรีดีๆ คนใดบ้างที่ยินดีลำบากตรากตรำร่วมกับเขา ในอดีตนางด่าก็ส่วนด่า ในทางส่วนตัวกลับยังเคยเกลี้ยกล่อมบุรุษของตัวเองอยู่หลายครั้ง บอกว่าหากไม่ได้จริงๆ ก็ให้ช่วยพูดแทนศิษย์น้องของเจ้า ให้ไปของานทำที่ร้านตระกูลหยางหรือไม่ก็ที่เตาเผามังกร แล้วค่อยหาสตรีบ้านใกล้เรือนเคียงที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่นิสัยไม่เลวร้ายสักคนมาอยู่กินกัน ต่อให้ต้องเป็นเขยที่แต่งเข้าก็ยังดี ขอแค่ปากของเจิ้งต้าเฟิงไม่พร่ำคำพูดสัปดน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างร้าน เป็นชาวไร่ชาวนา หรือเป็นคนตัดฟืน คนขนดิน คนเผาเครื่องกระเบื้อง ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถสร้างครอบครัวเล็กๆ เป็นของตัวเองได้แล้ว
พอสตรีจากไป
หลี่เอ้อก็เริ่มพูดเรื่องเป็นการเป็นงานกับศิษย์น้อง “ทนไปก่อน รอให้ไปถึงที่นั่นก่อนแล้วค่อยฝ่าทะลุขอบเขต การกะหนักเบาในเรื่องนี้เจ้าต้องตัดสินใจเอาเอง ในเมื่ออาจารย์คืนจิตวิญญาณที่เหลืออยู่มาให้เจ้า ก็อย่าได้ย่ำยีให้มันเสียเปล่า หากระหว่างการเดินทางหาประสบการณ์ต่อจากนี้ไม่ทันระวังฝ่าทะลุขอบเขตเข้า จะเป็นปัญหายุ่งยากมาก ฝูเหยาทวีปอยู่ห่างจากแจกันสมบัติทวีปมากเกินไป อาจารย์เองก็ช่วยหาเส้นสายแนวทางให้เจ้าได้ลำบาก แล้วก็ไม่เหมาะจะให้อาจารย์ออกหน้าด้วย”
บนยอดเขาสิงโต หลี่เอ้อช่วยป้อนหมัดให้เจิ้งต้าเฟิงไปรอบหนึ่ง ในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกอีกครั้ง แม้จะอยู่ห่างจากขอบเขตยอดเขาบนวิถีวรยุทธในอดีตอีกค่อนข้างไกล แต่ปัญหาก็ไม่ใหญ่แล้ว อีกอย่างเจิ้งต้าเฟิงได้สร้างดวงจิตวีรบุรุษของผู้ฝึกยุทธขึ้นมาใหม่ดวงหนึ่ง ระดับขั้นไม่ต่ำ เพราะถึงอย่างไรก็เคยเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่แข็งแกร่งที่สดุมาก่อน หลังจากเจอกับความยากลำบาก กุญแจสำคัญคือกำลังใจไม่ถดถอย นี่ก็คือการขัดเกลาที่ดีที่สุดของโชคที่มาพร้อมกับเคราะห์
ผู้ฝึกยุทธเต็มตัว วิชาหมัดมีสูงต่ำ ก็ต้องดูที่ว่าแรงเฮือกหนึ่งในใจนั้นสั้นหรือยาว
ก่อนจะปล่อยหมัดหนึ่งออกไปจะต้องมีความหมายโดยรวมว่าจะทำให้ฟ้าสูงดินยุบอย่างละสามฉื่อ
เจิ้งต้าเฟิงยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนม้านั่งยาว จิบเหล้าคำเล็ก พยักหน้ารับ “ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร”
รอกระทั่งสตรีกลับมาบ้าน คิดจะบอกข่าวดีแก่บุรุษ ส่วนเรื่องที่ว่าข่าวดีจะสำเร็จได้หรือไม่ก็ต้องดูที่โชควาสนาของเจิ้งต้าเฟิงเองแล้ว แต่สตรีกลับค้นพบว่าเจิ้งต้าเฟิงไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว ระหว่างทางที่เดินกลับมาบ้านก็ไม่เห็นเขาเลยนะ บนโต๊ะเหล้าเหลือแค่กาเหล้าว่างเปล่าสองกา กับแกล้มสองสามจานนั้นก็กินหมดแล้ว
สตรีจึงเอ่ยอย่างสงสัย “จากไปทั้งอย่างนี้น่ะหรือ?”
หลี่เอ้ออืมรับหนึ่งที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!