กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 706

นอกศาลเหลยกงจังหวัดหม่าหู เพ่ยอาเซียงทอดถอนใจด้วยความชื่นชมจากใจจริง “หมัดดี”

ราวกับคำว่าหมัดดีนี้ยังไม่มากพอจะบรรยายได้ถึงความมหัศจรรย์ของหมัดนี้ เพ่ยอาเซียงจึงยื่นมือมาลูบคลึงหัวเข่าเบาๆ ดวงตาฉายประกายระยิบระยับ พยักหน้าติดต่อกันถี่ๆ เอ่ยเสริมว่า “ลำพังเพียงแค่พูดถึงความทอดยาวของวิชาหมัด ปณิธานหมัดที่ทับซ้อนกันหนาชั้น ข้าก็สู้บรรพจารย์ผู้บุกเบิกขุนเขาของหมัดนี้ไม่ได้ ช่างเป็นหมัดที่ดีจริงๆ ดั่งคำว่าม่านน้ำตกแขวนห้อยบนฟ้า วิชาหมัดอยู่สูงมาก ยามที่หมัดตกกระทบลงมาบนพื้นจึงหนักหน่วงมาก”

ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบบนโลก ไม่มีใครที่เป็นตะเกียงประหยัดน้ำมัน

สามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางที่หยิ่งทระนงในตัวเองรู้สึกเลื่อมใสชื่นชมวิชาหมัดของสายอื่นได้อย่างจริงใจเช่นนี้ อันที่จริงก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว

ที่แท้แม่นางน้อยที่เรียกตัวเองว่าเผยเฉียนได้ใช้ปณิธานหมัดชนิดเดียวปล่อยออกมาติดต่อกันถึงสิบเจ็ดหมัด ทุกหมัดล้วนโจมตีโดนหลิ่วซุ่ยอวี๋ลูกศิษย์ที่เพ่ยอาเซียงภาคภูมิใจที่สุด

เป็นเหตุให้หลิ่วซุ่ยอวี๋จำต้องสะบั้นปณิธานหมัดส่วนนั้นทิ้ง ไม่กล้าปล่อยให้เผยเฉียนเพิ่มปณิธานหมัดไปมากกว่านั้นอีก

หลิวโยวโจวที่หลบอยู่ด้านหลังเพ่ยอาเซียงยืดคอยาวออกมาพึมพำเบาๆ ว่า “ปล่อยหมัดติดต่อกันสิบกว่าหมัด ทำเอาท่านน้าหลิ่วได้แต่ตั้งท่าต้านรับ ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือให้เอาคืนแม้แต่น้อย นี่มันเกินจริงไปแล้วนะหากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงไม่มีใครเชื่อหรอกกระมัง”

เพ่ยอาเซียงด่าขำๆ “เจ้าจะไปเข้าใจกะผายลมอะไร สิบเจ็ดหมัดนี้ของแม่นางน้อยถือว่าเป็นแค่หมัดเดียวเท่านั้น”

บนลานกว้างนอกศาลเหลยกง ปณิธานหมัดซัดกระเพื่อมรุนแรง ปณิธานหมัดของเพ่ยอาเซียงจึงไหลรินออกไปช้าๆ ปกป้องหลิวโยวโจวที่อยู่ด้านหลังของตนอย่างเงียบเชียบ

ส่วนหลิ่วหมัวมัวกลับไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว ต่อให้หญิงชราจะเป็นขอบเขตเซียนดิน ต่อให้จะแค่มองดูหมัดอยู่ไกลๆ ก็ยังคงรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยอยู่ดี

ปณิธานหมัดบนลานกว้างขุมนั้นถูกชักนำ เส้นแสงในแต่ละจุดจึงเริ่มเกิดการบิดเบือน มีการตัดสลับถักทอกันอย่างลับๆ นี่ก็คือภาพบรรยายกาศที่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งใช้สองหมัดเขย่าคลอนฟ้าดิน

หลิ่วหมัวมัวไม่ได้เป็นห่วงว่าหลิ่วซุ่ยอวี๋จะแพ้ ผู้ฝึกยุทธของธวัลทวีปมีมากมาย แน่นอนว่าเป็นเพ่ยอาเซียงแห่งศาลเหลยกงมีขอบเขตสูงที่สุด ทว่าขอแค่ซุ่ยอวี๋สามารถใช้คำว่าแข็งแกร่งที่สุดเลื่อนเป็นขอบเขตยอดเขาได้ โชคชะตาบู๊ของหนึ่งแคว้นก็จะเป็นซุ่ยอวี๋ที่ได้ไปมากที่สุด หลิ่วซุ่ยอวี๋เคยได้คำว่าแข็งแกร่งที่สุดมาสามครั้ง จะว่าไปแล้วก็แปลก ตามการอนุมานของเพ่ยอาเซียงผู้เป็นอาจารย์ของนาง ดูจากภาพปรากฎการณ์การไปมาของโชคชะตาบู๊ในใต้หล้า หลายครั้งที่หลิ่วซุ่ยอวี๋พลาดคำว่าแข็งแกร่งที่สุดไป ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับแจกันสมบัติทวีปเล็กๆ แห่งนั้น

นี่หมายความว่านอกจากซ่งจ่างจิ้งแห่งต้าหลีแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ยังต้องมีปรมาจารย์ใหญ่ขอบเขตเก้าอีกสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ที่นั่น

หลิ่วโยวโจวรู้สึกปลงอนิจจัง เอ่ยเนิบช้าว่า “ข้าได้ยินมาว่าภูเขาลั่วพั่วของแจกันสมบัติทวีปสนิทสนมกับเว่ยป้อซานจวินแห่งขุนเขาเหนือของภูเขาพีอวิ๋นมาก กิจการของท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวก็ไม่เลวเลยจริงๆ ทุกวันนี้ก็ได้ทำการค้าที่ไม่เล็กกับสำนักพีหมาและสวนน้ำค้างวสันต์ของกุรุทวีป เพียงแต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีแม่นางอายุน้อยที่วิชาหมัดเลิศล้ำเทียมฟ้าเช่นนี้อยู่ แจกันสมบัติทวีปช่างเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดจริงๆ พื้นที่ใหญ่เท่าเมล็ดข้าวสาร แต่กลับทำให้คนประหลาดใจได้เสมอ ผู้ฝึกยุทธซ่งจ่างจิ้ง เซียนกระบี่เว่ยจิ้น ผู้ฝึกตนหม่าขู่เสวียน ล้วนไม่เลวเลยจริงๆ”

เพ่ยอาเซียงเอ่ยสัพยอก “นี่เจ้าเห็นคนนอกดีกว่าคนกันเองงั้นรึ? คิดว่าตัวเองเป็นบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วหรือไร?”

หลิวโยวโจวเอ่ยอย่างตกตะลึง “ในที่สุดท่านน้าหลิ่วก็ออกหมัดแล้ว!”

ฟังจากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าการที่หลิ่วซุ่ยอวี๋เพียงแค่รับหมัดไม่เคยตอบโต้เอาคืนมาตั้งแต่แรก ถึงจะเป็นเรื่องที่ปกติ

เพ่ยอาเซียงจึงได้แต่ช่วยอธิบายให้กับคนนอกสาขาไม่มีความเชี่ยวชาญผู้นี้ว่า “แม่นางน้อยคนนี้ทั้งมาถามหมัด แล้วก็เป็นทั้งแขก ส่วนซุ่ยอวี๋นั้นไม่ว่าจะอายุหรือขอบเขตก็ล้วนถือเป็นผู้อาวุโสของอีกฝ่าย แล้วยังถือเป็นเจ้าบ้านครึ่งตัว ตามกฎของยุทธภพ แน่นอนว่าต้องรับหมัดก่อนหนึ่งหมัด ดังนั้นจึงจะเสียเปรียบเล็กน้อย แน่นอนว่าหมัดนี้ของแม่นางน้อยขัดเกลามาได้อย่างถึงแก่น คือรากฐานของนาง หมัดของอีกฝ่ายดี พวกเราก็ต้องยอมรับ อย่างน้อยหมัดนี้ของซุ่ยอวี๋ก็คือท่ามหานทีทอดขวางที่ข้าบรรลุมาหลังจากเห็นเจียวหลงข้ามแม่น้ำในปีนั้น แน่นอนว่าไม่มีทางแย่ไปกว่ากันแน่”

อันที่จริงหมัดขวางนทีที่หลิ่วซุ่ยอวี๋ลูกศิษย์ของตนใช้สะบั้นปณิธานหมัดของอีกฝ่ายก็มีความมหัศจรรย์มากจนเกินบรรยายเช่นกัน เพราะเป็นวิชาความรู้ทั้งหมดที่เพ่ยอาเซียงถ่ายทอดให้ลูกศิษย์

แน่นอนว่าในฐานะขอบเขตยอดเขาที่ปณิธานหมัดสมบูรณ์แบบ การที่หลิ่วซุ่ยอวี๋ขอบเขตสูงกว่าเผยเฉียนหนึ่งขั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากด้วย

ไม่อย่างนั้นหากเป็นขอบเขตเดินทางไกลกันทั้งคู่ คาดว่าการถามหมัดครั้งนี้ ลำพังอาศัยแค่หมัดนี้ของเผยเฉียน ทั้งสองฝ่ายคิดจะแบ่งแพ้ชนะก็ได้แต่แบ่งเป็นตายกันอย่างเดียวแล้ว

หลิ่วซุ่ยอวี๋ไม่เพียงแต่สะบั้นปณิธานหมัดของอีกฝ่ายด้วยหมัดเดียว หมัดที่สองยังต่อยเข้าที่จุดไท่หยางของเผยเฉียน ต่อยจนฝ่ายหลังปลิวกระเด็นออกไปหลายสิบจั้ง

ศีรษะของเผยเฉียนเหวี่ยงสะบัด ร่างพลิกกลับอยู่กลางอากาศ ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งยันพื้นแล้วพลันขยุ้มดิน พริบตาเดียวก็รั้งเรือนกายที่ลอยละลิ่วเอาไว้ได้ นางตีหลังกากลับไปด้านหลัง ทว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาหลิ่วซุ่ยอวี๋ก็มาปรากฎตัวข้างกายเผยเฉียน ปล่อยหมัดออกไปครึ่งหมัด เพราะเผยเฉียนไม่ได้ไปโผล่ตรงตำแหน่งที่คาดการณ์ไว้ หากเผยเฉียนรับหมัดนี้ไป คาดว่าการถามหมัดครั้งนี้ก็น่าจะสิ้นสุดได้แล้ว หนึ่งหมัดของยอดเขาขอบเขตเก้าหากปล่อยไป เด็กรุ่นหลังคนนี้ก็จำต้องอยู่ต่อที่ศาลเหลยกงนานเป็นเดือนเพื่อสงบใจรักษาบาดแผลให้หายดี ถึงจะออกเดินทางต่อได้อีกครั้ง

หลิ่วซุ่ยอวี๋เก็บหมัดอีกครึ่งหนึ่งนั้นมา ไม่ได้ไล่ตามเรือนกายของเผยเฉียนไปต่อ เพียงหยุดยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผู้ฝึกยุทธหญิงขอบเขตยอดเขาคนนี้ตกตะลึงอยู่ในใจ ร่างกายของแม่นางน้อยแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่ออย่างมาก

เพ่ยอาเซียงยิ้มกล่าว “หากเจ้าสามารถทำให้แม่นางน้อยกลายเป็นผู้ถวายงานสกุลหลิวได้ อย่างน้อยที่สุดท่านพ่อของเจ้าก็จะได้จวนหยวนโหรวแห่งหนึ่งของภูเขาห้อยหัวกลับคืนมา”

หลิวโยวโจวส่ายหน้า “ท่านพ่อเคยกำชับข้าไว้ว่า ห้ามทำการค้ากับสหายสนิทง่ายๆ เด็ดขาด เพราะจะทำให้ไม่อาจเป็นเพื่อนกันอีกได้อีกต่อไป การค้าก็ยากที่จะมีจุดจบที่ดี ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนขาดทุน”

สกุลหลิวมีกฎบรรพบุรุษอยู่ข้อหนึ่ง เงินทองใต้หล้าแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งคือเงินเทพเซียนที่จับต้องได้จริง อีกหนึ่งคือใจคน

เพ่ยอาเซียงเอ่ยเย้ยหยัน “แม่นางน้อยเป็นสหายของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้าเคยถามนาง แล้วนางตอบตกลงแล้วหรือ?”

หลิวโยวโจวเงียบงันไม่พูดตอบ มองสตรีงดงามที่อายุไม่มากคนนั้น นางดำกว่าเงินเกล็ดหิมะเพียงเล็กน้อย

กลางอากาศสูงของศาลเหลยกง ปราณกระบี่ส่วนหนึ่งของเซี่ยซงฮวาที่ไหลรินออกไปเหมือนก้อนเมฆล่องลอยทำให้ลูกศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสองมีพื้นที่ให้หยัดยืน จวี่สิงโอบหีบไม้ไผ่เอาไว้ เฉามู่ถือไม้เท้าเดินป่า นางค้นพบว่าไม้เท้าเดินป่าสีเขียวมรกตนี้พอมาอยู่ในมือแล้วหนักมาก อาจารย์จึงอธิบายให้ฟัง บอกว่าไม้เท้าเดินป่าอันนี้ร่ายเวทอำพรางตาเอาไว้ วัสดุที่แท้จริงคือการรวมตัวกันของของเหลวที่ลักษณะคล้ายบ่อสายฟ้า แล้วถูกคนนำมาหล่อหลอมให้มีรูปลักษณ์เป็นไม้เท้าเท่านั้น ผลคือเฉามู่กลับพูดว่าด้านในไม้เท้าเดินป่าคล้ายจะมีปณิธานกระบี่บริสุทธิ์เป็นเส้นๆ อยู่ด้วย พอเซี่ยซงฮวารับเอามาถือ ลองสัมผัสกับปณิธานกระบี่ส่วนนั้นอย่างละเอียดก็ถอนหายใจเบาๆ บอกว่าเป็นของที่เซียนกระบี่หญิงโจวเฉิงแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเจ้ามอบให้

จวี่สิงถาม “อาจารย์ ขอบเขตวิถีวรยุทธของพี่หญิงเผยตอนนี้สามารถทัดเทียมกับผู้ฝึกตนก่อกำเนิดได้หรือไม่?”

เซี่ยซงฮวาเอ่ยว่า “ขอแค่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ หากเผยเฉียนต่อกรกับก่อกำเนิด ก็พอจะมีโอกาสชนะได้อยู่บ้าง”

แต่ว่าเพียงไม่นานเซียนกระบี่หญิงท่านนี้ก็เปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า “ต้องบอกว่าโอกาสชนะมีสูงมากถึงจะถูก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!