บนสนามรบเลียบมหาสมุทร ทหารแต่ละคนของกองทัพม้าเหล็กต้าหลีล้วนตายกันไปก่อน ทว่าพวกนายท่านขุนนางที่มีชีวิตสุขสบายพวกนี้กลับไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย
เจ้ากรมพิธีการอีกท่านหนึ่งเอ่ยเย้ยหยันขึ้นว่า “พวกที่ได้เป็นขุนนาง แต่ละคนล้วนฝีมือดีกันทั้งนั้น น่าเสียดายที่พอเป็นขุนนางแล้วกลับลืมว่าควรเป็นคนอย่างไร”
ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งท้องพระโรงตัวสั่นเทิ้มกันไปหมด
ส่วนเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่พอเจอกับหายนะก็หดหัวด้วยความขลาดกลัว กองทัพต้าหลีออกคำสั่งตรงไปยังศาลบรรพจารย์ของตระกูลเซียนใหญ่ทุกแห่ง โดยให้ผู้คุมกฎเป็นผู้นำ หากผู้คุมกฎเข้าร่วมกองทัพต้าหลีแล้ว ก็มอบหน้าที่นี้ให้บรรพจารย์คนอื่นเป็นผู้รับผิดชอบจับกุมตัวเซียนซือเหล่านั้นกลับมาที่ภูเขา ใครต่อต้านให้ประหารทันที ภายในเวลาหนึ่งปีหากยังจับไม่ได้ ต้าหลีจะไปเอาผิดถึงที่ภูเขา แล้วค่อยให้ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของต้าหลีมารับช่วงต่อ
หลิวสวินเหม่ยหนึ่งในสามขุนนางผู้ตรวจการลำน้ำใหญ่ร่วมรับผิดชอบเรื่องนี้กับรองเจ้ากรมอาญาฝ่ายซ้ายของต้าหลี
หลินจวินปี้พลันเอ่ยว่า “หากให้ขุนนางบุ๋นบู๊ในท้องถิ่นของต้าหลีได้มีเวลาหลอมรวมศักยภาพของทั้งทวีปอีกสามสิบปี คิดดูแล้วคงไม่ฉุกละหุกและเปลืองแรงกันขนาดนี้”
เฉาผู่พยักหน้ารับ แต่จากนั้นกลับส่ายหน้า
หลินจวินปี้เข้าใจความหมายของเขา จึงเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน “ต้าหลีมีหรือไม่มีซิ่วหู่”
เฉาผู่กลับมองไกลไปอีกก้าว “มีซิ่วหู่ย่อมดีที่สุด หากไม่มีซิ่วหู่ มีแค่ความรู้ของสายคุณความชอบและกิจการงานที่สามารถประคองตัวไปได้นาน สถานการณ์แคว้นของต้าหลีก็สามารถเดินขึ้นสู่ที่สูงต่อไปได้ สำนักศึกษาซานหยาของฉีจิ้งชุนช่วยอบรมปลูกฝังเมล็ดพันธ์บัณฑิตกลุ่มใหญ่ที่บ้างก็แสดงตัวชัดเจน บ้างก็เก็บซ่อนอำพรางตัวให้กับพื้นที่ของครึ่งทวีป ส่วนชุยฉานก็นำความรู้เรื่องคุณความชอบและกิจการงานมาถ่ายทอดและนำมาใช้ นี่ก็คือความรู้ใจกันระหว่างฉีจิ้งชุนกับศิษย์พี่ของเขา ความรู้ของทั้งสองฝ่ายทั้งงัดข้อกันเอง แล้วก็ทั้งช่วยส่งเสริมกันและกัน”
เฉาผู่ชี้ไปที่กระดานหมาก “จวิ้นปี้ เจ้าลองพูดจุดที่เป็นรายละเอียด แล้วค่อยพูดถึงความมหัศจรรย์ในส่วนที่ราชวงศ์เส้าหยวนของพวกเราอยากทำ แต่กลับทำไม่ได้ดูสิ”
หลินจวินปี้เอ่ย “ยุทธศาสตร์สำคัญในการรบบนแนวเส้นเลียบมหาสมุทรทั้งหมด กองทัพม้าเหล็กต้าหลีแบ่งออกเป็นกองทัพหน้าหลังสองกอง กองทัพส่วนหลังมีกองกำลังค่อนข้างบางเบา กองทัพส่วนหน้ารับผิดชอบการโจมตีเป็นหลัก ใช้การกระโจนเข้าหาความตายอย่างกล้าหาญ เป็นฝ่ายที่ตายก่อนโดยใช้สิ่งนี้มากระตุ้นความกล้าหาญของคนที่อยู่เบื้องหลัง ประคับประคองจิตใจผู้คน ฝ่ายหลังคอยตรวจตรากองกำลังใต้อาณัติจากพื้นที่ต่างๆ ในสนามรบ”
กล่าวมาถึงตรงนี้ หลินจวินปี้ก็ทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง “ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกองทัพม้าหลายพันที่กล้าตรวจตราการศึกของกองทัพใหญ่หลายหมื่น นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเกรียงไกรของกองทัพม้าเหล็กต้าหลี”
หลินจวินปี้เอ่ยถึงรายงานขุนเขาสายน้ำบนภูเขาตระกูลเซียนต่อ รายงานฉบับนี้ถึงขั้นไปแปะอยู่ตามอำเภอ ตามเขตการปกครองและจังหวัดของพื้นที่ใต้อาณัติแต่ละแห่งของแจกันสมบัติทวีปได้ นี่ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าราชวงศ์ต้าหลีมีพลังการควบคุมผู้ฝึกตนบนภูเขาของในทวีปอย่างน่าตกตะลึง
กระบี่บินส่งข่าวเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาในศาลา
เฉาผู่มือหนึ่งถือไม้ปัดฝุ่น อีกมือหนึ่งใช้สองนิ้วคีบกระบี่บิน หลังเปิดจดหมายลับที่ผนึกดินม่วงบนภูเขาซึ่งทำขึ้นด้วยกรรมวิธีลับบนกระบี่บินออกอ่านแล้ว ก็ถอนหายใจยาวเอ่ยว่า “ฝูเหยาทวีปพิทักษ์ไว้ไม่อยู่แล้ว โจวเสินจือรบตายแล้ว ฉีถิงจี้เริ่มนำทัพถอยกลับไปที่เกราะทองทวีป จะทำหน้าที่เป็นเสาหลักต่อไป แต่มีความเป็นไปได้แค่ว่าจะสามารถพิทักษ์แผ่นดินของเกราะทองทวีปไว้ได้แค่ครึ่งเดียว รอให้กำลังเสริมมาช่วยเท่านั้น เมล็ดพันธ์บัณฑิตของสำนักศึกษาสถานศึกษากี่มากน้อยที่นึกจะตายก็ตายกันไปทั้งอย่างนี้”
อารมณ์ของหลินจวินปี้หนักอึ้ง
ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งได้รับข่าวร้ายมา เมื่อเทียบกับฝูเหยาทวีปที่การถอนทัพมีระเบียบเป็นขั้นเป็นตอน ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ถอยกลับไปพิทักษ์เกราะทองทวีปได้แล้ว สภาพการณ์ของใบถงทวีปกลับยิ่งอเนจอนาถจนแทบมิอาจทนมองได้
ภูเขาไท่ผิงถูกตีแตก บนภูเขาไม่เหลือผู้ฝึกตนรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
สูญเสียค่ายกลใหญ่ซานหยวนซื่อเซี่ยงไป คนทั้งบนและล่างสำนักฝูจีก็รบตายตามมาติดๆ เช่นกัน ไม่มีใครสักคนที่หนีเอาชีวิตรอด
สำนักศึกษาต้าฝูกลับถูกปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่ใช้นามแฝงว่าโจวมี่ลงมือด้วยตัวเอง ถึงขั้นใช้วิธีการของลัทธิขงจื๊อมาสยบกำราบสำนักศึกษา
นี่หมายความว่าตลอดทั้งใบถงทวีปหลงเหลือเพียงแค่สองสถานที่เท่านั้นที่ยังพอมีแสงตะเกียงในโลกมนุษย์ส่ายไหวจะดับมิดับแหล่ หนึ่งคือสำนักกุยหยกที่รากฐานลึกล้ำ อีกหนึ่งคือสำนักใบถงที่จั่วโย่วใช้กระบี่โจมตีศัตรูให้ล่าถอย
ขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป แม้ว่าจะไม่ได้จมลงไปทั้งหมด แต่โชคชะตาของทวีปก็มีถึงแปดเก้าในสิบส่วนที่ตกไปอยู่ในมือของเผ่าปีศาจแล้ว
หลินจวินปี้ถาม “อาจารย์ แล้วสกุลเฉินผู้รอบรู้ล่ะ?”
เฉาผู่ยิ่งเสียใจอย่างสุดแสน เพราะเขามีชาติกำเนิดจากสายของหย่าเซิ่ง
และเฉินฉุนอันผู้รอบรู้แห่งทักษินาตยทวีปก็ยิ่งเป็นบุคคลที่เป็นดั่งเสาหลักค้ำยันสายของหย่าเซิ่ง
เฉาผู่เอ่ยอย่างจนใจว่า “อาจารย์เฉินได้เลือกทางเลือกที่เลวร้ายที่สุด ในช่วงเวลาที่คนใต้หล้ารู้สึกว่าเขาสมควรตายมากที่สุด ไม่ตาย แต่สำหรับช่วงเวลาที่ตัวเขาเองสมควรมีชีวิตอยู่มากที่สุด กลับไม่มีชีวิตอยู่”
เฉาผู่ลุกขึ้นยืน มองไปยังหิมะก้อนใหญ่ที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้านอกศาลา พอหล่นลงพื้นก็ทับถมกันกลายเป็นหิมะหนาชั้น จุ๊ปากเอ่ยว่า “คำว่าสมควรตายคืออะไร? ในสายตาของคนบนโลก คือกลายเป็นขอบเขตบินทะยานแห่งใต้หล้าไพศาลที่รบตายอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร อะไรที่เรียกว่าสมควรมีชีวิตอยู่? ไม่ใช่ความผิดหรือความถูก ขอแค่เฉินฉุนอันยังมีชีวิตอยู่ ขอแค่รักษาทักษนินาตยทวีปไว้ได้ก็มีโอกาสที่จะอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าเหตุใดตอนแรกนั้นเขาถึงไม่ตาย ต่อให้อาจารย์เฉินจะไม่พูด ก็ย่อมมีข้าเฉาผู่ มีสายหย่าเซิ่งของพวกเราที่ช่วยอธิบายแทนท่านอาจารย์”
หลินจวินปี้ลุกขึ้นยืนตาม “แต่หากไม่มีอาจารย์เฉินคอยเฝ้าพิทักษ์ ทักษินาตยทวีปก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ต่อให้จะมีภาพค้นภูเขาที่อาจารย์ป๋ายมอบให้ก็ยังไม่อาจรักษาดินแดนของทวีปนั้นได้ หากเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง แล้วอาจารย์เฉินเลือกที่จะไปจากทักษินาตยทวีปโดยพลการ มองดูเหมือนกระโจนเข้าหาความตายอย่างกล้าหาญ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นคนผิดของใต้หล้าไพศาลที่ความผิดจะติดตัวไปพันปีอย่างแท้จริง”
เฉาผู่เอ่ย “ขอแค่อาจารย์เฉินไม่ไปจากทักษินาตยทวีป ผู้ฝึกตนทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับใบถงทวีป ฝูเหยาทวีป ต่อให้จะรู้หลักการเหตุผลข้อนี้อย่างชัดเจน ก็จะยังเกลียดแค้นอาจารย์เฉินอยู่ดี หากจะบอกว่านี่ก็เป็นความรู้สึกปกติทั่วไปของคน ทว่าคนที่พูดถึงแค่บุญคุณความแค้น ไม่แยกแยะเหตุผลเรื่องราวให้กระจ่าง บนโลกใบนี้กลับมีมากมายนัก ผู้ฝึกตนที่ฝึกตนอยู่บนภูเขามีมากมายดุจขนวัวที่เอาแต่ฝึกกำลังไม่ฝึกจิตใจ ภัยแฝงที่จะตามมาเบื้องหลังจึงมากมายนับไม่ถ้วน”
สีหน้าของผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อหนักอึ้ง “เล่าลือกันว่ายามอยู่ในสำนักศึกษาต้าฝู โจวมี่ยิ้มเอ่ยว่า ‘ในเมื่อลัทธิขงจื๊อของพวกเจ้าคุมอำนาจ ทำไมถึงปล่อยอำนาจมอบให้จักรพรรดิในโลกมนุษย์? ในเมื่อรู้จักจิตใจของคนดี เหตุใดเวลาหมื่นปีถึงไม่เคยใส่ใจ? คำว่าเดิมนั้นมนุษย์สันดานดีงามช่างกล่าวได้ดีนัก เป็นลัทธิขงจื๊อของพวกเจ้าที่หาเรื่องใส่ตัวเอง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะถือกระจกส่องมารให้ใต้หล้าไพศาลของพวกเจ้าได้เห็นว่า สรุปแล้วเป็นความซื่อตรงเที่ยงธรรมที่มีอยู่เต็มท้อง หรือเป็นเพราะถูกกระจกส่องมารสาดส่องกันแน่ สันดานดีเลวของมนุษย์ถึงได้เผยรูปลักษณ์เดิมออกมาให้เห็น หากทุกวันนี้แค่ใบถงทวีปแห่งเดียวยังดูไม่พอ ถ้าอย่างนั้นก็เอาอีกสองสามทวีปมาส่องดูอีกหน่อย’”
นี่ไม่ใช่ถ้อยคำยุแยงปลุกปั่นของโจวมี่ ลำพังพูดถึงแค่ฝ่ายในของทักษินาตยทวีปก็มีคนกี่มากน้อยที่ซุบซิบนินทา วิจารณ์ว่าร้ายเฉินฉุนอัน?
สองทวีปถูกข้าศึกยึดครอง มีเพียงทักษินาตยทวีปที่วางตัวอยู่นอกเหนือเรื่องราวได้
ส่วนใบถงทวีปกับฝูเหยาทวีปนั้น หากทุกวันนี้มีหิมะตกลงมาก็ไม่มีคนมาคอยกวาดหิมะให้แล้ว
เฉาผู่หัวเราะ ก่อนหันมาเอ่ยกับหลินจวินปี้ “ใช่แล้ว นับว่ายังพอจะมีข่าวดีอยู่บ้าง อ๋องเจ้าเมืองหนุ่มของต้าหลีที่พื้นที่ศักดินาอยู่ในนครมังกรเฒ่าผู้นั้นปฏิเสธไม่ให้ผู้ฝึกตนของใบถงทวีปขึ้นฝั่ง ไม่เพียงเท่านี้ ซ่งมู่ยังออกคำสั่งว่า ไม่ว่าผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่ขยับเข้ามาใกล้นครมังกรเฒ่าในระยะสิบลี้ ล้วนจะถูกมองเป็นศัตรูของต้าหลีทั้งหมด ผู้ฝึกตนของใบถงทวีปทุกคนไม่เพียงแต่ไม่สามารถเข้าไปในนครมังกรเฒ่าได้ ในความเป็นจริงแล้วล้วนไม่สามารถขึ้นฝั่งเลียบมหาสมุทรจุดใดของแจกันสมบัติทวีปได้เลย หากถูกพบเข้าจะประหารทิ้งทันทีโดยไม่ถามว่าเป็นใครมาจากไหน”
หลินจวินปี้เอ่ยชื่นชม “มิน่าเล่าซิ่วหู่ถึงวางใจให้คนผู้นี้ตรวจตราดูแลเมืองหลวงแห่งที่สอง คอยเฝ้าพิทักษ์นครมังกรเฒ่า”
เฉาผู่เอ่ยต่ออีกว่า “แต่ข่าวร้ายก็คือใจกลางสำคัญของเผ่าปีศาจนั้นอยู่ที่ใบถงทวีป แจกันสมบัติทวีป อุตรกุรุทวีปและธวัลทวีป สี่ทวีปที่เรียงอยู่เส้นเดียวกันมาโดยตลอดนี้ เจ้ารอดูเถอะ ครั้งแรกที่บรรพบุรุษใหญ่ของภูเขาทัวเยว่ลงมือต่อใต้หล้าไพศาลต้องเป็นการลงมือกับแจกันสมบัติทวีปแน่นอน อีกทั้งยังจะต้องเป็นวิธีการใหญ่ที่ใช้มรรคกถาสูงส่งเทียมฟ้าด้วย”
ผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อชำเลืองตามองม่านฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!