หัวกำแพงเมืองฝั่งตรงข้าม เงาร่างของคนทั้งสองพลันหายวับไป
หลีเจินหัวเราะฮ่าๆ “อิ่นกวานตัวดี ในที่สุดก็อดไม่ไหวเรียกท่าไม้ตายออกมาแล้ว พี่หญิงเซอเยว่ประมาทเสียจริง หล่นลงไปในหลุมคิดจะปีนออกมาก็ยากแล้ว”
หลงจวินกล่าว “ตราประทับอาคมห้าอสนีชิ้นนั้นเจ้าเป็นคนมอบออกไป”
หลีเจินยิ้มบางๆ “หากพี่หญิงเซอเยว่คิดจะซักไซ้เอาผิดข้า ก็ต้องมีชีวิตเดินออกมาให้ได้เสียก่อน”
หลงจวินเอ่ย “เดิมทีก็เป็นการออกจากบ่อมองฟ้าแล้วค่อยอยู่บนฟ้า แต่นี่กลับคิดอยากจะกลับไปเป็นกบใต้บ่ออยู่เหมือนเดิม กวนจ้าวสมกับเป็นสหายรักของเฉินชิงตูจริงๆ โง่เง่าพอกัน”
หลีเจินพลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่เหลืออารมณ์จะต่อปากต่อคำกับหลงจวินแก้เบื่ออีก
หลงจวินก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติก่อนหน้าหลีเจิน
หลีเจินพลันถูกปราณกระบี่กระแทกให้หล่นลงบนหัวกำแพงเมืองในชั่วพริบตา
หลีเจินตะลึงลานทำอะไรไม่ถูกก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เอาสองมือกุมหัว ปล่อยให้ร่างลอยลิ่วลงสู่พื้น เขาหัวเราะร่าพลางเอ่ยว่า “หลงจวินออกกระบี่ช่วยคน ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากใหญ่เทียมฟ้าจริงๆ!”
หลงจวินยื่นมือออกไปกำกระบี่ ร่างกายธรรมพลันปรากฏ ฟ้าดินเกิดเหตุการณ์ประหลาด ปราณกระบี่ม้วนตลบ ทะเลเมฆพันลี้ปริแตกย่อยยับ ปราณกระบี่ทั่วร่างของหลงจวินกับปณิธานกระบี่เก่าแก่มากมายเหมือนกำลังประชันขันแข่งกันบนมหามรรคา
หลีเจินไม่เพียงแต่ไม่กล้าปล่อยให้ร่างร่วงลงพื้นอย่างส่งเดชจนหน้าคลุกดิน ยังรีบเรียกสมบัติหนักคุ้มกันกายชิ้นหนึ่งออกมาพยายามต้านทานปณิธานปราณกระบี่ที่ไม่ยอมรับลูกศิษย์ผู้สืบทอดของภูเขาทัวเยว่เหล่านั้นด้วย พวกตัวอ่อนเซียนกระบี่บนภูเขาทัวเยว่ที่ยังเหลืออยู่เนื่องจากคุณสมบัติและโชควาสนาล้วนด้อยกว่าคนอื่นระดับหนึ่งก็ยิ่งยากจะต้านทาน แต่ละคนเรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตออกมาปกป้องร่างกายตัวเองเอาไว้
หลงจวินใช้กระบี่ฟาดฟันเข้าหาหัวกำแพงเมืองฝั่งตรงข้ามเต็มแรง ไม่คิดจะออมแรงเอาไว้อีกต่อไป
ไม่อย่างนั้นเซอเยว่จะต้องได้รับความเสียหายบนมหามรรคาอย่างใหญ่หลวง อันที่จริงหลงจวินไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะนางเป็นคนรนหาที่เอง แต่หลงจวินจะไม่มีทางยอมให้เฉินผิงอันได้ผลประโยชน์บนมหามรรคาไปเด็ดขาด!
ก่อนหน้านี้ยอมปล่อยให้เซอเยว่ไปที่หัวกำแพงเมือง ทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยกันก็ดี ถามมรรคาสังหารกันเองก็ช่าง เดิมทีก็เป็นข้าวหัวขาด (อาหารมื้อสุดท้ายที่นักโทษได้กินก่อนถูกประหาร) มื้อหนึ่งที่หลงจวินทำทานให้แก่สุนัขไร้บ้านตัวหนึ่งเท่านั้น
หลังจากเฉินผิงอันปล่อยกระบี่หนึ่งออกไปในใจ
ดวงจันทร์ในหัวใจก็ปริร้าวแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เรือนกายของเซอเยว่ล่องลอยอยู่ในกรงขังฟ้าดิน แม้ว่าจะไม่ใช่เซอเยว่ทั้งหมด แต่นางก็ยังตกเป็นนกในกรงอยู่ดี
อีกหนึ่งกระบี่
กระบี่ของร่างจริงเฉินผิงอันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องหลังร่วงลงพร้อมกัน
ฟ้าดินร่วมผสานกับหนึ่งกระบี่
ฟันร่างจริงส่วนหนึ่งของเซอเยว่ที่เรือนกายหลอมรวมขึ้นเป็นแสงจันทร์เล็กจ้อยจุดหนึ่งออกก่อน จากนั้นค่อยบดขยี้เป็นผุยผง ขยี้แล้วขยี้อีก
ดวงจันทร์เต็มดวงในฟ้าดินแตกสลายแล้วกลับมาเต็มอีกครั้ง แสงจันทร์ที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งแหลกสลายเป็นเถ้าธุลีครั้งแล้วครั้งเล่า หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงไปคือร่างจริงของเซอเยว่ ยิ่งเป็นมรรคกถาของเซอเยว่
เฉินผิงอันแหงนหน้าขึ้นมองแล้วหลุดหัวเราะพรืด
กระบี่ที่ผู้อาวุโสหลงจวินลงแรงอย่างเต็มกำลัง ดูเหมือนว่าก็ไม่ถือว่าเร็วสักเท่าไรเลยนะ
บนหัวกำแพงเมืองอีกครึ่งหนึ่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ฟ้าดินกลับคืนมาสว่างชัดเจนอีกครั้ง
หลงจวินยื่นมือไปคว้าปราณกระบี่วุ่นวายและเศษเสี้ยวแสงจันทร์แล้วจับกุมเอาไว้
แม่นางหน้ากลมที่ใบหน้าซีดขาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกายหลงจวิน เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เซอเยว่ขอบคุณผู้อาวุโสหลงจวิน”
หลงจวินมองภาพบรรยากาศบนร่างของเซอเยว่แวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ยังดี โชคดีที่ไม่เสียหายไปถึงรากฐานมหามรรคามากนัก สามารถอาศัยโอกาสนี้เปลี่ยนนิสัย ตั้งใจฝึกตนได้พอดี ไปมานะฝึกตนอยู่ที่ใต้หล้าไพศาลสักพักหนึ่งก็น่าจะชดเชยกลับมาได้แล้ว”
เซอเยว่พยักหน้ารับเงียบๆ
เรือนกายสีแดงสดสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม มองมายังเซอเยว่แล้วหัวเราะคิกคักเอ่ยว่า “ไม่ทันระวัง ไม่ได้กะน้ำหนักให้ดี แม่นางเซอเยว่โปรดอภัยให้ด้วย”
ในใจเซอเยว่มีข้อสงสัยอย่างหนึ่งที่ถูกนางเก็บซ่อนเอาไว้ ไม่ได้เปิดปากเอ่ยออกมา มหามรรคาที่ได้รับความเสียหายในเวลานี้ไม่ได้เบาสบายนัก หากไม่เป็นเพราะร่างจริงของนางเปี่ยมไปด้วยความมหัศจรรย์ ได้รับเงื่อนไขที่ดีพร้อมอย่างที่หลีเจินกล่าวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวทั่วไปก็คงเจ็บปวดจนลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นแล้ว ส่วนพวกผู้ฝึกตนทั้งหลายก็ยิ่งหวาดผวาอยู่ในใจไม่คลาย อนาคตบนมหามรรคาเลือนรางลงนับแต่นี้
หลีเจินไปห้อยตัวอยู่บนหัวกำแพงจุดที่ห่างจากหลงจวิน เซอเยว่ไปค่อนข้างไกล เขายื่นหัวมองไปยังฝั่งตรงข้าม เห็นเพียงว่าใต้เท้าอิ่นกวานผู้นั้นยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น กลางฝ่ามือมีดวงจันทร์ขนาดจิ๋วดวงหนึ่งของฟ้าดินที่กลั่นเอาแก่นที่ยอดเยี่ยมบริสุทธิ์ที่สุดมาไว้
ไม่แน่ว่าเมื่อเทียบกับดวงจันทร์ของเฉินฉุนอันผู้รอบรู้แล้ว ยังพอจะสามารถทัดเทียมในระดับความบริสุทธิ์ด้วยได้
เฉินผิงอันสั่นฝ่ามือน้อยๆ ดวงจันทร์ก็โยกคลอนขึ้นลงตามไปด้วยคล้ายว่ามีภูเขาลูกหนึ่งอยู่บนเส้นลายมือของฝ่ามือ
ใช้สิ่งนี้มาชดเชยความเสียหายจากการที่หนึ่งกระบี่ทำลายดวงจันทร์ในใจให้ปริแตกไป แค่คำว่ามากพอเหลือแหล่จะใช้บรรยายพอได้อย่างไร
เซอเยว่เอ่ย “การต่อสู้ในวันนี้ ย่อมต้องเอาคืนแน่”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “มีเวลาว่างก็มาใหม่นะ ยินดีต้อนรับสุดๆ ไปเลย”
เฉินผิงอันขยับสายตามองไปทางหลีเจินที่ทำลับๆ ล่อๆ อยู่ไกลๆ แล้วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ดูของขวัญมาเยี่ยมเยือนของแม่นางเซอเยว่ แล้วก็ลองหันไปดูความขี้เหนียวของเจ้าสิ หากเปลี่ยนมาเป็นข้า ป่านนี้แม่งคงเอาหัวโหม่งกำแพงให้ตัวเองตายสิ้นเรื่องสิ้นราวไปนานแล้ว”
หลีเจินใช้สองมือยันไว้บนหัวกำแพงเมือง เรือนกายแนบติดกำแพง โผล่ออกมาแต่หัว ทำหน้าตาน่าสงสารไม่พูดไม่จา
ขนาดเซอเยว่ยังมีจุดจบน่าอเนจอนาถเช่นนี้ ตนหลบเลี่ยงใต้เท้าอิ่นกวานไว้หน่อยน่าจะดีกว่า
ต้องรู้ว่าบนบันทึกลับของกระโจมเจี่ยจื่อ เซอเยว่คือผู้ฝึกตน ผู้บรรลุมรรคาที่ต่อให้ต่อสู้ไม่ได้ก็สามารถหนีเอาชีวิตรอดเก่งที่สุด แล้วนับประสาอะไรกับที่เซอเยว่ยังได้รับการขนานนามให้เป็นคลังยุทโธปกรณ์ของใต้หล้า วิธีการเวทคาถาของนางมีมากมายหลากหลาย ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างคนขอบเขตเดียวกัน นางจึงได้เปรียบอย่างถึงที่สุด
แต่การที่เซอเยว่เสียเปรียบในครั้งนี้ สืบสาวราวเรื่องกันแล้วยังคงเป็นเพราะนางไม่ควรไม่เอาเรือนกายทั้งหมดมาที่หัวกำแพงเมืองแห่งนี้
หลีเจินถอนหายใจเฮือกใหญ่ การค้าในวันนี้ของใต้เท้าอิ่นกวานไม่ขาดทุนอีกแล้ว ซ้ำยังได้กำไรก้อนใหญ่ ไม่เข้าท่าเลย ช่างทำให้คนเสียใจยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!