กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 717

สำนักชิงเหลียงแห่งอุตรกุรุทวีปมีเจ้าสำนักคือเฮ้อเสี่ยวเหลียง

ข้างกายของนางมีเทพหญิงฉีลู่ที่เดินออกมาจากภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังของชายหาดโครงกระดูกติดตามมา

นางได้รับคำสั่งให้มายืนอยู่ด้านหลังเฮ้อเสี่ยวเหลียงผู้เป็นเจ้านาย เพราะเมื่อครู่นี้นางแค่มองสตรีชุดเขียวแวบเดียวก็รู้สึกปวดตา แล้วจิตใจก็เริ่มไม่สงบสุข

เฮ้อเสี่ยวเหลียงกับผู้เฒ่าพายเรือที่เป็นศิษย์พี่ครึ่งตัว ก่อนหน้านี้ได้รับคำสั่งที่ลี้ลับมากฉบับหนึ่งจากอาจารย์

มีแค่สองเรื่องเท่านั้น เรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับเฉินหลิงจวิน จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ก็คือให้เฮ้อเสี่ยวเหลียงกลับมาที่แจกันสมบัติทวีปอีกครั้ง ให้ไปหาจื้อกุยแห่งตรอกหนีผิงและหม่าขู่เสวียนแห่งตรอกซิ่งฮวา เฮ้อเสี่ยวเหลียงก็สามารถถือโอกาสนี้ไปพบกับศิษย์พี่บางคนได้

ส่วนผู้เฒ่าคนพายเรือ เมื่อเทียบกับศิษย์น้องคนนั้น เขาอยากไปพบกุ้ยฮูหยินที่นครมังกรเฒ่ามากกว่า

หลี่ซีเซิ่งเดินก้าวเดียวก็ข้ามผ่านทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมาถึงนอกประตูใหญ่บนถนนฝูลวี่ที่เป็นบ้านเกิด

หลังจากไปพบท่านพ่อท่านแม่แล้ว หลี่ซีเซิ่งก็ยังมาสระน้ำเล็กๆ ของน้องสาว

มองดูปูตัวเล็กสีทองตัวหนึ่งที่อยู่ในนั้นแล้วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่ต้องพูดถึงจิตใจที่ไร้ความหวาดกลัวต่อบ่อสายฟ้า ต่อให้อยู่ในถิ่นของราชามังกรแห่งท้องทะเลก็ยังกล้ากำเริบเสิบสานไร้ยำเกรง”

……

จูเหลี่ยนกับเพ่ยเซียงเดินออกมาจากภูเขาฉีตุน ยังคงเดินกลับกันไปอย่างเชื่องช้า พอขยับเข้าใกล้ประตูตีนเขาของภูเขาลั่วพั่ว เพ่ยเซียงก็มองเห็นแม่นางน้อยชุดดำคนหนึ่งยืนเอาสองมือกอดอก กอดไม้เท้าเดินป่าสีเขียวกับคานหาบสีทองไว้ในอ้อมอก ยืนตัวตรงแน่ว เบิกตากว้าง ดูเหมือนว่าจะเป็น…ภูตน้ำน้อย? ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูภูเขา

เพ่ยเซียงหลุดหัวเราะอย่างอดไม่ไหว “ภูเขาลั่วพั่วของพวกเจ้านี่ช่าง…”

ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาบรรยายขนบธรรมเนียมของภูเขาลั่วพั่วดีแล้ว

จูเหลี่ยนเอ่ยอธิบาย “นางคือผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่วเราเชียวนะ”

เพ่ยเซียงหลุดเสียงหัวเราะ

จูเหลี่ยนกล่าว “ไม่ได้โกหกเจ้าสักหน่อย หมี่ลี่น้อยคือผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาที่มีชื่อบนทำเนียบของภูเขาลั่วพั่ว เก้าอี้ในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อก็อยู่แถวหน้าๆ ด้วย”

เพ่ยเซียงกึ่งเชื่อกึ่งกังขา “จริงหรือ?!”

จูเหลี่ยนหัวเราะร่วน “ใช่แล้ว อีกเดี๋ยวพอเจ้าได้เจอกับหมี่ลี่น้อยก็เอ่ยทักทายอย่างตรงไปตรงมาได้เลยว่า ‘เจ้าก็คือภูตน้ำใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้ในตำนานเองหรือ’ นางจะต้องดีใจมากแน่ๆ”

เขาถอดหน้ากากบนใบหน้าออก กลับคืนมาสวมใบหน้าที่เป็นของพ่อครัวเฒ่าแห่งภูเขาลั่วพั่วอีกครั้ง

เพ่ยเซียงเองก็ถอดหน้ากากออกเช่นกัน จากนั้นก็ร่ายเวทอำพรางตาทับไปอีกที

โจวหมี่ลี่ขยี้ตา แล้วรีบวิ่งทะยานเข้ามาหาจูเหลี่ยน พูดเสียงสะอื้นไห้ “พ่อครัวเฒ่า พ่อครัวเฒ่า! ข้านึกว่าเจ้าหลงทาง ไม่รู้ว่าควรจะกลับมาบ้านอย่างไรเสียแล้ว! แล้วข้าก็ดันไม่กล้าไปรับเจ้าที่เมืองหงจู๋…”

แม่นางน้อยเสียใจจนพูดไม่ออก

ไม่มีเวลามาสนใจศักดิ์ศรีหน้าตาอะไรอีกแล้ว แล้วยังยอมรับไปโดยไม่ทันระวังอีกว่าตัวเองไม่กล้าไปเมืองหงจู๋และแม่น้ำอวี้เย่

จูเหลี่ยนยื่นมือไปลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย กระดกห่อสัมภาระใบใหญ่ที่สะพายอยู่ด้านหลังให้นางดู ยิ้มเอ่ยว่า “ลองเดาดูสิว่ามีอะไร”

หมี่ลี่น้อยเช็ดน้ำตา หันไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายพ่อครัวเฒ่าอย่างขลาดๆ แล้วก็รีบเม้มปากแน่น ก่อนยอบตัวคารวะต่อเพ่ยเซียง

เพ่ยเซียงคลี่ยิ้มบางๆ พยักหน้ารับ

เมื่อครู่นี้มัวแต่มองดูว่าพ่อครัวเฒ่าอ้วนขึ้นหรือผอมลงจึงไม่ทันสังเกตเห็นพี่สาวที่หน้าตางดงามผู้นี้

เพ่ยเซียงพลันนึกถึงคำเตือนของจูเหลี่ยนขึ้นมาได้ จึงยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าก็คือภูตน้ำใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้หรือ?”

โจวหมี่ลี่อึ้งตะลึงอยู่กับที่ อยู่ดีๆ นางก็ไม่รู้ว่าควรจะเกาแก้มหรือว่าเกาหัวดี

ว้าว

เหตุใดพี่สาวคนนี้ถึงงดงามน่ามองขึ้นอีกแล้วล่ะ

นี่คงเป็นดั่งคำกล่าวที่ว่าสตรีพอเติบใหญ่ก็เปลี่ยนไปได้สารพัดแบบอย่างที่เผยเฉียนชอบพูดถึงกระมัง?

เฮ้อ เปลี่ยนกะผีอะไรเล่า เติบใหญ่มีอะไรดีตรงไหน แต่หมี่ลี่น้อยกลับไม่กล้าพูดกับเผยเฉียนเช่นนี้

โจวหมี่ลี่นึกถึงคำถามของพ่อครัวเฒ่าขึ้นมาได้จึงเอ่ยเบาๆ ว่า “คือตำราเทพเซียนที่เผยเฉียนพูดถึงหรือ? ด้านบนวาดคนจิ๋วที่ต่อสู้กันเอาไว้? น่าเสียดายที่เผยเฉียนไม่ยอมบอกมากกว่านี้ ขอให้ข้าดูหน่อยได้ไหมล่ะ? ทุกวันนี้ข้าชอบอ่านตำรา และความรู้ก็ยิ่งใหญ่มากด้วยล่ะ หึหึ รอให้เผยเฉียนกลับมาบ้านเมื่อไหร่จะทำให้นางตกใจขวัญหนีไปเลย”

จูเหลี่ยนหน้าแดงก่ำ เอ่ยอย่างอ่อนใจว่า “คือเมล็ดแตงต่างหาก”

โจวหมี่ลี่ทอดถอนใจหนึ่งที ก่อนพูดเหมือนคนแก่ว่า “โตขนาดนี้แล้วยังจะแทะเมล็ดแตงอีกนะ”

แต่เพียงไม่นานแม่นางน้อยก็ยิ้มเอ่ย “ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว งั้นก็ช่างมันเถอะ!”

จูเหลี่ยนยิ้มพลางพยักหน้ารับ

ขนบธรรมเนียมของภูเขาบ้านเกิดที่ไม่ได้เจอมานาน ในที่สุดก็ไม่ต้องได้แต่คอยคิดถึงอยู่ไกลๆ แล้ว

ข้ากลับมาถึงบ้านเกิด อยู่ในภูเขาลูกนี้แล้ว

ภูตน้ำน้อยตนหนึ่งเหมือนเปลี่ยนมาเป็นนกกระจิบตัวน้อยบนภูเขาที่คอยกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างกายจูเหลี่ยน พูดเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องในบ้านในเขาฟัง

เรื่องบางอย่างที่พูดไม่ได้ หมี่ลี่น้อยก็จะไม่พูด คนหัวไวบนภูเขาลั่วพั่ว เผยเฉียนมาเป็นอันดับหนึ่ง นางอันดับสอง พี่หญิงหน่วนซู่ได้แต่อยู่อันดับที่สาม!

เพ่ยเซียงรู้สึกว่าเหลวไหลสิ้นดี ได้แต่ใช้เสียงในใจสอบถามว่าแม่นางน้อยเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่วจริงๆ หรือ?

ตำแหน่งผู้พิทักษ์ในพรรคและตระกูลเซียนที่อยู่บนภูเขามีน้ำหนักมากอย่างถึงที่สุด ถูกเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลขนานนามให้เป็นค่ายกลใหญ่แห่งขุนเขาสายน้ำครึ่งตัว

เพ่ยเซียงแน่ใจว่าภูตน้ำน้อยตนนี้ขอบเขตไม่ใช่แค่ไม่สูง แต่ยังต่ำจนไร้เหตุผล ในเมื่อแม่นางน้อยเป็นถึงผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา หรือว่าหงเซี่ยก็คือผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย? หรือว่าจะเป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่ว?

ทว่าจูเหลี่ยนกลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เอาแต่สนใจฟังเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งจากแม่นางน้อย

เพ่ยเซียงหัวเราะอย่างฉุนๆ

สมควรแล้วที่เจ้าถูกเรียกว่าพ่อครัวเฒ่า

ในขณะที่เพ่ยเซียงกำลังอัดอั้นตันใจอยู่นั้น เพียงไม่นานความรู้สึกก็เปลี่ยนมาเป็นผวาพรั่นพรึง

บุรุษรูปโฉมหล่อเหลาสวมชุดสีขาวผู้หนึ่งปรากฏตัวจากความว่างเปล่า ยิ้มบางๆ เอ่ยกับจูเหลี่ยนว่า “เจ้านี่ช่างเลียนแบบได้เหมือนยิ่งนัก ทำตัวเป็นเถ้าแก่สะบัดมือทิ้งร้านจนติดใจมากเลยใช่ไหม? นี่มันผ่านไปตั้งกี่ปีแล้ว?”

เพ่ยเซียงรู้สึกเพียงว่าคนผู้นี้รูปงามดุจขุนเขาหยก

ในสายตาของนาง รูปโฉมของคนผู้นี้ด้อยกว่าจูเหลี่ยนแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ซานจวินเว่ยป้อ!

มีตำแหน่งเทพเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาภูเขาสายน้ำอาณาเขตทิศเหนือของทวีป

จูเหลี่ยนเอ่ยอย่างปลงอนิจจัง “จากบ้านเกิดไปนาน ถึงขั้นคิดถึงพี่เว่ยแล้ว”

เว่ยป้อกระตุกมุมปาก “เลิกพูดไปเลย”

เจ้าไม่มีเมตตาก็อย่าหาว่าข้าไร้คุณธรรม จูเหลี่ยนรีบถูหมัดทันที “ตบะของซานจวินเพิ่มขึ้นพรวดพราด ตามหลักแล้วฟ้าดินควรร่วมอวยพร รอให้กลียุคสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ พวกเรามาจัดงานเลี้ยงท่องราตรีอย่างชอบด้วยเหตุผลกันสักครั้ง!”

เว่ยป้อไม่ได้สนใจจูเหลี่ยน หันไปผงกศีรษะทักทายเจ้าแห่งแคว้นหู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!