บางครั้งความรู้สึกของสตรีก็ไม่มีเหตุผลให้อธิบายจริงๆ
อารมณ์ดี ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ดีไปหมด อารมณ์ไม่ดี ทุกเรื่องล้วนไม่ดี
ฝ่ายหลังมักมาเยือนอย่างกะทันหัน ทำให้บุรุษรับมือไม่ทันอยู่เสมอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปฟังแล้วว่านางพูดอะไร ต่อให้จะเป็นคำบ่นงึมงำอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็ดี คำพูดด้วยความเดือดดาลที่ไม่รู้ว่าเหตุผลอยู่ตรงไหนก็ช่าง ไม่ต้องร้อนใจทำให้ตัวเองเสียกระบวนไปเอง ให้คิดเสียว่าเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ไม่อาจตอบโต้ได้ แค่รับฟังไปก็พอ หากหงุดหงิดเพราะเรื่องนี้ หรือหากพยายามใช้เหตุผลไปอธิบาย ยังจะเป็นอย่างไรได้อีก จบเห่ก็เท่านั้น ต่อให้ไม่พูดอะไรก็ต้องรับฟัง แล้วยังต้องฟังนางอย่างตั้งใจด้วย
บุรุษยินดีจะทำเช่นนี้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วนั่นต่างหากถึงจะเป็นปมในใจที่แท้จริงของสตรี
เพียงแต่ว่าจูเหลี่ยนเป็นใคร เพียงไม่นานเพ่ยเซียงก็ยิ้มออก
เฉินยวนจีหยุดฝีเท้าเก็บหมัดอยู่ตรงกึ่งกลางภูเขา มองเห็นภาพอันอ่อนโยนตรงบันไดของยอดเขาก็ยิ่งรู้สึกนับถือในตัวอาจารย์ผู้เฒ่าจู เพิ่งจะกลับมายังบ้านเกิดก็ดูแลรับรองแขกแทนภูเขาลั่วพั่วแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นเจ้าขุนเขาหนุ่มที่อยู่ข้างกายสตรีผู้นั้น คาดว่าเฉินยวนจีคงต้องกังวลถึงสภาพการณ์ของพี่หญิงเพ่ยเซียงแล้ว
หากเป็นเจ้าขุนเขาแล้วจะเป็นอย่างไร? สายตาล่อกแล่กหลุกหลิก แล้วยังชอบดื่มเหล้าเมาออกมาเดินเตร่ยามค่ำคืน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สนใจจะดูแล เอาแต่ออกท่องเที่ยวไปไกลเพียงลำพัง ทำให้อาจารย์ผู้เฒ่าจูต้องเหน็ดเหนื่อยกว่าปกติ
ส่วนนางเฉินยวนจีมุมานะตั้งใจฝึกวิชาหมัดทุกวัน ไม่ว่าใครก็หาข้อตำหนิไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่ไม่แน่ว่าคราวหน้าที่เดินสวนไหล่กัน ความต่างด้านวิชาหมัดของสองฝ่ายอาจถูกนางย่นระยะห่างให้ขยับเข้ามาใกล้กันได้อีกเยอะก็เป็นได้
เมืองเล็กที่ม่านราตรีหนาหนัก ร้านยาตระกูลหยาง
สหายฉางมิ่งออกจากตรอกฉีหลงมาเยือนที่แห่งนี้ในยามค่ำคืน นางเคาะประตูเบาๆ
ซูเตี้ยนและสือหลิงซานไปขัดเกลาวิถีวรยุทธที่สนามรบโบราณแห่งหนึ่ง ทุกวันนี้ต่างก็พากันกลับมาแล้ว และมาทำหน้าที่เป็นลูกจ้างร้านที่ไม่สะดุดตากันต่อไป เพียงแต่ว่าสือหลิงซานพักอาศัยในตรอกเถาเย่ มีเพียงศิษย์พี่หญิงซูเตี้ยนที่พักอยู่ในร้าน
ซูเตี้ยนได้รับคำสั่งจากอาจารย์จึงเปิดประตูให้สตรีผู้นั้น
ฉางมิ่งไปยังเรือนด้านหลัง
ส่วนซูเตี้ยนไปหยิบมานั่งมานั่งลงที่หน้าประตู
เรือนด้านหลัง ฉางมิ่งยอบกายคารวะผู้เฒ่า
เพราะยึดหลักมารยาทของผู้เยาว์ นางถึงขั้นไม่ได้นั่งลงด้วยซ้ำ
นางถามว่าร้านแห่งนี้ต้องการเงินเหรียญทองแดงแก่นทองหรือไม่
เพราะถึงอย่างไรทุกวันนี้สงครามก็กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด นอกจากสนามรบหลักของนครมังกรเฒ่าแล้ว เส้นแนวรบเลียบมหาสมุทรทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกสองเส้น แม้จะไม่รุนแรงหนักหน่วงเท่ากับนครมังกรเฒ่า ทว่าควันดินปืนกลับผุดพุ่งไกลหมื่นลี้
หยางเหล่าโถวส่ายหน้า “น้ำใจรับไว้แล้ว ทรัพย์สมบัติน้อยนิดแค่นั้น เจ้าเองก็สะสมไว้อย่างยากลำบาก เก็บเอาไว้เถอะ”
การที่ยินดีพูดคุยกับนางมากหน่อย นอกจากเพราะนางมีความจริงใจแล้ว ยังมีสาเหตุจากเรื่องที่นางเกี่ยวข้องกับวิถีแห่งเทพด้วย
ฉางมิ่งบอกลาเตรียมจะขอตัวจากไป
ทว่าจู่ๆ ผู้เฒ่าก็ถามขึ้นมาว่า “สือโหรวในร้านยาสุ้ยผู้นั้น บนร่างมีเส้นสายที่แฝงตัวอยู่ เจ้าคงมองออกแล้วกระมัง?”
ฉางมิ่งส่ายหน้า “ไม่เคยมองออก”
หยางเหล่าโถวเปลี่ยนกระบอกยาสูบอันใหม่ ก่อนจะบรรจุยาสูบลงไปก็เคาะกระบอกกับขั้นบันไดเบาๆ ก่อน “อาณาเขตสู่โบราณ มีเรื่องราวของผู้คนที่อัศจรรย์พันลึกมากมาย การสืบทอดบนร่างของสือโหรวเป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น แรกเริ่มยังเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่พอทิ้งเอาไว้นานเข้ากลับเหมือนหิดที่ผุดขึ้นมาหลังน้ำลด”
ฉางมิ่งมีความสนใจต่อแจกันสมบัติทวีปอย่างมาก บนภูเขาลั่วพั่วเองก็มีตำราเก็บสะสมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ นางมักจะไปเปิดอ่านบ่อยๆ จึงเคยเจอหนังสือที่กล่าวถึงแปดร้อยเซียนของสู่โบราณอยู่เล่มหนึ่ง
ผู้เฒ่าเปิดเผยความลับสวรรค์ต่ออีกครั้ง “นางมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าลัทธิสามของป๋ายอวี้จิง เส้นใยเชื่อมโยงถึงกัน ส่วนเมื่อไหร่ถึงจะขยับดอกบัวดึงมาพร้อมราก ก็ต้องดูที่อารมณ์ของอีกฝ่าย ดูว่าในอนาคตจะกลับคืนไปยังบ้านเกิดที่แท้จริงเพื่อพบศิษย์พี่ของเขาหรือไม่”
ฉางมิ่งเพียงแค่รับฟังแล้วจดจำไว้ในใจเงียบๆ
อยู่ดีๆ หยางเหล่าโถวก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า “แมวป่าเดินผ่านตอนกลางคืนทิ้งกลิ่นคาวไปทั่วทุกที่”
‘สหายยามเยาว์วัย’ ของหม่าขู่เสวียนตัวนั้น แน่นอนว่าประวัติความเป็นมาต้องใหญ่กว่าแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งเมล็ดพันธ์เต๋าน้อยนิดของสือโหรวอยู่มาก
หยางเหล่าโถวชี้ไปที่ม้านั่งยาวเบื้องใต้ชายคาฝั่งตรงข้าม “นั่งเถอะ คุยเล่นกันสักสองสามประโยค”
ฉางมิ่งนั่งลงตามคำสั่ง
หยางเหล่าโถวเงียบไปนาน กว่าจะเอ่ยเนิบช้าว่า “เป็นแค่สถานที่ใหญ่เท่าฝ่ามือ ใต้หล้านี้ไม่มีสถานที่ใดที่สามารถทำให้คนต่างถิ่นตกใจกลัวได้เท่าที่นี่อีกแล้ว”
หกสิบปีที่ผ่านมา
ชุยฉาน ฉีจิ้งชุน ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่กลับกลายเป็นศัตรูให้คนใต้หล้าดูคู่นี้ ชุยฉานทำตัวนอกรีตนอกรอยเป็นความจริง แต่เรื่องหลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชนนั้นก็ช่างเถิด
ซิ่วไฉเฒ่าเหวินเซิ่ง จวินเชี่ยนหลิวสือลิ่ว บวกกับเฉินผิงอัน ถ้าอย่างนั้นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสายเหวินเซิ่งก็ขาดแค่จั่วโย่วคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยมาปรากฏตัวที่นี่
ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจที่สุดในโลกมนุษย์ ป๋ายเหย่
ลู่เฉินเจ้าลัทธิสามแห่งป๋ายอวี้จิงเคยมาตั้งแผงดูดวงที่นี่ แล้วก็มีโจวจื่อแห่งสำนักหยินหยางที่เคยมาวางแผงขายถังหูลู่ที่นี่
เทียนจวินเซี่ยสือ
หร่วนฉง หร่วนซิ่ว หลี่เอ้อ หลี่หลิ่ว บิดากับบุตรสาวสองคู่
เฉาซี เฉาจวิ้น ปู่หลานคู่หนึ่งของตรอกหนีผิง
‘นักพรตตาบอดเจี่ยเฉิง’ เจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว ก็คืออาจารย์และศิษย์อีกคู่
หลี่ซีเซิ่งหนึ่งในร่างแยกของเต๋าเหล่าต้า
ซ่งจ่างจิ้งที่เป็นมังกรขาวสวมชุดปลา (เปรียบเปรยว่าผู้สูงศักดิ์ที่ปลอมตัวออกมาด้านนอก/คนที่ปลอมตัวปิดบังสถานะที่แท้จริง) ในอดีต
สวี่รั่วแห่งสำนักโม่
อาเหลียงที่ขาดอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะได้เดินเข้ามาในเมืองเล็ก
จื้อกุยสาวใช้ตรอกหนีผิงที่คล้ายกับว่าเจาะกำแพงขโมยแสงไฟ
เว่ยป้อซานจวินห้าขอบเขตบนคนแรกในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีป
ผู้ฝึกกระบี่เจียงซ่างเจิน หมี่อวี้ ลี่ไฉ่…
แน่นอนว่าคนสุดท้ายยังมีกระบี่โบราณที่ห้อยแขวนอยู่ใต้สะพาน
สำหรับผู้ฝึกตนบนภูเขาแล้ว เวลาสั้นๆ เพียงแค่หกสิบปีจะนับเป็นอะไรได้
ดังนั้นขอแค่โชคร้ายสักหน่อย ไม่ว่าใครก็ตามที่มาที่นี่ ต่อให้เจ้าจะขอบเขตสูงแค่ไหน หากใจกล้าเกินควร ก็เท่ากับว่าเอาชีวิตมาแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ต่อให้จะได้ลำพองใจในช่วงเวลาหนึ่ง มาผูกปมแค้นกับคนอื่นอยู่ที่นี่ ยังไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตชั่วคราวก็จริง แต่ก็ต้องทอดสายตามองไปให้ไกลหน่อย ระมัดระวังสักหน่อย เพราะถึงอย่างไรคนหนุ่มสาวของถ้ำสวรรค์หลีจู โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นเฉินผิงอัน หม่าขู่เสวียนนี้ มีหลายคนที่เดินออกไปแล้วได้ดิบได้ดีไม่น้อย
หยางเหล่าโถวหัวเราะอย่างที่ไม่ค่อยเป็นบ่อยนัก “บทนำเช่นนี้ช่างเป็นบทที่ทรงพลังเสียจริง”
ฉางมิ่งตั้งใจรวบรวมฟังสมาธิ เอาแต่ฟังไม่พูดอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นนางก็หันหน้าไปมอง
มีคนหนุ่มลัทธิขงจื๊อท่าทางเหนื่อยล้าจากการเดินทาง สะพายหีบไม้ไผ่ ในมือถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียวคนหนึ่งพลันใช้มือข้างหนึ่งเลิกผ้าม่านออก จึงได้เห็นรอยยิ้มของหยางเหล่าโถวที่หาได้ยากพอดี เขาพูดกลั้วหัวเราะเสียงดังทันที “ตาเฒ่า ดูเจ้าอารมณ์ดีเข้าสิ เซ่อซ่าเสียจริง ทำไม? หาเมียได้แล้วหรือ?! แก่แล้วแต่ยังปึ๋งปั๋ง ใช้ได้เลยนี่นา!”
ฉางมิ่งตะลึงงัน
คนหนุ่มผู้นั้นไม่รู้ว่าฉางมิ่งเป็นใคร จึงได้แต่กุมหมัดคลี่ยิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นก็วิ่งตุปัดตุเป๋ไปนั่งยองอยู่ด้านหลังหยางเหล่าโถว เอาแขนข้างหนึ่งรัดคอผู้เฒ่า “คิดถึงข้าหรือไม่ คิดถึงข้าหรือไม่?!”
เขากลับไม่ได้รู้สึกว่าหยางเหล่าโถวจะมีปัญญาหาภรรยาได้เหมือนพี่สาวคนงามที่รูปโฉมเหมือนบุปผาเหมือนหยกผู้นี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!