ก่อนหน้านี้ตอนที่รับของขวัญ นางเหลือบตามองจวี่สิงอย่างระมัดระวัง เห็นว่าอีกฝ่ายรับของขวัญไว้ เฉามู่ถึงได้กล้ารับมา
เพราะหลังจากติดตามอาจารย์มาถึงใต้หล้าไพศาล อาจารย์ก็ได้พาพวกเขาสองคนทยอยไปเยือนสามทวีปอย่างเกราะทอง หลิวเสียและธวัลทวีป ระหว่างทางต้องผ่านจวนตระกูลเซียนไม่น้อย พวกผู้อาวุโสที่มีเมตตาต่างก็อยากมอบของขวัญให้พวกเขา จวี่สิงเพียงแค่วางสีหน้าเฉยชา สองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ ส่วนอาจารย์ก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ นางจึงปฏิเสธรับของตามเขา มีครั้งหนึ่งแม่นางน้อยสอบถามสาเหตุจากจวี่สิงเป็นการส่วนตัว ผลคือจวี่สิงที่ไม่ค่อยชอบพูดคุยกลับเดือดดาลอย่างหนัก ถามนางแค่ว่ายังมียางอายอยู่บ้างหรือไม่ ทำเอาเฉามู่ทั้งกลัวทั้งเสียใจจึงร้องไห้เสียงดัง จวี่สิงเห็นนางร้องไห้กลับกลายเป็นว่ายิ่งโมโหหนักกว่าเดิม ทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งเอาไว้ว่าวันหน้าเฉามู่อย่าได้มาพูดคุยกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะซ้อมนาง
ภายหลังเป็นอาจารย์ที่มาเอ่ยปลอบใจ เฉามู่ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อันที่จริงระหว่างที่เดินทางมาท่องเที่ยวธวัลทวีป จวี่สิงก็ไม่พูดคุยกับนางเลยสักคำจริงๆ ใช่ว่าเฉามู่จะไม่อยากพูดคุยกับเขา แต่เป็นเพราะไม่กล้า มีหลายครั้งที่เป็นฝ่ายหาเรื่องไปชวนเขาคุย จวี่สิงกลับทำตัวเหมือนคนหูหนวกใส่นาง
ดังนั้นวันนี้การที่จวี่สิงรับของขวัญจากผู้อื่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จวี่สิงเก็บกระดาษจดหมายที่เป็นสีเขียวปลั่งดั่งจะคั้นน้ำออกมาได้ อีกทั้งยังแกะสลักตัวอักษรงดงามไว้หนึ่งบรรทัดแผ่นนั้นไว้ในชายแขนเสื้อเบาๆ นานแล้ว คิดไว้แล้วว่าจะเก็บรักษาให้ดี เพราะมาถึงใต้หล้าไพศาลแห่งนี้ การเล่าเรียนหนังสืออ่านตำราถือเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุดแล้ว
เซี่ยซงฮวาเอ่ยสัพยอก “คนหนึ่งวันๆ เอาแต่ทำตัวเป็นคนหูหนวกเป็นคนใบ้ คนหนึ่งเอะอะก็ร้องไห้โยเย เลี้ยงเด็กสองคนนี่ยากจริงๆ เผยเฉียน บอกตามตรงนะ อาจารย์พ่อของเจ้าเลี้ยงเด็กๆ คืออย่างนี้ เก่งกาจกว่าการเป็นอิ่นกวานเสียอีก”
เซี่ยซงฮวายกนิ้วโป้งให้
เผยเฉียนรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
ตลอดเวลาหลายปีที่อาจารย์พ่อพานางออกเดินทางไกล นับว่าลำบากมากจริงๆ
แม้ปากเซี่ยซงฮวาจะบ่น แต่ในใจกลับรู้สึกภาคภูมิใจมากกว่า นางไม่รู้สึกจริงๆ ว่าเฉินหลี่ เกาโย่วชิงของลี่ไฉ่ เหย่ตู้ เซวี่ยโจวของผูเหอ และยังมีซุนฉ่าว จินหลวนของซ่งพิ่น รวมไปถึงเด็กๆ ที่กระจัดกระจายกันไปทั่วใต้หล้าไพศาลพวกนั้นจะโดดเด่นยิ่งกว่าลูกศิษย์สองคนนี้ของตน ไม่มีทางแน่นอน! นางเซี่ยซงฮวารับลูกศิษย์แค่สองคนนี้ ทุ่มเทถ่ายทอดวิชาทั้งหมดของตัวเองไปให้ หกสิบปีให้หลังจะต้องเป็นเซียนกระบี่น้อยได้เร็วกว่าเฉินหลี่ที่มีฉายาว่าอิ่นกวานน้อยผู้นั้นอย่างแน่นอน
ต่อให้ไม่ใช่แล้วจะอย่างไร เฉามู่กับจวี่สิงก็ยังคงเป็นลูกศิษย์ที่รักของนางเซี่ยซงฮวาอยู่ดี
จวี่สิงยกสองแขนกอดอกนั่งอยู่บนราวระเบียง แกว่งสองขาเบาๆ เมื่อก่อนอยู่บ้านเกิดเขาก็ชอบนั่งแบบนี้บนหัวกำแพงเมือง ความเคยชินนี้คงเปลี่ยนไม่ได้ชั่วชีวิต
เฉามู่เถียงเสียงเบา “อาจารย์ แค่สามครั้งเท่านั้น ไม่ได้เอะอะก็ร้องไห้นะ”
จวี่สิงหลุดหัวเราะพรืด
เฉามู่ท่าทางเซื่องซึมทันใด
เซี่ยซงฮวาลุกขึ้นยืน “เผยเฉียน พวกเจ้าคุยกันไปก่อน ข้าจะไปคุยธุระกับใครบางคนเสียหน่อย นัดหมายกับนางไว้แล้วว่าจะมาเจอกันที่นี่ เวลานี้นางน่าจะมาถึงแล้ว”
เผยเฉียนจึงอยู่คุยเล่นกับเด็กทั้งสอง
เฉามู่พูดเจื้อยแจ้วเหมือนนกกระจิบตัวน้อย หลังจากเผยเฉียนถาม แม่นางน้อยก็เล่าเรื่องครึกครื้นใหญ่เทียมฟ้าของสิบคนรุ่นเยาว์ให้พี่หญิงเผยเฉียนฟังอย่างละเอียด
แน่นอนว่าจวี่สิงต้องพูดทวงความเป็นธรรมแทนใต้เท้าอิ่นกวาน นอกจากหนิงเหยาแล้ว อย่างมากสุดก็เพิ่มมาได้แค่เฉาสือคนเดียวเท่านั้น อีกแปดคนที่เหลือมีคุณสมบัติอะไรมาเบียดใต้เท้าอิ่นกวานให้หลุดจากอันดับสิบคน ได้มาแค่ ‘อันดับที่สิบเอ็ด’ เท่านั้น?
เผยเฉียนถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “แล้วเรื่องของนครบินทะยานล่ะเป็นมาอย่างไร?”
เฉามู่ยิ้มกล่าว “ใต้หล้าแห่งที่ห้า ชื่อศักราชคือเจียชุน คิดตามเวลาที่นครบ้านเกิดของพวกเราหล่นลงพื้นเป็นช่วงแรกของการบุกเบิกฟ้าดิน จึงถูกตั้งชื่อว่านครบินทะยาน”
จวี่สิงเอ่ย “มีข่าวบอกมาว่าพี่หญิงหนิงเหยาไม่เพียงแต่เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนแรกของใต้หล้าแห่งนั้น ตอนนี้ยังเป็นขอบเขตเซียนเหรินแล้วด้วย”
เผยเฉียนมองแม่นางน้อยซุกซนน่ารักตรงหน้าผู้นี้แล้วก็ให้คิดถึงหมี่ลี่น้อยบนภูเขาลั่วพั่วขึ้นมาบ้างแล้ว แล้วก็คิดถึงพี่หญิงหน่วนซู่ที่ดูเหมือนว่าจะไม่อาจเติบโตได้ตลอดกาลด้วย
กระทั่งบัดนี้เผยเฉียนถึงได้ค้นพบอย่างคนที่ความรู้สึกช้าว่า ที่แท้พี่หญิงเป่าผิงเติบใหญ่แล้ว ตนเองก็เติบโตแล้วเช่นกัน
อาจารย์อาน้อยของพี่หญิงเป่าผิง อาจารย์พ่อของนาง หากรู้เรื่องนี้จะดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่นะ
เผยเฉียนเปิดหีบไม้ไผ่แล้วเริ่มคัดตัวอักษร
เฉามู่นั่งอยู่ด้านข้าง เท้าคางมองดูพี่หญิงเผยคัดตัวอักษรเงียบๆ
จวี่สิงกำลังคิดถึงการเปิดประตูครั้งที่สองของใต้หล้าแห่งที่ห้า ถึงเวลานั้นตนก็สามารถกลับบ้านเกิดได้แล้ว
ได้ยินมาว่าใต้หล้าแห่งที่ห้าจะเปิดประตูนานสามสิบปี หลังจากนั้นก็จะปิดประตูใหญ่ลงอย่างสิ้นเชิง
หากยังคิดจะไปกลับระหว่างใต้หล้าทั้งสองแห่งก็ต้องเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานอย่างเดียวเท่านั้น
จวี่สิงเห็นไม้เท้าเดินป่าและหีบไม้ไผ่ของพี่หญิงเผยแล้วก็รู้สึกอยากได้ เด็กชายเอามือสองข้างสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อเลียนแบบใต้เท้าอิ่นกวาน นั่งเหม่ออยู่บนราวระเบียง
คนรุ่นเยาว์สิบคนที่ถูกประเมินออกมาครั้งนี้ล้วนอายุต่ำกว่าห้าสิบปี คนที่ติดอันดับไม่มีการแบ่งสูงต่ำ
เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก อายุน้อยเกินไป เดินขึ้นเขาไปฝึกตนพิสูจน์ความเป็นอมตะ อย่างน้อยยังต้องรอดูอีกร้อยปีถึงจะได้
หนิงเหยาแห่งนครบินทะยานฝ่าทะลุขอบเขตสองครั้งติดต่อกันในใต้หล้าแห่งที่ห้า เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเซียนเหริน
เฉาสือผู้ฝึกยุทธแห่งต้าตวน เลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบนอกมหาสมุทรของถ้ำซานสุ่ยฝูเหยาทวีป
ซานชิงนักพรตแห่งป๋ายอวี้จิง ขอบเขตหยกดิบ บนร่างไม่มีสมบัติอาคมสักชิ้น เพราะวัตถุแห่งชะตาชีวิตล้วนเป็นอาวุธเซียน อาวุธกึ่งเซียน ใช้วิธีการรวบรวมให้ครบห้าธาตุ ระดับขั้นถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!