หลิวสือลิ่วถอนหายใจ จริงดังคาด ดังนั้นจึงได้แต่เอ่ยประโยคที่ศิษย์พี่ใหญ่คิดไว้มานานแล้ว และสั่งให้ตนนำความมาบอกต่อออกไป “ศิษย์พี่จั่ว ท่านคงยังไม่เคยไปที่ภูเขาลั่วพั่วกระมัง มีคนคาดหวังว่านอกจากศาลบรรพจารย์บนยอดเขาจี้เซ่อแล้ว บนเก้าอี้ทุกตัวจะเคยมีคนไปนั่งมาก่อนอย่างแท้จริง หรือควรจะบอกว่าเคยมีคนไปนั่งจริงๆ จากนั้นสุดท้ายคนทุกคนก็ล้วนช่วยกันเติมม้วนภาพหนึ่งให้เต็ม อาจารย์ของพวกเรา ก่อนจะจากไปก็เคยไปนั่งมาแล้ว ครั้งนี้ข้าออกมาจากภูเขาลั่วพั่ว ก็ได้ไปย้ายตำแหน่งของเก้าอี้บางตัว…แน่นอนว่าท่านจะไปหรือไม่ไป จะมีหรือไม่มีศิษย์พี่จั่วไปนั่งอยู่นอกประตูจริงๆ หรือไม่ วันหน้าม้วนภาพก็ยังสามารถถูกเติมให้สมบูรณ์ได้ เพราะถึงอย่างไรทุกวันนี้ภูเขาลั่วพั่วก็ไม่ขาดเวทคาถาตระกูลเซียนน้อยนิดแค่นี้”
จั่วโย่วเงียบงันไปพักหนึ่ง ก่อนพยักหน้าเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปที่ภูเขาลั่วพั่วก่อน แล้วค่อยไปที่นครมังกรเฒ่า พอดีเหมือนกันจะได้ไปดูว่าเวทกระบี่ของเว่ยจิ้นพัฒนาไปแล้วกี่ส่วน เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเคยฝากความหวังให้คนผู้นี้ไว้มาก”
หลังจากนั้นค่อยไปเยือนสำนักใบถงอีกครั้ง จะได้สอนให้คนบางคนรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าผู้ฝึกกระบี่จั่วโย่วทำให้คนลำบากใจอย่างถึงที่สุด
มุมปากของหลิวสือลิ่วเพิ่งจะขยับน้อยๆ ก็สังเกตเห็นว่าจั่วโย่วมองมาด้วยสายตาเย็นชา หลิวสือลิ่วจึงรีบกดมุมปากลงทันที เขาใช้ลมปราณของทั้งร่างแผ่คลุมไปทั่วปราการฟ้าดินก่อน จากนั้นค่อยใช้ปราณกระบี่ของจั่วโย่วมาสร้างเป็นปราการฟ้าดินแห่งที่สอง แล้วถึงได้หยิบเอาภาพขุนเขาสายน้ำที่วาดเป็นภาพขุนเขากลาง ลำน้ำใหญ่และเมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลีออกมา โยนไปบนพื้น ขอแค่จั่วโย่วเหยียบลงไปก็สามารถหดย่อขุนเขาสายน้ำ ข้ามผ่านสองทวีปไปได้
อันที่จริงก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ใหญ่เคยพูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมาด้วยรอยยิ้มว่า ให้คนที่อยู่ห่างไปไกลเดินทางข้ามทวีปด้วยตัวเอง การกระทำเช่นนี้ไม่เหมือนปกติ เขาชุยฉานเองก็เพิ่งจะเคยสร้างขุนเขาสายน้ำขึ้นมาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน เอาเป็นว่าต่อให้ทำได้ไม่สำเร็จ เขาจั่วโย่วเป็นเซียนกระบี่ใหญ่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
เพียงแต่ว่าหลิวสือลิ่วไม่โง่สักหน่อย ไหนเลยจะยอมบอกเรื่องพวกนี้กับศิษย์พี่จั่วอย่างตรงไปตรงมา เดิมทีศิษย์พี่จั่วก็ไม่ถูกกับศิษย์พี่ใหญ่อยู่แล้ว ระหว่างพวกเขาอาจออกกระบี่ฟันคนขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
ศิษย์น้องขี้ฟ้อง ศิษย์พี่เดือดร้อน ศิษย์พี่ต่อยตี ศิษย์น้องเดือดร้อน นี่คือระบบสืบทอดเก่าแก่ของสายเหวินเซิ่งบ้านตนแล้ว
ศิษย์น้องคนแรก คือเสี่ยวฉี ศิษย์น้องคนที่สองที่น่าสงสาร คือเขาจวินเชี่ยน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเจอกับหายนะที่มาเยือนอย่างไม่คาดฝันบางครั้ง อาจารย์จะชอบใช้ปราณเที่ยงธรรมตรงไปตรงมาบนร่างปลอบใจศิษย์น้องเล็กว่า ‘เสี่ยวฉีอ่า ครั้งนี้เป็นเจ้าที่ทำไม่ถูกจริงๆ นะ ศิษย์พี่จั่วโย่วของเจ้ายังมีเหตุผลอย่างที่หาได้ยากด้วย ไม่เป็นไร หากโมโหจริงๆ ก็ตีจวินเชี่ยนไปแล้วกัน จำไว้ว่าอย่าตีจนตัวเองเจ็บล่ะ หากถ่วงรั้งการอ่านหนังสือเขียนตัวอักษรของวันพรุ่งนี้ย่อมไม่ดีแล้ว จวินเชี่ยนอ่า เจ้ามานี่สิ มัวยืนอึ้งเป็นหุ่นไม้อยู่ตรงนั้นทำไมกัน’
โชคดีที่จำนวนครั้งที่เป็นเช่นนี้มีไม่มาก แต่ละครั้งอาจารย์จะขยิบตาให้ ส่วนเสี่ยวฉีก็ไม่ได้ลงมือตีคนจริงๆ กลับกลายเป็นว่าเพียงไม่นานก็หายโมโหแล้ว หันกลับมาเป็นฝ่ายอบรมอาจารย์ด้วยท่าทางจริงจังแทนว่า ห้ามลำเอียงเข้าข้างตนเช่นนี้ ต้องลำเอียงเข้าข้างเหตุผล ซิ่วไฉเฒ่าถึงได้ทำท่ากระจ่างแจ้ง ใช้หมัดทุบฝ่ามือ รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าคราวหน้าอาจารย์ต้องแก้ไขแน่นอน ยามเกิดภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ตรงหัวมุมมักจะมีศีรษะสองหัวโผล่ออกมาคอยดูต้นทางให้ คนที่อยู่ต่ำหน่อยคือศิษย์พี่จั่วโย่ว คนที่อยู่สูงหน่อย วางหัวไว้บนหัวของจั่วโย่วเบาๆ ก็คือศิษย์พี่ใหญ่ชุยฉาน
ดังนั้นในใจของหลิวสือลิ่วจึงอดเสียดายไม่ได้ ดูเหมือนว่าความงดงามเหล่านี้จะจากไปแล้วไม่หวนกลับมา
ดังนั้นหลิวสือลิ่วจึงรับปากกับชุยฉานว่าจะให้จั่วโย่วไปที่ภูเขาลั่วพั่วสักครั้ง จะได้ให้ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสายเหวินเซิ่งที่เหลืออีกเพียงสามคน ซึ่งต่อให้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปแล้ว วัตถุคงเดิมแต่คนแปรเปลี่ยน ทว่าสำหรับในใจของพวกเขากลับยังคงได้สร้างความงดงามเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง
จั่วโย่วขยับเท้าไปด้านหน้า พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “จวินเชี่ยน ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร ข้ามาเป็นแขกของที่นี่ สุดท้ายแล้วก็ต้องมีภาพเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างฟ้าดิน ก่อนหน้านี้ข้าใช้ปราณกระบี่ค้ำยันฟ้าดินเอาไว้ หายนะน้อยใหญ่ที่แฝงตัวอยู่กำลังขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าก็เร็วต้องหล่นร่วงมายังที่แห่งนี้”
หลิวสือลิ่วคล้ายฟังไม่เข้าใจ
จั่วโย่วเอ่ยเสียงทุ้มหนัก “ศิษย์น้องจวินเชี่ยน!”
เจ้าคนที่ชอบวางมาดเป็นศิษย์พี่ที่สุดเอาอีกแล้ว
ช่วยไม่ได้ ศิษย์พี่ก็คือศิษย์พี่ ศิษย์น้องอย่างไรก็ยังเป็นศิษย์น้อง
หลิวสือลิ่วถอนหายใจหนึ่งที ก่อนเอ่ยว่า “ทราบแล้ว ข้าไม่เพียงแต่จะปกป้องฟ้าดินแห่งนี้ให้ปลอดภัย ยังจะรับผิดชอบช่วยชดเชยให้กับพื้นที่มงคลแทนท่านอีกหลายส่วนด้วย”
จั่วโย่วโยนไม้เท้าเดินป่าที่อยู่ในมือไปให้หลิวสือลิ่วเบาๆ “จวินเชี่ยน ยกให้เจ้าแล้ว”
หลิวสือลิ่วคลี่ยิ้ม รับไม้เท้าเดินป่าธรรมดาอันนั้นมาไว้ ในอดีตนึกอยากจะได้สิ่งของใดเพิ่มเติมมาจากมือของศิษย์พี่จั่วที่รับผิดชอบเรื่องเงิน ยากยิ่งกว่าเดินขึ้นฟ้า ศิษย์พี่ศิษย์น้องทำไม่ได้ อาจารย์ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
จากนั้นจั่วโย่วก็ประสานมืออำลาศิษย์น้อง
หลิวสือลิ่วจึงประสานมือคำนับศิษย์พี่กลับคืน
จั่วโย่วเดินเข้าไปในม้วนภาพ ร่างจริงพลันพุ่งมารวมกับจิตหยินที่นี่ในชั่วพริบตา
เซียนกระบี่กับม้วนภาพหายวับไปในวูบเดียวพร้อมกัน
หลิวสือลิ่วอยู่ในพื้นที่มงคลเล็กๆ แห่งนี้ เนื่องจากไม่มีภาระบนมหามรรคาที่ต้องคอยสยบปราณกระบี่ การเดินทางของเขาจึงไม่ได้มีข้อห้ามมากมายเฉกเช่นศิษย์พี่จั่ว เพียงแต่ว่าหลิวสือลิ่วไม่มีความสนใจในการท่องเที่ยวอยู่โลกมนุษย์ เขาจึงสลายภาพเหตุการณ์ผิดปกติฟ้าดินที่ร่างจริงของศิษย์พี่จั่วโย่วชักนำมา พลางทะยานลมไปยังม่านฟ้า สุดท้ายหาภูเขาเดียวดายไร้เงาผู้คนแห่งหนึ่ง รอคอยอยู่ที่นั่น เตรียมรับคำสั่งจากอาจารย์ จะดีจะชั่วก็น่าจะรับลูกศิษย์ผู้สืบทอดมาสักคนหนึ่ง คุณสมบัติพรสวรรค์อะไรนั่น นับเป็นอะไรได้หรือ? สอนหลักการเหตุผลอริยะปราชญ์บางส่วนให้แก่เขา ยืนกรานคำพูดบางคำ สุดท้ายลูกศิษย์สามารถฝึกฝนเรี่ยวแรงกำลังกายได้ก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นหลิวสือลิ่วที่อยู่บนยอดเขาเดียวดายลูกนี้จึงเอาใจไปคอยสังเกตดูเผ่าปีศาจห้าขอบเขตล่างตนหนึ่งที่ยังไม่อาจจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากกว่า เห็นเพียงว่าเผ่าปีศาจน้อยตนนั้นยืนสองขา บนโต๊ะหินหยาบๆ นอกถ้ำสถิตมีเกี๊ยวน้ำชามหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน ทั้งเย็นชืดแล้วยังเละ มันกำลังใช้สองขาหน้าเรียนรู้วิธีการใช้ตะเกียบ เพียงแต่ว่ามิอาจคีบเกี๊ยวขึ้นมาได้เสียที แล้วตะเกียบยังเลื่อนหลุดไปในชามอีกด้วย ถึงท้ายที่สุดภูตน้อยก็เดือดดาลอย่างหนัก ขว้างตะเกียบใส่ชาม ยกขาหน้าชี้ชามและตะเกียบบนโต๊ะพลางสบถด่าไม่หยุด กินๆๆ กินกับมารดาเจ้าสิ เจ้าไปกินเกี๊ยวน้ำของเจ้าเองเลยไป!
ดังนั้นหลิวสือลิ่วจึงพยายามเก็บลมปราณมหามรรคาที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายบรรพกาลห่างไกลบนร่างมาให้ได้มากที่สุด พลิ้วกายลงนอกถ้ำสถิต บวกกับที่ภูตตัวนั้นไม่ว่าจะสายตาหรือขอบเขตล้วนต่ำไปหมด คาดว่าคงมีแต่จะเห็นเขาเป็นนายพรานที่ขึ้นเขามาตัดฟืนมากกว่ากระมัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!