ภาคกลางของใบถงทวีป
เดิมทีควรเป็นช่วงเวลาอากาศดีที่ฝนชุ่มฉ่ำพร่างพรมไปร้อยหุบเขา ชำระล้างพื้นดินให้สะอาดแจ่มใส น่าเสียดายที่ยังคงเป็นเหมือนกับปีก่อน ต้นทูนที่ก่อนฝนตกเนื้ออ่อนนุ่มเหมือนผ้าไหมกลับไร้คนมาเก็บ ภูเขาต้นชาจำนวนนับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยสีเขียวขจีสดปลั่งก็ยิ่งเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเปลี่ยวร้าง พืชหญ้าขึ้นรกชัฏ บ้านเรือนของคนมากมายที่ไม่ว่าจะยากดีมีจน กลับไม่ได้กลิ่นของใบชาฤดูใบไม้ผลิก่อนที่ฝนจะตกเลยแม้แต่น้อย
แคว้นเป่ยจิ้นสงบสุขมานานเกินไป เมื่อเทียบกับพื้นที่ของตลอดทั้งแคว้นยังโชคร้ายกลายเป็นสถานที่ที่สำนักการทหารต้องช่วงชิงมาให้ได้ เมื่อก่อนมีทะเลสาบซงเจินแปดร้อยลี้กับจวนเทพภูเขาจินหวงกั้นขวางกองทัพม้าเหล็กชายแดนตระกูลเหยาของราชวงศ์เฉวียนเอาไว้ ก็นับว่ายังปลอดภัยดี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วิปโยค ไม่ว่าจะแผนการสร้างความแยกแตก หรือการอุทิศตัวเพื่อปกครองบ้านเมืองล้วนเป็นเพียงฝุ่นควันที่ลอยผ่านไป ทุกวันนี้แคว้นเป่ยจิ้นไม่ใช่แคว้นอีกแล้ว ขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้มีแต่ซากปรักแตกพังไม่เหลือสภาพดี หนันฉีที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของราชวงศ์ต้าเฉวียนก็ไม่ได้ดีกว่าเป่ยจิ้นสักเท่าไร สุดท้ายเหลือเพียงราชวงศ์ต้าเฉวียนที่ฮ่องเต้ไม่เคยปรากฏตัว ปล่อยให้อ๋องเจ้าเมืองเป็นผู้สำเร็จราชการแทน และฮองเฮาเป็นผู้ว่าราชการหลังม่านที่ยังคงเปิดศึกเข่นฆ่ากับกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจซึ่งมาจากใต้หล้าเปลี่ยวร้าง แต่กระนั้นก็ยังไม่มีโอกาสชนะ ต้องถอยร่นก้าวแล้วก้าวเล่า กองทัพชายแดนตระกูลเหยาแห่งต้าเฉวียนไม่เหลือใครรอดชีวิต
เมืองหลวงเก่าของหนันฉีได้กลายเป็นพื้นที่ตั้งค่ายทัพของกระโจมทัพภูเขาทัวเยว่ไปแล้ว และราชวงศ์ต้าเฉวียนก็สูญเสียดินแดนไปแล้วเกินครึ่ง ทหารชายแดนบาดเจ็บล้มตายกันไปสิ้น กองกำลังประจำเขตต่างๆ จึงได้แต่ถอยมาเฝ้าพิทักษ์เมืองหลวง ว่ากันว่ารอให้ยึดครองเมืองเซิ่นจิ่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งทวีปได้แล้ว กระโจมทัพถึงจะย้ายไปที่อื่น
กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ในอดีตได้ขึ้นบกมาจากทะเลตะวันตกของใบถงทวีป กระโจมทัพสามสิบกว่าแห่งมีเป้าหมายต่างกันไป ทุกฝ่ายทำไปตามลำดับขั้นตอน เป็นฝ่ายไปโจมตีภูเขาตระกูลเซียนที่หยั่งรากลึกทั้งหลาย โดยภาพรวมแล้วเป็นการผลักดันขยับขยายไปตามแนวเส้นสองเส้นคือจากตะวันออกไปตะวันตก และจากใต้ไปเหนือ สำหรับราชวงศ์ แคว้นใต้อาณัติของโลกมนุษย์รายทางที่ต้องผ่านกลับไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก ก็แค่ใช้กระแสน้ำท่วมกลบทับ ทำลายให้เสียหายย่อยยับเท่านั้น ไม่มีการประกาศให้ข้าศึกยอมจำนน ไม่มีการบำรุงปลอบขวัญใดๆ เมืองแตกคนตาย จากนั้นก็ให้ผู้ฝึกตนที่เป็นปีศาจใหญ่ใต้บังคับบัญชาของปีศาจใหญ่ป๋ายอิ๋งบนบัลลังก์กระดูกทำการหล่อหลอมขึ้นเป็นกองทัพกระดูกขาว ใช้คนตายฆ่าคนเป็น สุดท้ายล้วนมีแต่คนตาย
ขุนเขาสายน้ำเก่าของแคว้นเป่ยจิ้น บนทะเลเมฆสีทองผืนใหญ่ที่ส่องแสงระยิบระยับใต้แสงอาทิตย์ส่อง สายรุ้งหกเส้นพลันมาหยุดลอยตัว จากนั้นจึงร่วงดิ่งลงไปยังพื้นดินด้านล่างอย่างว่องไว
ลมแรงบนฟากฟ้าพัดให้ผมตรงจอนหูของคนทั้งหกปลิวไสว เผยให้เห็นใบหน้าของคนหนุ่มสาว ชายหญิงอย่างละสามคน
พอพวกเขาแหวกทะเลเมฆให้ทะลุเป็นรูได้แล้ว การมองเห็นก็พลันเปิดกว้าง
คนหนึ่งในนั้นคือบุรุษชุดดำที่รัดมวยผมด้วยผ้าแพรต่วนสีขาวหิมะ
เมื่อหล่นจากฟ้าลงมายังโลกมนุษย์จึงดูเหมือนเจ๋อเซียนมากที่สุด
เบื้องล่างทะเลเมฆคือมหานครใหญ่โตโอฬารที่ตั้งตระหง่าน ทว่ารอบด้านกลับเต็มไปด้วยความเสียหายย่อยยับ
เป็นที่ตั้งของเมืองแห่งหนึ่ง คือหนึ่งในนครใหญ่ของเป่ยจิ้นที่เหลืออยู่อีกไม่มากซึ่งยังไม่ถูกชำระล้าง น่าจะพอถือว่าเป็นนครเดียวดายของแคว้นได้แล้ว
ค่ายกลใหญ่ขุนเขาสายน้ำของนครแห่งนี้ถึงขั้นมั่นคงกว่าค่ายกลของเมืองหลวงแคว้นเล็กใต้อาณัติหลายแห่ง ว่ากันว่าเพราะในนครมียอดฝีมือนอกโลกที่มาฝึกประสบการณ์ในโลกมนุษย์อยู่สองคน คนหนึ่งคือโอสถทองที่เชี่ยวชาญวิชาค่ายกล อีกคนหนึ่งคือก่อกำเนิดที่ตบะไม่ธรรมดา พวกเขาต้องออกแรงกันไปมากถึงพอจะรักษาเมืองที่ถูกทำลายจนย่อยยับเอาไว้ได้อย่างถูไถ แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุหลัก สาเหตุที่ทำให้นครแห่งนี้โชคดีกลายเป็นดั่งปลาที่หลุดรอดหว่างแหก็เพราะก่อนหน้านี้ปีศาจใหญ่ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่งของกระโจมทัพ ถูกสวินยวนขอบเขตบินทะยานที่รับผิดชอบการโคจรค่ายกลใหญ่ซานหยวนซื่อเซี่ยงลงมือสังหารจากจุดที่ห่างที่แห่งนี้ไปไม่ไกลกะทันหัน เป็นเหตุให้ปีศาจใหญ่บางส่วนรังเกียจว่าสถานที่แห่งนี้อัปมงคลเกินไป จึงไม่ยินดีจะเปิดเผยตัว
หากไม่เป็นเพราะผีตอแยยากสองตัวแห่งสำนักกุยหยกอย่างสวินยวนและเจียงซ่างเจินคอยอาศัยค่ายกลใหญ่แห่งฟ้าดินที่รวบรวมโชคชะตาของแคว้นหนึ่งไว้มาคอยเล่นงานปีศาจใหญ่เซียนเหรินและบินทะยานในกระโจมทัพตลอดหลายปีมานี้ ใบถงทวีปคงพินาศวอดวายเร็วยิ่งกว่านี้ สวินยวนนั้นเป็นเพราะขอบเขตสูง อีกทั้งยังใช้หนึ่งทวีปมาเป็นฟ้าดินขนาดเล็ก ทำให้ปีศาจใหญ่บินทะยานหลายตนค่อนข้างจะกริ่งเกรง ส่วนเจียงซ่างเจินผู้นั้นที่ถึงแม้จะเพิ่งเป็นขอบเขตเซียนเหริน แต่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตกลับอำมหิตเกินไป ทุกครั้งที่ร่วงจากผืนฟ้าลงมายังโลกมนุษย์ก็จะไม่ไปหาเรื่องขอบเขตบินทะยาน ถึงขั้นไม่ยินดีจะเข่นฆ่าเอาชีวิตกับขอบเขตเซียนเหรินมากเกินไปด้วย แต่จะอาศัยฟ้าอำนวย ดินอวยพร คนสามัคคี ใช้ความได้เปรียบที่เทียบได้กับครึ่งขอบเขตมาคอยสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบของเผ่าปีศาจโดยเฉพาะ
ภายใต้คมกระบี่ของเขา ขอบเขตหยกดิบที่เดิมทีสามารถใช้กำลังของตัวเองคนเดียวมาช่วงชิงคุณความชอบในการทำลายครึ่งแคว้น หากไม่ตายก็ต้องขอบเขตถดถอย
ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์สองคนอย่างหย่างจื่อและเฟยเฟย หลังจากที่กลับมาจากน่านมหาสมุทรระหว่างแจกันสมบัติทวีปกับอุตรกุรุทวีปก็ได้ตั้งใจไปตามหาร่องรอยของสวินยวนและเจียงซ่างเจินโดยเฉพาะ
หย่างจื่อยังเคยเปิดฉากเข่นฆ่ากับสวินยวนอย่างสุดกำลังครั้งหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นมาสวินยวนก็ยิ่งอำพรางตัวลึกล้ำกว่าเดิม
มีเพียงเจียงซ่างเจินที่ยังคงคอยทิ่มกระบี่ลงมายังโลกมนุษย์เป็นระยะ เฟยเฟยเคยตามเบาะแสสืบไปหาตัวเขาอยู่หลายครั้ง หมายจะสกัดขวางทางถอยของคนผู้นี้ แต่เจียงซ่างเจินกลับมีเวทอำพรางตานับไม่ถ้วน วิชาหลบหนีก็ยิ่งลึกลับผีไม่รู้เทพไม่เห็น ถึงขั้นไม่อาจสังหารเขาได้
หันกลับมามองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาต้าฝูที่การลงมือในทุกครั้งจะเพื่อปกป้องราชวงศ์โลกมนุษย์และค่ายกลใหญ่ขุนเขาสายน้ำของสำนักศึกษา ชะลอความเร็วในการบุกรุดหน้าของใต้หล้าเปลี่ยวร้างเสียมากกว่า
เมื่อภูเขาไท่ผิงและสำนักฝูจีทยอยกันล่มสลายลง ใบถงทวีปไม่มีค่ายกลใหญ่ซานหยวนซื่อเซี่ยงอยู่อีก ฟ้าอำนวยเกิดการสับเปลี่ยน กลายเป็นสวินยวนกับเจียงซ่างเจินที่ต้องมาอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง โดยเฉพาะสวินยวนขอบเขตบินทะยานที่เมื่อปลายปีก่อนได้ถูกหย่างจื่อและเฟยเฟยร่วมมือกันดักฆ่าหนึ่งครั้ง เล่าลือกันว่าสวินยวนได้หนีออกจากใบถงทวีป เร้นกายเข้าไปในพื้นที่ลับของมหาสมุทรแห่งหนึ่ง จากนั้นก็มี ‘แม่นางน้อยมัดผมแกละ’ ตามเข้าไป
บุรุษชุดดำถือกระบี่ยาว ใช้หนึ่งกระบี่ฟันค่ายกลใหญ่ขุนเขาสายน้ำก่อน แล้วค่อยใช้อีกกระบี่ฟันสมบัติอาคมหลายชิ้นที่พุ่งเข้ามาโจมตี
เทพเกราะทองที่รูปปั้นรับควันธูปอยู่ในศาลบู๊องค์หนึ่งเดินก้าวใหญ่ๆ ข้ามธรณีประตูออกมา ดูเหมือนจะถูกเซียนซือเตือนว่าห้ามออกไปจากศาลเด็ดขาด ทว่าวิญญาณวีรบุรุษที่เคยจงรักภักดีต่อบ้านเมืองผู้นี้กลับยังคงถือดาบวิเศษที่อาบควันธูปมานานหลายร้อยปี เป็นฝ่ายปรากฏตัวมารับศึก เขาทะยานลมขึ้นสู่เบื้องบน แต่กลับถูกบุรุษชุดดำใช้กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตฟันร่างทอง เทพเกราะทองที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยร้าวเส้นเล็กเหมือนใยแมงมุมคำรามอย่างเดือดดาล สองมือยังคงจับดาบ กระทืบเท้าลงบนความว่างเปล่าหนักๆ หนึ่งที เงื้อดาบฟันเข้าใส่เจ้าเดรัจฉานน้อยเซียนกระบี่หนุ่มคนนั้น เพียงแต่ว่ากระบี่บินกลับวาดวงโค้งพุ่งมาถึงอีกครั้ง ร่างทองแตกโพล๊ะอยู่กลางอากาศ นครของโลกมนุษย์จึงคล้ายมีฝนสีทองตกลงมา
ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่เหลืออีกห้าคนทยอยกันพลิ้วกายลงในนคร แม้ว่าค่ายกลใหญ่ที่ปกป้องจะยังไม่ถูกทำลายทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจขัดขวางการบุกเข้ามาอย่างป่าเถื่อนของพวกเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!