กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 720

ในความเป็นจริงแล้วเอาสองทวีปอย่างอุตรกุรุทวีปและแจกันสมบัติทวีปมาเชื่อมโยงกันก็ดี หรือแต่งตั้งลำน้ำจี้ตู๋และฉีตู้ก็ช่าง ล้วนเป็นเรื่องที่แจกันสมบัติทวีปบีบให้แผ่นดินกลางยอมรับโดยปริยายทั้งสิ้น ไม่ยอมรับแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า?

แต่โจวมี่อริยะของอุตรกุรุทวีปท่านนั้น ทุกวันนี้จะต้องถูกคนไม่น้อยคอยมองดูเรื่องตลกอย่างแน่นอน ด้วยนิสัยของโจวมี่ที่ก่อนจะมาเป็นเจ้าขุนเขายังต้องได้รับเทียบอักษร ‘ระงับโทสะ’ จากอาจารย์มาก่อน เรื่องนี้จะต้องสนุกแน่

อันที่จริงชุยตงซานก็สนิทสนมกับเขาไม่น้อย

และลำน้ำฉีตู้ของแจกันสมบัติทวีปบ้านตนก็เป็นผู้เฒ่าท่านนั้นของทะเลสาบซูเจี่ยนที่รับผิดชอบแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

ภิกษุเฒ่าน้ำแกงไก่กับอาจารย์ฟ่านแห่งสำนักการค้าเข้าร่วมพิธีอยู่ด้านข้าง

นี่ยังเป็นเพียงแค่การทำพิธีให้เห็นภายนอกเท่านั้น ในทางส่วนตัวยังมีหลี่หลิ่วที่หวนกลับมายังแจกันสมบัติทวีปอย่างลับๆ รวมไปถึงหร่วนซิ่วมองสบตากับหลี่หลิ่วอยู่ไกลๆ โดยมีสายน้ำกั้นกลาง

ชิงถงเทียนจวินของร้านยาตระกูลหยางได้ให้หร่วนซิ่วช่วยนำกรอบป้ายหนึ่งแผ่น ให้หลี่หลิ่วนำกลอนคู่หนึ่งบทไปเป็นของขวัญวางบนคานของศาลลำน้ำใหญ่

‘ศาลฉีตู๋กง’

ประหนึ่งอาบไล้อยู่ท่ามกลางลมวสันต์ วิญญูชนบุกเบิกเส้นทางที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งปณิธานให้แก่ฟ้าดินอย่างไม่เกี่ยงงอนต่อหน้าที่อันพึงปฏิบัติ

สงบจิตใจให้สมปรารถนา อริยะปราชญ์ปกครองและทำนุบำรุงประชาราษฎร์ ประพันธ์เพื่ออธิบายเหตุผลให้กระจ่าง สร้างสันติสุขนานหมื่นปี

กรอบป้ายและกลอนคู่ล้วนมาจากการรวบรวมตัวอักษร ราวกับว่าเป็นลายมือของฉีตู๋กงท่านนั้นเอง

ในศาลลำน้ำใหญ่ยังแขวนกรอบป้ายว่างเปล่าไว้หนึ่งกรอบ คล้ายว่ากำลังรอให้คนมาเขียน

อาจจะเขียนเป็นคำว่าใต้หล้ารับวสันต์ หรืออาจจะเขียนคำว่าใจข้าแจ่มกระจ่าง ทุกวันนี้ใครเล่าจะรู้ได้

ชุยตงซานฟุบตัวอยู่ในกองเมล็ดแตงบนโต๊ะ เขารู้สึกเกียจคร้านเล็กน้อย เหตุใดเซียนกระบี่หมี่ถึงยังไม่มาทักทายพูดคุยกันนะ พวกเราสองพี่น้อยคือสหายรักที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเชียวนะ ข้ายุ่งมาก ต้องรู้จักทะนุถนอมและเห็นค่าเวลาให้ดีสิ

เป็นเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบแล้วอย่างไร คิดจะดูแคลนสหายไม่ได้ความที่ขอบเขตสูงกว่าเจ้าแค่ขอบเขตเดียวอย่างนั้นหรือ?

หมี่อวี้ที่สวมชุดสีเขียวเดินมาถึงหน้าผา รอยยิ้มดูเหมือนว่าจะไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไร

หมี่อวี้กลัวเซียนกระบี่ใหญ่จั่วผู้นั้นจริงๆ หรือควรจะพูดว่าทั้งกลัวทั้งเกรง ส่วนเด็กหนุ่มชุดขาวที่ ‘ไม่อ้าปากก็หล่อเหลาสง่างามดีอยู่ พออ้าปากก็รู้ว่าสมองมีปัญหา’ ตรงหน้าผู้นี้กลับทำให้หมี่อวี้หงุดหงิด หงุดหงิดจริงๆ

ตอนนั้นที่อยู่บนหัวกำแพงเมืองบ้านเกิดของตน ข้าผู้อาวุโสนอนเมามายอยู่บนเมฆหลากสีอย่างสบายอุรา ไม่เคยไปหาเรื่องใครเลยไม่ใช่หรือ? ผลกลับกลายเป็นเจ้าหมอนี่ที่เดินผ่านมา ภายหลังยังขุดหลุมเล่นงานตนอีก เป็นเหตุให้จั่วโย่วออกกระบี่ใส่ผู้ฝึกกระบี่ในพื้นที่เป็นครั้งแรก เขาหมี่อวี้ถือว่าได้ของรางวัลชิ้นแรกนี้มาครึ่งหนึ่ง เพราะถึงอย่างไรจั่วโย่วก็ไม่ได้ออกกระบี่ใส่เขาอย่างจริงจัง ก็เพราะดูถูกหมอนปักลายบุปผาขอบเขตหยกดิบน่ะสิ ยังจะมีอะไรได้อีก เซียนกระบี่ใหญ่เยว่ชิง ‘โชคไม่เลว’ ได้ของรางวัลอีกครึ่งที่เหลือนั่นไป

ดังนั้นตอนแรกที่หมี่อวี้สังเกตเห็นว่าชุยตงซานขึ้นมาบนภูเขาจึงไปเดินเล่นที่ศาลภูเขาเก่าบนยอดเขาที่ว่างเปล่ามารอบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าชุยตงซานจะคุยเก่งจริงๆ หากเอาแต่หลบอยู่อย่างนี้คงไม่เหมาะ ดูจงใจเกินไป แล้วนับประสาอะไรกับที่วันหน้าภูเขาลั่วพั่วเปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำหาเงินเทพเซียนมาจากเหล่าพี่น้องเทพธิดาเมื่อไหร่ หมี่อวี้ก็อยากดึงเจ้าหมอนี่มาทำด้วยกันจริงๆ อีกอย่างหากไม่ได้ตีกันก็คงไม่รู้จักกันนี่นะ ทุกวันนี้ก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่หมี่อวี้ก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะระวังสักหน่อย หลินจวินปี้ที่เป็นคนฉลาดปานนั้น ลำพังเพียงแค่เล่นหมากล้อมไม่กี่ตาก็ถูกชุยตงซานเล่นงานเสียจนย่ำแย่ หมี่อวี้ที่ฝีมือเล่นหมากล้อมห่วยแตกก็ควรระวังตัวไว้จะดีกว่า

เฉินหน่วนซู่กระตุกชายแขนเสื้อของโจวหมี่ลี่ หมี่ลี่น้อยพลันฉลาดขึ้นมาทันควัน เอ่ยลาหนึ่งคำแล้วไปปัดกวาดเรือนไม้ไผ่เป็นเพื่อนพี่หญิงหน่วนซู่ หากบนโต๊ะหนังสือมีฝุ่นเกาะสักเม็ดก็ถือว่านางกับพี่หญิงหน่วนซู่แอบขี้เกียจ

ชุยตงซานผายมือบอกเป็นนัยให้เซียนกระบี่หมี่นั่งลง แล้วยิ้มร่าเอ่ยว่า “เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ เลื่อมใสมานาน เลื่อมใสมานาน”

หมี่อวี้นั่งลงอย่างระอาใจ เขานั่งฝั่งตรงข้ามกับเด็กหนุ่มชุดขาว ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก

ชุยตงซานพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าคือซงซานไงล่ะ”

หมี่อวี้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ใช่ว่าพวกเราจะไม่รู้จักกันเสียหน่อย”

ต่อให้เป็นพระโพธิสัตว์ก็ยังมีไฟโทสะได้สามส่วน ข้าผู้อาวุโสไม่ใช่เซียนกระบี่ แต่จะดีจะชั่วก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ ใต้หล้านี้มีผู้ฝึกกระบี่คนใดบ้างที่ไม่มีอารมณ์เกรี้ยวกราดบ้างเลย

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสองพี่น้องก็มาทำความรู้จักกันดีๆ ดีไหม?”

ชุยตงซานใช้เสียงในใจยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเสียหม่านเทียน ก่อนจะเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน ตอนที่ยังเป็นห้าขอบเขตล่างได้แอบออกจากเมืองไปลงสนามรบหกครั้ง ตอนเป็นห้าขอบเขตกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิด ยามลงมืออำมหิตรุนแรงเป็นที่สุด ผลงานการต่อสู้ถือว่าอยู่ในอันดับที่สองของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเดียวกัน กล้าต่อสู้อย่างลืมตัวกลัวตายมากที่สุด เพียงเพราะว่าเผ่าปีศาจที่มาเข่นฆ่าที่นี่ ขอบเขตไม่สูงมากนัก ต่อให้ตกอยู่ในทางตัน พี่ชายอย่างหมี่ฮู่ก็สามารถช่วยได้ น้องชายย่อมรอดชีวิต พอเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบ ลักษณะการเข่นฆ่าของหมี่อวี้ก็เปลี่ยนแปลงไปมากอย่างกะทันหัน กล้าๆ กลัวๆกลายเป็นตัวตลกของบ้านเกิด ในความเป็นจริงเพราะหากหมี่อวี้ตกอยู่ในอันตรายที่ต้องตายอย่างแน่นอน มีแต่จะเดือดร้อนทำให้พี่ชายต้องตายไปก่อน ต่อให้หมี่ฮู่ตายช้ากว่าน้องชาย แต่ก็เป็นไปได้เกินครึ่งว่าจะต้องตายอยู่ในสนามรบใหญ่ครั้งถัดไปอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็เป็นอย่างเซียนกระบี่เช่นพวกเถาเหวิน โจวเฉิงที่มีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ตรม อยู่ไม่สู้ตาย”

มือทั้งสองข้างของหมี่อวี้ที่อยู่ใต้โต๊ะกำเป็นหมัดแน่น ใบหน้าเขียวคล้ำ

ชุยตงซานใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง มืออีกข้างหนึ่งเขี่ยเมล็ดแตงเล่น เอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าอาจารย์ของข้าเล่าให้ข้าฟังหรอกนะ”

หมี่อวี้หัวเราะหยัน “ใต้เท้าอิ่นกวานไม่มีทางทำตัวน่าเบื่อแบบนี้แน่นอน!”

ชุยตงซานโคลงศีรษะ เปลี่ยนมือข้างใหม่ใช้เท้าคาง “ก็ใช่น่ะสิ ข้าค่อนข้างน่าเบื่อ ถึงได้ราดสุราลงบนบาดแผลในใจของคนอื่นเช่นนี้”

หมี่อวี้เอ่ย “ดูแคลนข้าก็บอกมาตรงๆ!”

ชุยตงซานส่ายหน้า “ตรงกันข้ามกันเลยด้วยซ้ำ ไม่กล้าพูดว่าหมี่อวี้ในใจของข้าคือวีรบุรุษชายชาตรีที่ถูกคนใส่ร้ายอะไร แต่กลับกล้าพูดว่าผู้ฝึกกระบี่หมี่อวี้คือคนตัวเป็นๆ ที่จริงแท้แน่นอน”

หมี่อวี้เกียจคร้านอย่างมาก แต่กับเรื่องบางเรื่องเขากลับค่อนข้างเอาจริงเอาจัง

ดังนั้นต่อให้ชุยตงซานจะอธิบายเช่นนี้ ไฟโทสะของหมี่อวี้ก็ยังลุกโชนสามจั้ง จะตีกันก็ตีไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อให้ตีกันจริงๆ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะสู้อีกฝ่ายได้ จะด่าก็ด่าไม่ได้ นั่นเป็นเพราะต้องด่าไม่ทันอีกฝ่ายแน่นอน

บวกกับที่สถานะของคนทั้งสองในตอนนี้แตกต่างจากในวันวาน นี่ยิ่งทำให้หมี่อวี้อัดอั้นมากกว่าเดิม

ชุยตงซานหัวเราะ “เรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วนก็คือ หมี่ฮู่มีคุณสมบัติดีเกินไป เมื่อเทียบกับน้องชายแล้ว พี่ชายฝึกกระบี่เร็วกว่า ขอบเขตสูงกว่า ถ้าอย่างนั้นสรุปแล้วหมี่อวี้จะสามารถปลดปล่อยฝีมือเต็มที่ เพื่อออกกระบี่สังหารปีศาจใหญ่อย่างแท้จริงได้เมื่อไหร่กันล่ะ?”

ชุยตงซานส่ายหน้า “ไม่มีโอกาสแล้ว ทุกวันนี้ขอบเขตยังต่ำไป เพราะถึงอย่างไรคอขวดขอบเขตหยกดิบไหนเลยจะฝ่าไปได้ง่ายขนาดนั้น ในฐานะควันธูปส่วนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ก็ยิ่งไม่อาจตายได้ ไม่อย่างนั้นจะรวมเอาส่วนของพี่ชายมาช่วงชิงไม่ให้ตัวเองได้ทุนคืนไม่ขาดทุนแล้วค่อยตายได้อย่างไร? ก็ช่างน่าอัดอั้นจริงๆ หากเปลี่ยนข้ามาเป็นเซียนกระบี่หมี่ ฝึกจิตใจได้กว้างขวางเปิดเผยเช่นข้า ไม่แน่ว่าอาจจะอัดอั้นยิ่งกว่านี้เป็นแน่”

ตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่อันเป็นบ้านเกิดของตน ผู้ฝึกกระบี่ชุยเหวยเคยพูดกับชุยตงซานอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘อาศัยอะไรข้าถึงต้องมาตายอยู่ที่นี่’

ชุยตงซานยอมรับได้อย่างมาก

ส่วนหมี่อวี้ผู้นี้ อันที่จริงชุยตงซานยอมรับได้มากยิ่งกว่า ส่วนความขัดแย้งบนหัวกำแพงเมืองในปีนั้น เป็นหมี่อวี้ที่ปากวอนหาเรื่องเอง เขาชุยตงซานก็แค่กระพือลมโหมไฟในเรื่องเล็กๆ ผลักเรือลอยตามน้ำในเรื่องใหญ่ๆ เท่านั้น อีกอย่างคนผู้หนึ่งเอ่ยประโยคที่แสดงถึงความโกรธไม่กี่คำจะเป็นไรไป แบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนก็คือลูกผู้ชาย เยว่ชิงที่ตายอยู่บนสนามรบเป็นเช่นนี้ หมี่อวี้ที่มีชีวิตอยู่ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

หมี่อวี้เดือดดาลอย่างหนักแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จ้องเด็กหนุ่มปากไร้หูรูดตรงหน้าเขม็ง ดวงตาแดงก่ำ ตวาดเสียงหนัก “ชุยตงซาน เจ้าหยุดพูดแต่พอสมควรให้ข้าผู้อาวุโสซะ!”

ชุยตงซานชูสองมือ “ก็ได้ๆ คนบ้านเดียวกันพูดประโยคไม่น่าฟังแค่ไม่กี่คำก็รับไม่ไหวแล้วหรือ? วันหน้ารอให้วิถีทางโลกของแจกันสมบัติทวีปกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เปลี่ยนมาเป็นคนนอกที่เอาเรื่องนี้มาหัวเราะเยาะเจ้าหมี่อวี้ แล้วถือโอกาสหัวเราะเยาะภูเขาลั่วพั่วที่เก็บเอาของเละเทะมาด้วย เซียนกระบี่ใหญ่หมี่จะไม่แสดงบทละครเก่าๆ ซ้ำเดิม มัวแต่แอบดอดออกไปข้างนอก ลงจากภูเขาไปหลบคนทุกวัน หลบจนหัวคนกองกันเป็นภูเขา คมกระบี่ม้วนงอเลยหรอกหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!