กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 717

อวี้เจวี้ยนฟูเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเผยเฉียน มองเด็กน่าสงสารที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกแล้วพูดกับเผยเฉียนว่า “หมัดนั้น ขอบคุณมาก”

เผยเฉียนเค้นรอยยิ้มส่งไปให้พร้อมส่ายหน้าเบาๆ

หมัดก่อนหน้านี้ของนางที่ช่วยอวี้เจวี้ยนฟูซึ่งอยู่ไกลบนสนามรบเรียนรู้มาจากสายของผู้อาวุโสเพ่ยแห่งศาลเหลยกง ดังนั้นเผยเฉียนจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรให้ต้องขอบคุณ หากอาจารย์พ่อรู้เข้า จะทำร้ายให้ตนต้องกินมะเหงกเปล่าๆ หนึ่งลูกหรือไร?

บุรุษหนุ่มที่สวมชุดขาวสะดุดตาอย่างถึงที่สุดยืนอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่งเพียงลำพัง

บนเส้นทางการฝึกตน ใต้หล้ามืดสลัวมีเต๋าเหล่าเอ้อที่ถูกขนานนามให้เป็นผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริงในหลายๆ ใต้หล้า

บนเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ คนผู้นี้ก็มีมาดของคนที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงอยู่หลายส่วน

เพราะถึงอย่างไรเบื้องหน้าเขาก็ยังมีอาจารย์ที่เป็นเทพีแห่งการต่อสู้รอคอยเขาอยู่

เฉาสือไม่เพียงแต่ออกหมัดสังหารศัตรู ยังสามารถออกหมัดช่วยคนได้อีกด้วย

ส่วนเผยเฉียนนั้นอย่างมากสุดก็ได้แค่แบ่งสมาธิไปคอยระวังความปลอดภัยให้กับพี่หญิงไจ้ซี นี่ยังเป็นเพราะว่าอวี้เจวี้ยนฟูรบเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่ไม่ห่างจากนางด้วย

ทว่าเฉาสือผู้นั้น สองหมัดกลับสามารถดูแลสนามรบที่ห่างไปไกลอย่างถึงที่สุดได้

ไม่เสียแรงที่เป็นดาวพิฆาตเพียงหนึ่งเดียวบนเส้นทางวรยุทธของอาจารย์พ่อ

อาจารย์พ่อหาคู่ต่อสู้ กับอาจารย์พ่อทำอะไร ล้วนเหมือนกันหมด นั่นคือล้วนเก่งกาจยอดเยี่ยมเสมอมา

เพียงแต่ว่าลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาที่หามาได้ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเอาออกมาเป็นหน้าเป็นตาได้สักเท่าไร

เผยเฉียนพูดกับเด็กคนนั้น “ลุกขึ้นมา ตอนที่สมควรแกล้งตายค่อยแกล้งตาย ตอนที่สมควรลุกขึ้นยืนก็ต้องลุกขึ้นยืน ลุกขึ้นแล้วค่อยก้มหน้า แบบนี้ถึงจะมีชีวิตอยู่ไปได้ยาวนาน หากยังอยู่ที่นี่ต่อ ตายก็คือตายจริงๆ แล้ว”

อันที่จริงเผยเฉียนสังเกตเห็นเด็กประหลาดคนนี้มานานแล้ว เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาสนใจ

เด็กคนนี้ คือเผ่าปีศาจ

แต่อยู่บนสนามรบ ‘เด็กชาย’ ที่มีชาติกำเนิดจากเกราะทองทวีปกลับยอมตายเพื่อปกป้องคนผู้หนึ่ง น่าเสียดายก็แต่คนที่เด็กชายยอมทุ่มชีวิตปกป้องนั้นตายอย่างไม่เหลือซากศพไปนานแล้ว ส่วนเด็กชายที่เพิ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ไม่นานเท่าไร เพียงแค่ถูกเวทคาถาสายหนึ่งพุ่งมาโดน ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยการที่สะพานแห่งความเป็นอมตะขาดสะบั้น ดังนั้นก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาแกล้งตาย แต่เป็นเพราะหมดสติไปจริงๆ รอจนกระทั่งฟื้นคืนสติถึงได้เริ่มแกล้งตาย

สุดท้ายเด็กชายก็ลุกขึ้นยืน เดินขากะเผลกติดตามมาด้านหลังเผยเฉียนเงียบๆ

เผยเฉียนเดินเร็ว เขาก็เดินเร็ว เผยเฉียนเดินช้า เขาก็เดินช้า

อวี้เจวี้ยนฟูไม่ได้ปิดบังอำพราง นางพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เผยเฉียน ขอข้าปากมากพูดสักคำ วันหน้าหากเจ้าต้องออกหมัดแล้วยังต้องดูแลเด็กคนหนึ่งให้ดีด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ”

อวี้เจวี้ยนฟูไม่ได้เกิดยอกแสลงใจเพียงเพราะเด็กคนนี้มีชาติกำเนิดจากเผ่าปีศาจ

เผยเฉียนพยักหน้ารับ “ยากมาก”

นางหันหน้ามามองเด็กชายที่หยุดเดินในเสี้ยววินาที

ดูเหมือนว่าพอคนผู้นั้นตายไป กลิ่นอายของสัตว์ป่าดุร้ายบนร่างของเด็กชายก็เริ่มมารวมตัวกันอีกครั้ง ทำให้เปลี่ยนไปเป็นภูตแห่งขุนเขาที่ยังฝึกตนได้ไม่นาน จึงไม่ค่อยเชี่ยวชาญการอำพรางรูปโฉมเดิมของเผ่าปีศาจสักเท่าไร

เศร้าเสียใจลึกล้ำจนจิตใจตายด้าน

เผยเฉียนหยุดเดิน หันหน้าไปมองเด็กคนนั้น ถามด้วยภาษากลางของเกราะทองทวีป “ต้องการเรียนวิชาหมัดจากข้าหรือไม่?”

เด็กคนนั้นนิ่งเฉยไม่สะท้านสะเทือน เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

อวี้เจวี้ยนฟูขมวดคิ้ว เพราะนางมองเห็นความเกลียดแค้นที่สลักลึกลงกระดูกจากสายตาของเด็กคนนั้น เป็นความเกลียดแค้นที่มีให้ทั้งกับตนและกับเผยเฉียน ดูเหมือนว่ากับใต้หล้าทั้งใบและวิถีทางโลกก็ล้วนเป็นเช่นนี้

ไม่มีเหตุผล ทว่าเรื่องจริงกลับเป็นเช่นนี้

เด็กคนนั้นมองประสานสายตากับเผยเฉียน ในที่สุดเขาก็ยินดีเปิดปากพูด เขายื่นมือออกมาข้างหนึ่ง น้ำเสียงแหบพร่าฟังอู้อี้ไม่ชัดเจน คล้ายกับว่าถูกทำร้ายไปถึงรากฐานมหามรรคาเป็นเหตุให้แม้แต่การพูดจาก็ยังเป็นเรื่องยาก

เป็นนานกว่าอวี้เจวี้ยนฟูจะฟังได้ชัดเจน เด็กคนนั้นพูดว่า ‘เอาเงินให้ข้ายืม ข้าจะจากไป เงินซื้อชีวิต วันหน้าจะใช้คืนให้’

เผยเฉียนเอ่ย “เรียนวิชาหมัดสามารถหาเงินได้”

เด็กคนนั้นสีหน้าไร้อารมณ์ ก้มหน้าลง

อวี้เจวี้ยนฟูรู้สึกจนใจเล็กน้อย เผยเฉียนกับเด็กคนนี้ นี่มันอะไรกับอะไรกันนะ

……

ตำหนักพยัคฆ์เขียวยอดเขาเทียนแจว๋ใบถงทวีป ลู่ยงก่อกำเนิดผู้เฒ่ามีใจคิดว่าต้องตายแน่แล้ว เขาไปหาแม่ทัพบู๊ผู้นำของผู้ฝึกตนติดตามกองทัพ บอกว่าต้องการทำการค้าครั้งหนึ่งกับราชวงศ์ต้าหลีตามกฎบนภูเขาที่ราชครูเป็นผู้กำหนด

แม่ทัพบู๊ที่เรือนกายแข็งแกร่งบึกบึนพยักหน้ารับ บอกว่าสามารถปรึกษากันได้ จากนั้นก็เรียกเลขาธิการฝ่ายบุ๋นของต้าหลีมาทันทีสองคน เพื่อมาปรึกษารายละเอียดกับก่อกำเนิดเฒ่าจากต่างถิ่นผู้นี้ ตอนที่มาพวกเขายังพกบันทึกลับมาด้วยหนึ่งเล่ม เรื่องที่บันทึกเอาไว้ก็คือข้อมูลอย่างละเอียดของตำหนักพยัคฆ์เขียวและลู่ยงแห่งใบถงทวีป เลขาธิการฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งจึงเสนอแนะกับแม่ทัพบู๊ว่า ลู่ยงไม่ต้องไปสนามรบเพื่อสังหารปีศาจแลกคุณความชอบทางการสู้รบ แค่หลอมโอสถก็พอแล้ว คุณความชอบที่ได้มีแต่จะใหญ่ยิ่งกว่า แม่ทัพบู๊คนนั้นขมวดคิ้ว ถามขุนนางบุ๋นคนนั้นอย่างตรงไปตรงมาว่า การหลอมยาสามารถนำมาคิดเป็นคุณความชอบทางการสู้รบ สรุปแล้วคิดคำนวณอย่างไร ลู่ยงผู้นี้วางชีวิตมาปรึกษาเรื่องนี้กับพวกเรา รบกวนช่วยพูดให้ละเอียดสักหน่อย เลขาธิการฝ่ายบุ๋นจึงปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างอย่างละเอียด จากนั้นก็ป่าวประกาศวิธีการที่ถูกต้องชัดเจนตามระเบียบที่ต้าหลีกำหนดไว้ต่อหน้าแม่ทัพบู๊และลู่ยงอย่างตรงไปตรงมา

ขุนนางบุ๋นคนนี้พูดจารัวเร็ว ถ้อยคำที่ใช้กระชับแม่นยำ ไม่มีจุดใดที่เลอะเลือนแม้แต่น้อย

ยกตัวอย่างเช่นวัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้าดินทั้งหมดที่จำเป็นต่อการหลอมโอสถล้วนไม่ต้องให้ลู่ยงและตำหนักพยัคฆ์เขียวเป็นผู้ออก เพียงแต่ว่าไม่อาจคิดค่าแรงจากต้าหลีได้

ยกตัวอย่างเช่นวิชาการหลอมโอสถสองสามชนิดของตำหนักพยัคฆ์เขียว หากสามารถให้ผลลัพธ์ที่เห็นผลทันตาต่อผู้ฝึกตนและผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ถ้าอย่างนั้นขอแค่ลู่ยงยินดีเปิดเผยแก่ต้าหลีก็สามารถถือเป็นคุณความชอบที่น่าดูชมอย่างหนึ่งได้

แม่ทัพบู๊เพียงแค่สอดปากเอ่ยประโยคเดียว เจ้าลู่ยงวางใจได้เลย หากไม่ยินดีมอบตำรับหลอมโอสถเซียนที่สืบทอดกันอย่างลับๆ ต้าหลีย่อมไม่มีทางสร้างความลำบากใจให้กับตำหนักพยัคฆ์เขียวด้วยเหตุนี้อย่างแน่นอน ยิ่งไม่มีทางคิดบัญชีกับเจ้าภายหลัง

ลู่ยงปิติยินดีอย่างยิ่งยวด ฝืนข่มกลั้นความตื่นเต้นในใจเอาไว้แล้วตอบตกลงไปทีละข้อ

ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แม้แต่เรื่องที่ว่าผู้ฝึกตนหลอมโอสถทุกคนของตำหนักพยัคฆ์เขียวและลู่ยงควรไปอยู่ที่ใด ไปอย่างไร ราคาของโอสถแต่ละชนิดควรจะหักเป็นคุณความชอบทางการสู้รบอย่างละเอียดอย่างไร คนที่ประสานงานซึ่งมาพักอยู่ชั่วคราวคือใคร เลขาธิการฝ่ายบุ๋นสองคนนั้นล้วนบอกแก่ลู่ยงอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

คุยธุระเสร็จ ขุนนางบุ๋นสองคนที่ต่างก็อายุไม่มากพากันจากไปอย่างรวดเร็ว

แม่ทัพบู๊เพียงแค่กุมหมัดให้ ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำเกรงใจมีมารยาทอะไรกับพวกเขา

ลู่ยงทอดถอนใจอยู่ในใจ

ที่แท้กองทัพชายแดนต้าหลีไปมารวดเร็วดุจสายฟ้าแลบก็ไม่ได้มีแค่บนสนามรบเท่านั้น

แม่ทัพบู๊ต้าหลีที่รับผิดชอบคอยจับตามองผู้ฝึกตนต่างถิ่นอยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่สวมเสื้อเกราะติดดาบตรวจตราพันธนาการของขุนเขาสายน้ำ บางครั้งที่มองพวกเทพเซียนที่คล้ายถูกล้อมคอกเลี้ยงเอาไว้ สายตาของบุรุษล้วนเต็มไปด้วยความเย็นชา

การที่เขายอมพูดคุยเรื่องการค้ากับก่อกำเนิดผู้เฒ่าจากใบถงทวีปที่เชี่ยวชาญการหลอมยาผู้นี้ เป็นเพราะหน้าที่ของกองทัพชายแดนต้าหลีที่ต้องทำเท่านั้น

กองทัพชายแดนต้าหลีมีกฎรุนแรงที่สุด ไม่ปล่อยให้ใครเพิกเฉยได้ กฎระเบียบน้อยใหญ่เหล่านั้นล้วนสลักลึกลงไปในกระดูกของเหล่าผู้ฝึกยุทธแล้ว

กองทัพม้าเหล็กต้าหลีกับผู้ฝึกตนติดตามกองทัพไม่มีการแบ่งบนภูเขาล่างภูเขาอะไร ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธทุกคน

แต่ในเมื่อตอนนี้คุยเรื่องการค้ากันจบแล้วก็ไม่มีเรื่องให้ต้องกริ่งเกรงอะไรมากนัก ก่อนที่ชายฉกรรจ์จะจากไปพลันคลี่ยิ้ม กุมหมัดเอ่ยเสียงทุ้มหนักกับผู้ฝึกตนเฒ่า “แค่อาศัยการที่เจินเหรินผู้เฒ่ายอมพาตัวมาตายอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ข้ากับสหายร่วมรบทั้งหลายล้วนจดจำตำหนักพยัคฆ์เขียวแห่งยอดเขาเทียนแจว๋เอาไว้แล้ว นักสู้บนสนามรบจะจำได้หรือไม่ได้ แน่นอนว่ามิอาจนับเป็นอะไรได้ เพียงแค่อยากบอกความในใจให้เจินเหรินผู้เฒ่าฟังเท่านั้น”

ชายฉกรรจ์ก้าวยาวๆ จากไป เสียงเกราะเหล็กกระทบกันดังเคร้งคร้าง ทิ้งไว้เพียงเงาแผ่นหลังให้กับผู้เฒ่า

ลู่ยงอดไม่ไหวหันไปกุมหมัดคารวะแผ่นหลังของแม่ทัพบู๊คนนั้น ก่อนจะลดมือลงอย่างขัดเขิน หมุนตัวก้าวเท้าเร็วๆ เดินจากไป เขายังมีงานให้ต้องทำ!

บนสนามรบของนครมังกรเฒ่าที่ห่างไปไกล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!