กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 703

หญิงชราชำเลืองตามองไม้เท้าเดินป่าสีเขียวที่หญิงสาวเอาวางไว้ที่เดิมอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เพ่งสายตามองไป นางกลับไม่สามารถมองทะลุเวทอำพรางตาทั้งหมดได้ ได้แค่สัมผัสถึงปราณเยียบเย็นเป็นเส้นๆ ที่แผ่ออกมาจากไม้เท้าเดินป่าอย่างเลือนรางเท่านั้น นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่หญิงชราไม่ได้รีบร้อนลงมือ

ปีศาจใหญ่ที่ฝึกตนจนประสบความสำเร็จบนที่ราบน้ำแข็งอย่างเช่นหญิงชรานี้ เกรงกลัวที่สุดว่าจะไปหาเรื่องลูกหลานสกุลหลิวของธวัลทวีป นอกจากนั้นก็ยังกริ่งเกรงลูกศิษย์ผู้สืบทอดและลูกศิษย์ของผู้สืบทอดสายเพ่ยอาเซียงแห่งศาลเหลยกง นอกจากนี้แล้วล้วนไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก ไม่ว่าจะจับผู้ฝึกตนที่โชคร้ายพวกนั้นมาเคี้ยวสดๆ หรือตุ๋นน้ำแดงล้วนไม่มีปัญหา นอกจากคนสองประเภทนี้แล้วก็มักจะมีสำนักอักษรจนงบางแห่งมาหาประสบการณ์ที่นี่อยู่เป็นระยะ แต่ส่วนใหญ่จะมีเซียนดินก่อกำเนิดให้การคุ้มกัน ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาสังหารปีศาจไปก็แล้วกัน แววตาแค่นี้หญิงชรายังพอจะมีอยู่บ้าง ส่วนใหญ่อีกฝ่ายก็มักจะรู้หนักเบา พวกเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลรุ่นเยาว์เนื้ออ่อนพวกนั้นจะไม่ลงมืออำมหิตเกินไปนัก แล้วนับประสาอะไรกับที่เอาเข้าจริงก็ไม่มีทางโหดเหี้ยมไปยังไงได้

เผยเฉียนหมุนตัวกลับมาพูดกับหญิงชราที่สีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน “ข้าแค่จะรีบเดินทางเท่านั้น ไม่เคยไปหาเรื่องพวกเจ้า แต่หากฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ต้องกลายเป็นอาหารในท้องของปีศาจ ข้าก็ยอมรับ แต่ถ้าวิชาหมัดพอใช้ได้ ปีศาจที่คิดจะกินคนถูกฆ่าก็อย่าโทษว่าหมัดข้าหนักเกินไป”

หญิงชรายิ้มถาม “ดูจากร่องรอยการออกหมัดและเส้นทางการเดินของเจ้า ดูเหมือนว่าจะขึ้นฝั่งจากทิศเหนือแล้วลงใต้ไปตลอดทางอย่างนั้นหรือ? แม่หนู หรือว่าเจ้าจะเป็นคนจากทวีปอื่น? อุตรกุรุทวีป หรือว่าหลิวเสียทวีปล่ะ? ผู้อาวุโสในบ้านถึงขั้นวางใจให้เจ้าออกเดินทางเพียงลำพัง เดินทางจากเหนือผ่านที่ราบน้ำแข็งลงไปใต้อย่างนั้นหรือ?”

ข้อสงสัยที่ใหญ่ที่สุดในใจหญิงชราก็คือศัตรูคู่อาฆาตของนายน้อยซี่หลิ่วบ้านตนที่อยู่ทางทิศเหนือสุดกลับยอมปล่อยให้แม่นางน้อยเดินอาดๆ ผ่านอาณาเขตลงใต้ไปใต้เปลือกตาของตัวเอง หากไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะสร้างหายนะให้ หญิงชราคงลงมือนานแล้ว การเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นระหว่างเหล่านั้น อีกฝ่ายล้วนออกหมัดด้วยตบะของขอบเขตหกมาโดยตลอด ต่อให้จะกักออมฝีมือไว้บ้าง จงใจซ่อนความสามารถที่แท้จริง อย่างมากสุดนังหนูนี่ก็เป็นได้แค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองเท่านั้น ย่อมต้องตายอย่างมิต้องสงสัย

เผยเฉียนกล่าว “เจ้าไม่ต้องใช้คำพูดมาหยั่งเชิงรากฐานของข้าหรอก ถามหมัดมาข้ารับ ถามกระบี่มาข้าก็รับ”

ผู้ฝึกตนเฒ่าคนนั้นร้อนใจอย่างยิ่ง รีบใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ไม่ต้องสนตัวตนที่แท้จริงหรอก ไม่สู้เอาสถานะของลูกหลานสกุลหลิวมาข่มขู่อีกฝ่ายดีกว่า ไม่อย่างนั้นการล้อมฆ่าครั้งนี้ ผู้อาวุโสมีสองหมัดถึงอย่างไรก็ยากจะต่อกรกับสี่มืออยู่ดี แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังต้องมีปีศาจมากกว่านี้ที่ถูกหญิงชราเรียกตัวมา อยู่ในธวัลทวีปของพวกเรา ลูกหลานสกุลหลิวก็คือยันต์คุ้มกันกายที่ใหญ่ที่สุด ปรมาจารย์เพ่ยและผู้อาวุโสหลิ่ว สองอาจารย์และศิษย์นี้ล้วนเป็นผู้ถวายงานของสกุลหลิว ผู้อาวุโสฝึกยุทธฝึกวิชาหมัดก็สามารถสวมรอยเป็นลูกศิษย์รุ่นที่สามของสายศาลเหลยกงได้…”

เผยเฉียนรวมเสียงให้เป็นเส้น “ข้าย่อมมีอาจารย์ผู้สืบทอดเป็นของตัวเอง มิกล้าพูดจาเหลวไหล”

ผู้ฝึกตนเฒ่าทอดถอนใจไม่หยุด ไม่กล้าเอ่ยโน้มน้าวอีก ความเป็นความตายมีเพียงเส้นบางๆ กั้นขวาง ไหนเลยจะมีข้อพิถีพิถันที่คร่ำครึมากมายขนาดนั้นกันเล่า

เรื่องมาถึงขั้นนี้ทุกคนกลับไม่สงสัยในสถานะของผู้อาวุโสคนนี้แล้ว

ไม่มีความจำเป็นเลยจริงๆ

พูดถึงแค่นักพรตชิวสุ่ยคนนั้นก็มากพอจะบดขยี้ผู้ฝึกตนนักล่าทุกคนนอกจากนางได้แล้ว

ผู้ฝึกตนของธวัลทวีป ไม่ว่าจะเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลหรือผู้ฝึกตนอิสระ สำหรับเทพเซียนห้าขอบเขตบนที่อยู่สูงเหนือหัวนั้น ต่อให้จะไม่เคยเห็นกับตาตัวเองมาก่อน แต่ก็ต้องเคยอ่านจากรายงานขุนเขาสายน้ำที่มีสารพัดสารพันอยู่บ้าง ส่วนใหญ่พวกเขาล้วนรู้จัก อันที่จริงจำนวนไม่ได้น้อยไปกว่าอุตรกุรุทวีป แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับพายัพหลิวเสียทวีปแล้วย่อมมีมากกว่า

แต่หากจะให้พูดถึงปรมาจารย์วิถีวรยุทธขอบเขตแปด ขอบเขตเก้าแล้ว ก็มีน้อยจนนับนิ้วได้จริงๆ ไม่เพียงแต่น้อยกว่าอุตรกุรุทวีปมาก แม้แต่หลิวเสียทวีปพวกเขาก็ยังสู้ไม่ได้

โชคชะตาบู๊ของธวัลทวีป ในใต้หล้าไพศาลก็ขึ้นชื่อว่าน้อยจนน่าสงสาร ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบในตำนานก็มีแค่คนเดียว ในฐานะที่มีโชคชะตาบู๊รุ่งโรจน์ที่สุดของทวีป ในอดีตเพ่ยอาเซียงแห่งศาลเหลยกงยังพ่ายแพ้ให้กับหวังฟู่ซู่ที่ภายหลังวิปลาสจึงถูกเซียนกระบี่คุมขัง อุตรกุรุทวีปยังเคยมีผู้ฝึกกระบี่ที่ข้ามมหาสมุทรมาถามกระบี่แก่ทั้งทวีป ต่อให้กู้โย่วจะตายไปแล้ว ผลกลับกลายเป็นว่ายังมีผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางเพิ่มมามากกว่าธวัลทวีปอีกหนึ่งคน นี่ทำให้ผู้ฝึกตนบนภูเขาของธวัลทวีปรู้สึกโงหัวไม่ค่อยขึ้น บวกกับท่านเทพเจ้าแห่งโชคลาภของสกุลหลิวที่เป็นผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งของธวัลทวีปท่านนั้นยังเคยป่าวประกาศอย่างตรงไปตรงมาอยู่หลายครั้งว่ามรรคกถาอันน้อยนิดของตน อย่างมากสุดก็ถือได้ว่ามีแค่ครึ่งเดียวของฮว่อหลงเจินเหรินแห่งยอดเขาพาตี้ นี่ทำให้พวกผู้ฝึกตนของธวัลทวีปรู้สึกว่านอกจากจะมีเงินแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ล้วนสู้อุตรกุรุทวีปที่แย่งคำว่า ‘อุตร’ ไปจากพวกเขาไม่ได้เลยจริงๆ

เผยเฉียนหันหน้าไปมองนักพรตเปลือยเท้าที่สวมเสื้อคลุมขนนก นางเคยอ่านเจอบันทึกจาก ‘ตำราเทพเซียน’ ที่ศิษย์พี่เล็กซื้อมาจากภูเขาห้อยหัว ในประวัติศาสตร์มีนักพรตเต๋าบนภูเขาท่านหนึ่งที่ชอบท่องบทน้ำสารทฤดูหนันหัว เปลือยเท้าเดินท่องไปทั่วใต้หล้าอยู่จริง ว่ากันว่าบนศีรษะสวมกวานเหล็กของลัทธิเต๋า ปณิธานอยู่ที่การใช้ดอกเหมยและหิมะมาชำระล้างลำไส้ แกะสลักกระดูกขาวอันแห้งเหี่ยวเป็นการพิศมรรคา ยินดีมอบมรรคกถาทั้งหมดที่แสดงออกมาจากบนร่างกลับคืนให้แก่ฟ้าดิน ไม่เคยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ลากไม้เท้าออกเดินทางไกล ขอแค่โยนไม้เท้าเหล็กในมือออกไป ยามหล่นลงพื้นก็สามารถจำแลงร่างกลายเป็นมังกรเขียวตัวหนึ่งได้

นักพรตบนภูเขาที่เป็นดั่งมังกรเทพเห็นแต่หัวไม่เห็นหางผู้นั้นคือเกาเจินที่บรรลุมรรคาอย่างแท้จริง แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นเจ้าคนที่มาขวางทางซึ่งแสร้งทำเป็นวางมาดสง่างามตรงหน้าผู้นี้ไปได้

ต่อให้เผยเฉียนจะยังไม่ตั้งท่าหมัด จิตใจก็ไร้ความคิดวุ่นวายในชั่วพริบตาแล้ว เมื่อนางกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ เริ่มปลดปล่อยปณิธานหมัดออกไป ดวงตาทั้งคู่ก็บังเกิดภาพที่ผิดปกติ

ทันใดนั้นสรรพสิ่งล้วนเงียบงัน ราวกับว่าฟ้าดินเหลือเผยเฉียนแค่คนเดียวที่เป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งไม่ถูกพันธนาการ มีเพียงนางที่ยังสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ

แต่เผยเฉียนรู้ดีอยู่แก่ใจว่า จุดที่สายตาของตนมองไปเห็น แม่น้ำแห่งกาลเวลาไม่ได้หยุดชะงักไปตามความหมายที่แท้จริง แต่ความเร็วในการไหลรินของมันกลับเหมือนว่าจะเชื่องช้าอย่างถึงที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!