จั่วโย่วมายังสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงที่น้ำใสภูเขาสวยแห่งหนึ่ง มือหนึ่งถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียวเดินขึ้นเขาไป
วัดตั้งอยู่ตรงตีนเขา อารามเต๋าตั้งอยู่บนยอดเขา สำนักศึกษาอยู่กึ่งกลางภูเขา ต่อให้ไม่ใช่ถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลที่อยู่ในใต้หล้าไพศาล ส่วนใหญ่แล้วก็ยังคงเป็นเช่นนี้
ตอนนี้จั่วโย่วอยู่ในต่างบ้านต่างเมืองแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าพื้นที่มงคลอวี่ฮว่า เพราะอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ ไม่ยินดีแล้วก็ไม่สะดวกที่จะเคลื่อนย้ายร่างจริง จึงได้แต่ปล่อยจิตหยินออกมาท่องเที่ยว อาศัยโอกาสนี้ถือโอกาสเที่ยวชมทัศนียภาพในใต้หล้าไปด้วย
สถานที่ที่จั่วโย่วมาท่องเที่ยวในครานี้ ในพื้นที่มงคลแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกตน ถูกขนานนามให้เป็นจวนเซียนในโลกมนุษย์ เป็นสถานที่ที่ผู้เก็บตัวสันโดษต้องผ่านทางมายามไปเยี่ยมเยือนเซียน แล้วก็เป็นสถานที่อันดับต้นๆ ที่เหล่าชายหญิงผู้มีจิตศรัทธาบนโลกจะเลือกมาจุดธูปยามท่องเที่ยว
เล่าลือกันว่าในยุคสมัยโบราณที่แห่งนี้มีเจินเหรินอยู่มากมาย ฝึกวิชาคาถาเซียนอยู่ในภูเขา ดังนั้นจึงมีตำหนักสนมรกตที่ฮ่องเต้บัญชาให้สร้างขึ้นบนยอดเขา ภายหลังมีเจินเหรินมาพิสูจน์มรรคาที่นี่จริงๆ ต้นสนโบราณที่เขาขี่อยู่กลายเป็นมังกรเขียวตัวหนึ่งที่บินทะยานกลายเป็นเซียน นี่เป็นเรื่องที่คนทั้งใต้หล้าล้วนรับรู้ จักรพรรดิในยุคสมัยนั้นเห็นนิมิตหมายมงคลแห่งฟ้าดินที่ไม่เคยมีปรากฎมาก่อนในอดีต และไม่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์ จึงรีบถือโอกาสอิงตามบัญชาสวรรค์เปลี่ยนชื่อปีรัชศก ในปีแรกของรัชศกเสียงอวิ๋น (เมฆมงคล) ก็ได้สร้างอารามเป่าจีขึ้นเพื่อใช้บูชาเทพเซียนลัทธิเต๋าที่ ‘อวี่ฮว่ากลายเป็นเซียน’ (อวี่ฮว่าหมายถึงเซียนที่สามารถบินทะยานขึ้นฟ้าได้ จึงเรียกคนที่กลายเป็นเซียนว่าฮวี่ฮว่า) ท่านนั้น ร้อยกว่าปีให้หลัง ราชวงศ์ผลัดเปลี่ยน ควันธูปของอารามจึงบางเบา ครั้งสุดท้ายที่ ‘เซียนเหริน’ ท่านนั้นกลับคืนมายังโลกมนุษย์มีหลักฐานให้สืบเสาะได้ ก็คือครั้งที่เขาโคจรวิชาอภินิหารอันเลิศล้ำ งมเอาอารามเป่าจีที่ไม่รู้ว่าจมไปอยู่ใต้น้ำได้อย่างไรขึ้นมาแล้วย้ายขึ้นไปไว้บนยอดเขาอีกครั้ง
ฮ่องเต้แต่ละยุคสมัยของราชวงศ์ใหม่รีบอวยยศเสริมบรรดาศักดิ์ให้กับบรรพจารย์อารามเป่าจีอย่างต่อเนื่อง เจินเหริน เจินจวิน เทียนจวิน เดินขึ้นฟ้าไปทีละก้าว ทั้งยังพระราชทานกรอบป้าย มอบตำราเต๋าไปให้แก่ทางอารามหลวงครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเหตุให้ควันธูปของสถานที่แห่งนี้โชติช่วงสืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
คนยุคหลังพากันพูดไปหลากหลาย แต่ต่างก็มั่นใจว่าเจินเหรินผู้นี้ หลังจากบินทะยานไปแล้วไม่เพียงแต่ได้รับการจัดอันดับของเซียน ยังได้รับพระราชทานบทคำทำเนียบเขียวที่ระดับขั้นสูงมากจากฮ่องเต้สวรรค์ ตำแหน่งขุนนางคล้ายคลึงกับเจ้ากรมทั้งหกในโลกมนุษย์ เป็นเหตุให้ไม่ว่าไปที่ใด ไม่ว่าจะเป็นเทพแห่งป่าเขาลำเนาไพรหรือเซียนที่เก็บตัวสันโดษซึ่งอยู่บนมหาสมุทรต่างก็ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าจั่วโย่วย่อมต้องรู้ว่าเรื่องเล่าลือที่แปะทองลงบนหน้าตัวเองเหล่านี้ของพื้นที่มงคลเป็นเพียงแค่การเล่าลือกันปากต่อปากเท่านั้น ผู้ฝึกตนเฒ่าที่ถูกมองว่าเป็น ‘เซียนผู้บรรลุมรรคา’ แท้จริงแล้วทำหน้าที่เป็นผู้ถวายงานในศาลบรรพจารย์ของสำนักแห่งหนึ่งในใบถงทวีปเท่านั้น ผลสำเร็จในที่ท้ายที่สุดคือคอขวดก่อกำเนิด ยังไม่อาจฝ่าทะลุขอบเขตต่ออายุขัยให้ยืนยาว กายและจิตจึงผ่ายผอมแห้งเหี่ยวลงไปทุกวัน จากนั้นก็ได้เจอกับการบุกรุกเข้ามาอย่างกำเริบเสิบสานของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ฝึกตนเฒ่าเองเห็นว่าอายุขัยของตนใกล้สิ้นสุด มีชีวิตรอดอยู่ไปได้อีกแค่ไม่กี่ปีก็ไร้ความหมาย หรือจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ผู้ฝึกตนเฒ่าก็เลือกที่จะไปรบตายอยู่ในสนามรบของใบถงทวีปที่เผ่าปีศาจกรูกันขึ้นมาบนบก ส่วนพื้นที่มงคลอวี่ฮว่าแห่งนี้ก็ไม่อาจรอดพ้นหายนะ ตกไปอยู่ในน้ำมือของกระโจมทัพแห่งหนึ่ง
เดิมทีพื้นที่มงคลควรมอบให้ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักหนึ่งพกติดตัวไปยังแจกันสมบัติทวีป แล้วส่งต่อให้กับนครมังกรเฒ่า เพื่อจะได้ช่วยให้ผู้ฝึกตนในสำนักแลกเปลี่ยนพื้นที่ฝึกตนแห่งหนึ่งมาจากราชวงศ์ต้าหลี
พื้นที่มงคลอวี่ฮว่าอาณาบริเวณกว้างขวางแต่ผู้คนบางตา เพราะปราณวิญญาณบางเบา บวกกับที่ ‘เทพยดา’ สำนักที่ได้ครอบครองพื้นที่มงคลไม่ยินดีจะทุ่มเงิน เป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนในประวัติศาสตร์ที่พอจะถือว่าเป็นโล้เป็นพายมีเพียงหร็อมแหร็ม สำหรับสำนักตระกูลเซียนแห่งหนึ่งของใบถงทวีปแล้ว ที่นี่เป็นเพียงแค่พื้นที่มงคลระดับล่างซึ่งเหมือนซี่โครงไก่อย่างมากจริงๆ โปรยเงินก้อนใหญ่สาดเข้าไปในพื้นที่มงคล หากถ่วงเวลาการฝึกตนของผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาบ้านตัวเอง ถึงอย่างไรก็ได้ไม่คุ้มเสีย แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าสำนักท่านหนึ่ง ต่อให้จะเป็นขอบเขตหยกดิบแล้ว ขอแค่ไม่สามารถเลื่อนเป็นเซียนเหรินได้ อายุขัยก็ย่อมมีจำกัด ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมองขุนเขาสายน้ำในระยะใกล้ ไม่กล้าพูดว่าพันปีให้หลังพื้นที่มงคลจะเป็นอย่างไร ส่วนผู้เฒ่า ผู้ถวายงานและผู้สืบทอดคนอื่นๆ ในศาลบรรพจารย์ ขอบเขตต่ำยิ่งกว่า มรรคกถาก็ตื้นเขินยิ่งกว่า ดังนั้นมีแต่จะยิ่งมองในมุมที่แคบกว่า ไม่แน่เสมอไปว่าจะมองไม่เห็นผลประโยชน์ในระยะยาวจากการที่พื้นที่มงคลเลื่อนขั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าพันปีให้หลัง มันจะมีประโยชน์ต่อมหามรรคาของข้าหรือ?
ทว่าสำหรับสกุลซ่งต้าหลีแล้ว มันกลับสามารถใช้แก้ปัญหาฉุกเฉินที่เป็นดั่งไฟลามขนคิ้วได้ส่วนหนึ่งจริงๆ นำมาบรรจุชาวบ้านของแคว้นใต้อาณัติทางทิศใต้สุดให้ย้ายเข้าไปอยู่ในนั้น ถือเป็นทางลัดที่กระชับสั้นที่สุด ระดับขั้นของพื้นที่มงคลอวี่ฮว่าต่ำเกินไปกลับกลายเป็นเรื่องดี เพราะภัยแฝงจะเล็กน้อยมาก เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างบนภูเขาและล่างภูเขา ระหว่างผู้ฝึกตนและคนธรรมดาล้วนสามารถมองข้ามไม่ต้องไปคิดได้เลย แค่นำชาวบ้านที่ประสบภัยเข้าไปพักอาศัย แทบไม่ต้องใช้ต้นทุนใดๆ
ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดสุดท้ายแล้วพื้นที่มงคลถึงตกมาอยู่ในมือของกระโจมทัพเผ่าปีศาจ จั่วโย่วไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก คนโลภมากก็ดี เรื่องราวไม่เป็นดั่งใจหวังก็ช่าง ถึงอย่างไรเขาจั่วโย่วก็ถูกกักขังอยู่ที่นี่แล้ว
สำหรับบุรุษลักษณะเหมือนลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อที่สวมชุดเขียวถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียวผู้นี้ เหล่าผู้มีจิตศรัทธาที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะถึงอย่างไรก็พบเห็นได้บ่อย
จั่วโย่วหยุดเดินอยู่ตรงกึ่งกลางภูเขาที่มีร้านค้าแผงลอยรวมตัวกันอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นมีร้านที่เขียนป้ายคำว่า ‘จุดสุดท้ายที่ดื่มเหล้าได้ รีบดื่มให้เต็มอิ่ม’
เป็นการเตือนพวกคนบนโลกที่มาจุดธูปไหว้พระว่าต้องมีความจริงใจ คนที่ติดเหล้าก็รีบดื่มเหล้าดับกระหายตั้งแต่ตรงนี้ซะ ไม่อย่างนั้นหากเดินขึ้นเขาไปแล้วค่อยดื่ม ทั่วร่างมีแต่กลิ่นเหล้าโชยคลุ้ง หากเทพเซียนที่ลืมตามองดูอยู่เห็นเข้า ย่อมง่ายที่จะทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์ การขอพรก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์เห็นผลอีก
เส้นทางแห่งเทพที่มีให้สำหรับคนขึ้นเขาไปจุดธูป นอกจากพวกผู้มีจิตศรัทธาที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจแล้ว ยังมีพ่อค้าหาบเร่อีกมากมายที่หาเงินจากการใช้แรงงานอันเหน็ดเหนื่อย บ้างก็ช่วยขนสัมภาระให้กับผู้แสวงบุญ บ้างก็ช่วยแบกหินขึ้นเขาให้กับพวกคนที่มาทำบุญ เพื่อที่จะให้อารามบนยอดเขามีก้อนหินสะสมไว้มากพอสำหรับการสร้างจวนแห่งใหม่ อย่างแรกได้เงินน้อย อย่างหลังได้เงินมาก เพียงแต่ว่าเงินที่ได้มาด้วยความยากลำบากนี้ทำให้คนเหน็ดเหนื่อยอย่างแท้จริง ดังนั้นผู้มีจิตศรัทธาที่ทางบ้านพอจะมีฐานะสักหน่อยก็มักจะให้คนแบกหามมาหยุดพักเท้าที่นี่ เลี้ยงเหล้าพวกเขาหนึ่งชาม ช่วยเพิ่มพละกำลังกายและแรงใจให้กับพวกเขา
จั่วโย่วควักเงินออกมาซื้อเหล้าขาวหนึ่งชาม ลูกค้าในร้านมีค่อนข้างเยอะ ต่างก็จับจองกันไปแล้วหลายโต๊ะ จั่วโย่วไม่ยินดีจะนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น จึงเดินห่างออกมาไกลเล็กน้อย
เจ้าของร้านเห็นว่าลูกค้าจะเดินเอาเหล้าไปดื่มไกลๆ จึงรีบตะเบ็งเสียง บอกเขาว่าให้จ่ายเงินมัดจำก้อนหนึ่งก่อน ไม่อย่างนั้นห้ามเอาไปดื่มไกลเกินไปนัก
หากเจอกับนักดื่มที่ไร้จิตสำนึก พอดื่มเสร็จแล้วส่วนใหญ่ก็มักจะโยนทิ้งไปนอกหน้าผา พวกเจ้าประหยัดแรงกายแรงใจแล้วยังได้มาดองอาจ แต่ร้านของพวกข้าเป็นการค้าต้นทุนเล็กๆ ใครจะเป็นคนชดใช้เงินค่าเสียหายให้เล่า?
จั่วโย่วจึงได้แต่เดินถือชามเหล้าย้อนกลับมา จ่ายเงินสองสามอีแปะไปให้กับทางร้านก่อน แล้วถึงได้เดินไปตรงราวรั้วริมหน้าผา ทอดสายตามองขุนเขาสายน้ำทิศไกล ขุนเขาสายน้ำคดเคี้ยวขึ้นๆ ลงๆ ดุจสวนที่ถูกจัดในกระถาง
ก่อนหน้านี้โซ่วเฉินมา ‘ถามกระบี่’ แก่สำนักใบถง เป็นฝ่ายเสนออนาคตที่ดีงามยาวไกลให้แก่สำนักใบถง ไม่ว่าเผ่าปีศาจมีเจตนาอย่างไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าต้องการทำให้สำนักใบถงเปลี่ยนจากเจอหายนะใหญ่ไปเป็นโชคดี เพราะถึงอย่างไรบัณฑิตที่ใช้นามแฝงว่าโจวมี่ผู้นั้นก็ปรากฏตัวแล้ว ในฐานะปีศาจใหญ่บนบัลลังก์อันดับสองของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง คำสัตย์และคำสัญญาของเขาล้วนสามารถเชื่อถือได้
ต้องรู้ว่าทางทิศใต้สุดของใบถงทวีป การประชุมในศาลบรรพจารย์ของสำนักกุยหยกที่ไม่มีเจ้าสำนักเข้าร่วมครั้งนั้น ได้ปฏิเสธข้อเสนอของสตรีหน้ากลมสวมชุดผ้าฝ้ายไป ไม่ได้มอบพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาที่อยู่ในมือของสกุลเจียงออกไปให้ เป็นเหตุให้กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจโจมตีไม่หยุดยั้ง ทั้งยังไม่มีการออมแรงอีกต่อไป
บรรพจารย์ผู้คุมกฎนิสัยเจ้าอารมณ์ของสำนักกุยหยกผู้นั้นทางหนึ่งก็ด่าเจียงซ่างเจินว่าเป็นดาวหายนะ ทางหนึ่งก็สังหารผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจไปด้วย
หากวันใดข้าผู้อาวุโสตายไป แล้วสำนักกุยหยกและพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาต่างก็โชคดียังมีชีวิตอยู่รอด ก็ให้เจียงซ่างเจินมาโขกหัวขอบคุณต่อหน้าหลุมศพข้า ต้องพูดเสียงดังๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นไม่ได้ยิน
คาดว่านี่ก็คงเป็นดั่งคำว่าลมและน้ำหมุนเวียนเปลี่ยนทิศกระมัง ชอบดูเรื่องตลก ก็ง่ายที่จะกลายไปเป็นตัวตลก
สำนักกุยหยกมองดูเรื่องตลกของสำนักใบถงมานานหลายปี ดูเหมือนว่าเวลานี้ก็ถึงคราวที่ผู้ฝึกตนของสำนักใบถงได้ดูเรื่องตลกของสำนักกุยหยกบ้างแล้ว และโอกาสนี้ก็ใกล้เพียงเอื้อมมือคว้า แค่พยักหน้าก็ได้มาครองแล้ว
ขอแค่ศาลบรรพจารย์สำนักใบถงคว้าจับโอกาสครั้งนี้ไว้ ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะสามารถฮุบกลืนสำนักกุยหยกไปได้โดยตรง ทำให้ศัตรูคู่อาฆาตกลายเป็นสำนักเบื้องล่างใต้อาณัติก็ยังไม่ใช่ความเพ้อฝันอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!