หลิวเสี้ยนหยางแทะเมล็ดแตงต่ออีกครั้ง ค้อมเอวมองไปยังทิศไกล “หากไม่มีรายงานขุนเขาสายน้ำฉบับนั้น ข้าก็คงไปหาเรื่องที่ภูเขาตะวันเที่ยงจริงๆ แล้ว แต่ในเมื่อผิงอันน้อยยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนละเรื่องกันแล้ว ไว้รอเขากลับมาแล้วไปพร้อมกันดีกว่า เขาไม่มีคุณธรรม แต่ข้ามีนี่นา”
หมี่อวี้ยิ้มกล่าว “สำรองอันดับสิบคนมีหม่าขู่เสวียนแห่งตรอกซิ่งฮวาด้วย”
หลิวเสี้ยนหยางพยักหน้า “พี่ปันไฉผู้น่าสงสาร อยู่กับเจ้าโง่หม่าทุกวันจะต้องสะอิดสะเอียนแทบแย่แล้วแน่ๆ”
หมี่อวี้ถามอย่างสงสัย “ปันไฉ? ใคร?”
หลิวเสี้ยนหยางอธิบาย “ซ่งจี๋ซินแห่งตรอกหนีผิงนั่นอย่างไรล่ะ หรือก็คือซ่งมู่อ๋องเจ้าเมืองในทุกวันนี้”
หมี่อวี้ไม่ถามอะไรมากอีก เรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าอิ่นกวานพวกนี้ หมี่อวี้ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร
หลิวเสี้ยนหยางแทะเมล็ดแตงหมดแล้วก็เอาสองมือสอดรองกันไว้ใต้ท้ายทอย กล่าวอย่างระอาใจว่า “นายท่านใหญ่หลิวไม่ได้เรื่องเลย อย่าว่าแต่ไม่มีชื่อติดกระดานทั้งสองฉบับ แม้แต่คนรุ่นเยาว์สิบคนของแจกันสมบัติทวีปที่อุตรกุรุทวีปคัดเลือกมาก่อนหน้านี้ก็ยังไม่มีข้า หรือสาเหตุจะเป็นเพราะว่าข้าหาเมียไม่ได้กันนะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลเลยที่ข้าจะด้อยกว่าผิงอันน้อย”
หมี่อวี้ฟังแล้วก็แค่ปล่อยผ่านไป
ไม่อย่างนั้นบนภูเขาลั่วพั่วบ้านตน แล้วยังมีอำเภอไหวหวงที่เล็กเท่าฝ่ามือแห่งนี้ ก็ง่ายนักที่จะทำให้คนต่างถิ่นสมองเลอะเลือน คิดอะไรไม่ค่อยออก
เรื่องที่หมี่อวี้สนใจ แน่นอนว่าต้องเป็นการจัดอันดับสองฉบับนั้น
สำรองสิบคนที่เพิ่งออกจากเตามาสดๆ ร้อนๆ ก็ไม่มีการเรียงลำดับก่อนหลังอยู่เหมือนเดิม
นอกจากหม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่แล้ว
ยังมีลูกศิษย์คนแรกของหลิวชาปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างอย่าง จู๋เชี่ย
อารามเสวียนตูใหญ่แห่งใต้หล้ามืดสลัวมีนักพรตหญิงคนหนึ่งของสายเซียนกระบี่
ภิกษุรูปหนึ่งของวัดโส่วซิน
สู่จ้งสู่นักพรตพรรคมหายันต์ที่เดินทางไปยังใต้หล้าแห่งที่ห้า บุตรชายโทนของประมุขแห่งถ้ำสวรรค์เทียนอวี๋ของหลิวเสียทวีป
ยามที่เขาถือกำเนิดได้เกิดภาพปรากฎการณ์อันเป็นมงคล เป็นค่ำคืนของวันไหว้พระจันทร์พอดี ดอกบัวขาวในสระไท่เย่แตกกิ่งก้านผลิบาน มีเทพหญิงโอบอุ้มหลิงจือหยกขาวมาประทานพรด้วยการเจิมหน้าผากให้เขาด้วยตัวเอง
ไม่เพียงเท่านี้ยังได้มอบบุปผาไขปริศนาคำให้หนึ่งดอก พวกมันทยอยกันผลิกลีบหกกลีบ แต่ละกลีบมีตัวอักษรหนึ่งคำ ถ้อยคำกลมกลืนเป็นธรรมชาติคงอยู่ยาวนานได้หมื่นปี และกำลังจะผลิกลีบที่เจ็ด คาดว่าคงจะเป็นตัวอักษร ‘ใหม่’ อีกตัว
ฉุนชิงเด็กสาวจากถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ คือลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของฮูหยินภูเขาชิงเสิน เชี่ยวชาญการหลอมโอสถ เขียนยันต์ เวทกระบี่ เคล็ดลับการเรียนวรยุทธ ไม่ว่าอะไรก็ล้วนเป็นทั้งหมด
เด็กสาวเองก็เป็นเพียงคนเดียวในบรรดาคนรุ่นเยาว์สิบคนและสำรองอันดับสิบคนที่มีการบรรยายอายุอย่างละเอียดไปจนถึงวันเดือนปีเกิด
เพิ่งจะอายุสิบสี่ปี
นักพรตหวังหยวนลู่ สายของโจรข้าวสารที่ไม่ได้รับการยอมรับจากป๋ายอวี้จิงแห่งใต้หล้ามืดสลัว
คนหนุ่มคนหนึ่งนามว่าสวี่ป๋ายจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง
ถือกำเนิดในแคว้นเล็กใต้อาณัติแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีสถานที่แห่งหนึ่งคือสะพานขอพรในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด คนเฝ้าสะพานแซ่สวี่ มีบุตรชายคนหนึ่ง เด็กหนุ่มรูปโฉมโดดเด่นดุจเจ๋อเซียนเหริน จึงเป็นเหตุให้ได้รับฉายาว่าสวี่เซียน
ว่ากันว่าตอนที่สวี่ป๋ายยังเป็นเด็ก ยามอ่านหนังสือก็จะมีเทพและวิญญาณเซียนคอยช่วยจุดตะเกียงส่องแสงสว่างให้อยู่ด้านหลัง
ภายหลังไปพักค้างแรมบนสะพานเด็กหนุ่มฝันเห็นนักพรตเฒ่าถือไม้เท้าเดินมา แม้เรือนกายจะผ่ายผอม แต่กลับคล้ายจะมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา เด็กหนุ่มกึ่งหลับกึ่งตื่น พอแสงตะเกียงพลันสว่างจ้า คนก็อยู่บนทะเลเมฆปลาอยู่บนฟ้า
คนหนุ่มคนหนึ่งของหลิวเสียทวีปที่มีโชควาสนาลึกล้ำได้เอ่ยถ้อยคำประหลาดว่าเขาเป็นนักท่องฝัน
ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งของสายคนจับมีดแห่งใต้หล้ามืดสลัว อายุเกือบห้าสิบปี เป็นคอขวดขอบเขตยอดเขา
นอกจากนี้สำรองสิบคนก็มีคนที่อยู่อันดับที่สิบเอ็ดเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้มีอิ่นกวาน จึงมีคำกล่าวที่ว่า ‘อันดับที่สิบเอ็ด’ ดังนั้นคนผู้นี้จึงมือฉายาว่า ‘ยี่สิบสอง’
ชีวิตที่ไม่ถือว่ายาวนานของคนผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นนิยายเรื่องเล่ามหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยความพิลึกพิลั่นอย่างถึงที่สุด แรกเริ่มสุดคุณสมบัติของเขาพอใช้ได้ จึงได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อฝ่ายนอกของสำนักแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกผู้คนรอบข้างดูแคลน ต้องประสบพบเจอกับอุปสรรคมากมาย แล้วยังเคยเจ็บปวดกับความรัก จากนั้นมีครั้งหนึ่งระหว่างที่ลงจากภูเขาไปหาประสบการณ์ เพื่อช่วยคนอื่นที่ประสบภัย ตัวเองกลับโชคร้ายเจอหายนะเสียเอง สุดท้ายกลายเป็นเหมือนผีที่ตายไปครึ่งหนึ่ง
เมื่อเขาได้พบเจอกับแสงสว่างอีกครั้ง ในมือก็ได้ครอบครองถ้ำสวรรค์แห่งหนึ่ง
อายุน้อยๆ ก็กลายเป็นเจ้าสำนักของสำนักแห่งหนึ่ง สร้างสำนักขึ้นมาใหม่อย่างเข้มงวด ในสำนักมีบรรพจารย์อยู่กลุ่มใหญ่ แต่กลับสามารถสยบผู้คนมากมายได้
เล่าลือกันว่าเคยไปมาหาสู่กับหย่าเซิ่งแห่งลัทธิขงจื๊อที่ไปท่องเที่ยวในใต้หล้ามืดสลัว รวมไปถึงลู่เฉินเจ้าลัทธิสามแห่งป๋ายอวี้จิงของใต้หล้าบ้านตัวเอง นักพรตซุนแห่งอารามเสวียนตู และบุคคลอันดับหนึ่งด้านการหลอมโอสถ ล้วนเคยมีการถ่ายทอดมรรคกถาหรือไม่ก็วิชาความรู้ให้แก่กัน
คู่บำเพ็ญเพียรของเขาก็ยิ่งน่าตะลึงพรึงเพริด
คือบรรพจารย์ผู้บุกเบิกขุนเขาขอบเขตบินทะยานของอีกสำนักหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นด้านอายุ ตบะหรือสถานะล้วนแตกต่างกันอย่างมาก
ประเด็นสำคัญคือระหว่างสำนักทั้งสองแห่ง เดิมทีคือศัตรูคู่อาฆาตที่ผูกปมแค้นกันมานานหลายพันปี
ดังนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายกลายเป็นคู่รักกันจึงแทบจะทำให้นักพรตครึ่งหนึ่งของใต้หล้ามืดสลัวปากอ้าตาค้างกันได้เลย
หลิวเสี้ยนหยางโยกเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็กจนเกิดเสียงดังออดแอด เขาพึมพำว่า “นักท่องฝันของหลิวเสียทวีปพอจะน่าสนใจอยู่บ้าง”
ทุกวันนี้ผู้ฝึกตนมากมายของแจกันสมบัติทวีป นอกจากจะรู้สึกเป็นเกียรติเท่าทวีแล้ว ยังรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง เพราะเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะเพิ่งจะผ่านอายุห้าสิบปีไป ซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าเมืองก็เช่นเดียวกัน
ไม่อย่างนั้นหากก่อนหน้ามีซ่งจ่างจิ้งและเว่ยจิ้นที่ติดอันดับสิบคนรุ่นเยาว์พร้อมกัน ต่างคนต่างยึดครองพื้นที่หนึ่ง จากนั้นก็มีหม่าขู่เสวียนตามมาติดๆ ในอันดับสำรองสิบคน
ในใต้หล้าทั้งหลาย การจัดอันดับสองฉบับที่รวมแล้วมีคนทั้งสิ้นยี่สิบเอ็ดคนนี้
แจกันสมบัติทวีปที่เล็กที่สุดของใต้หล้าไพศาลก็จะมีคนถึงสามคนที่ได้ยึดครองพื้นที่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!