กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 721

เพียงไม่นานบนสนามรบเบื้องหน้า ตรงจุดที่ใกล้กับเผ่าปีศาจซึ่งกรูกันมาถึงก็มีแสงสว่างเจิดจ้ากลุ่มหนึ่งเปล่งวาบขึ้นมา

ฝูหนันหัวฟุบตัวลงบนราวระเบียง หันหน้าไปมองซ่งมู่ที่หรี่ตาจับตามองดูทิศทางการดำเนินไปของสนามรบ ฝ่ายหลังยกมือข้างหนึ่งขึ้นคล้ายมีความคิดบางอย่าง จึงเรียกเลขาธิการฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งมา ใช้เสียงในใจเอ่ยบอก ฝ่ายหลังจึงทะยานลมตรงไปยังห้องประชุม

ฝูหนันหัวเก็บสายตากลับคืนมา รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

สถานะของอ๋องเจ้าเมือง คุณสมบัติของสิงห์ร้ายผู้เห่อเหิม

นอกจากเบื้องหน้าขุนเขาใต้ที่อยู่ด้านหลังนครมังกรเฒ่าแล้ว กองทัพม้าเหล็กสองกองของต้าหลีได้มารอคอยให้นครมังกรเฒ่าถูกตีแตกอย่างสงบนานแล้ว ทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแจกันสมบัติทวีปก็มีเส้นแนวรบสองเส้นที่เริ่มการเข่นฆ่าแล้วเช่นกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ดุเดือดรุนแรงเหมือนเส้นแนวรบของนครมังกรเฒ่า เพียงแต่คำว่า ‘ไม่มากเท่า’ นี้ เป็นเพียงแค่การพูดถึงผู้ฝึกตนบนภูเขาเท่านั้น เพราะจำนวนคนของกองทัพชายแดนต้าหลีและกองทัพของแคว้นใต้อาณัติที่รบตายไปล้วนเพิ่มขึ้นพรวดพราดทุกวัน

แน่นอนว่ากองทัพม้าเหล็กต้าหลีที่ปักหลักอยู่เส้นแนวหน้าสุดต้องตายก่อน อีกทั้งยังตายมากยิ่งกว่า

ทว่าก็มีกองทัพชายแดนแคว้นใต้อาณัติบางส่วนที่ราชวงศ์ต้าหลีรู้สึกว่าพลังการต่อสู้ใช้ได้ที่คอยประสานงานให้ความช่วยเหลืออยู่ที่เส้นแนวรบแรกเช่นกัน

ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความแกร่งกล้าที่แท้จริงของแคว้นใต้อาณัติหล่านี้ก็ยังคงไม่ถูกกองทัพม้าเหล็กต้าหลีให้ความสำคัญสักเท่าไร

สนามรบของพื้นที่ในการควบคุมแห่งหนึ่งที่สกุลเจียงอวิ๋นหลินเป็นผู้ดูแล สงครามใหญ่เพิ่งปิดฉากลง ภายใต้แสงสายันต์ เลขาธิการฝ่ายบุ๋นบู๊ของต้าหลีรับผิดชอบทำหน้าที่จัดหาพลทหารมาเก็บกวาดสนามรบ คนที่มีชาติกำเนิดจากกองทัพม้าเหล็กต้าหลีค่อนข้างมีน้อย ที่มากกว่าคือคนของแคว้นใต้อาณัติ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนบนภูเขาหรือทหารแม่ทัพล่างภูเขาก็ล้วนเป็นเช่นนี้ ต่อให้ศึกใหญ่ปิดฉากลงแล้ว ทหารกล้าของแคว้นใต้อาณัติที่ไม่ต้องไปพลิกกองศพคนตายก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล การเข่นฆ่าในแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น ความสามารถในการสู้รบต่างกันมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่นในอดีตตอนที่กองทัพม้าเหล็กต้าหลีกรีฑาทัพลงใต้บดขยี้แต่ละแคว้นก็ยิ่งเห็นกันอย่างชัดเจน พวกเขาเพิ่งจะรู้เรื่องหนึ่ง ปีนั้นกองทัพม้าเหล็กแต่ละกองที่ลงใต้ไม่ได้มีโอกาสที่จะแสดงความสามารถที่แท้จริงทั้งหมดสักเท่าไรเลย

ทหารกล้าของต้าหลีหลายสิบคนที่ทำแผลเรียบร้อยแล้วมานั่งรวมกันอยู่บนเนินเล็กแห่งหนึ่ง มองไปยังสนามรบที่ห่างไปไม่ไกล

อันที่จริงคนเกินครึ่งล้วนมาจากกองทัพชายแดนแคว้นใต้อาณัติของต้าหลี มีเพียงสามคนที่ถึงจะเป็นคนของกองทัพม้าเหล็กต้าหลีอย่างแท้จริง ทว่าพอทำสงครามกันหลายครั้งที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาถึงได้กลมเกลียวกันมากขึ้น คำว่ากลมเกลียวที่ว่านี้ก็คือสามารถคุยเล่นกันได้หลายคำ

ทหารหนุ่มคนหนึ่งที่มาจากแคว้นใต้อาณัติของต้าหลีเอ่ยเสียงเบาว่า “ใต้เท้าเสี้ยวเว่ย (ตำแหน่งทหารฝ่ายบู๊ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของจีน) ตามคำกล่าวของเทพเซียนผู้เฒ่าเหล่านั้น ได้ยินมาว่าคนตายก็คือตายไปแล้ว ส่วนใหญ่หากตายก็คือหายไปจริงๆ มีบางส่วนที่อาจกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนซึ่งกลับมาได้ในเจ็ดวันแรก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถึงจะมีโอกาสกลายเป็นภูตผี”

แม่ทัพบู๊ที่ถูกเรียกว่าเสี้ยวเว่ยคนนั้นมีใบหน้าสะอาดสะอ้าน หากไม่เป็นเพราะบาดแผลบนร่างของเขา ไม่อย่างนั้นเวลานี้หากโยนเอาไปไว้ในบ้านเกิดที่เป็นแคว้นใต้อาณัติ บอกว่าเขาเป็นปัญญาชนผู้มีความรู้ก็น่าจะมีคนเชื่อ

เพียงแต่ว่าใต้เท้าเสี้ยวเว่ยผู้นี้ แน่นอนว่าเป็นอดีตขุนนางเก่าในกลุ่มของแคว้นใต้อาณัติไปแล้ว ทุกวันนี้อย่าว่าแต่เสี้ยวเว่ยเลย แม้แต่ตูเว่ย (ลำดับขุนนางฝ่ายบู๊ที่เป็นรองจากแม่ทัพใหญ่) ก็ยังเป็นไม่ได้ ได้แต่ช่วงชิงตำแหน่งรองตูเว่ยมาจากกองทัพชายแดนต้าหลีเท่านั้น แล้วยังเป็นเพราะอาศัยคุณความชอบก่อนหน้านี้ไม่นานมาเลื่อนขั้นด้วย ก่อนที่จะเกิดสงครามในวันนี้ เดิมทีเขายังเป็นแค่หนึ่งในรองตูเว่ยสามคนเท่านั้น ตอนนี้กลับไม่มีหนึ่งไม่หนึ่งอะไรแล้ว เพราะคาดว่าต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนจึงจะกลับมาเป็นหนึ่งในได้อีกครั้ง

เขาพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “ทุกวันนี้ขุนเขาสายน้ำอันเป็นบ้านเกิดยังคงอยู่ ตายเร็วหน่อยก็จะได้กลับบ้านเร็วหน่อย ไม่ใช่ว่าตายช้าไป กลายเป็นว่าบ้านไม่อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นอยากตายก็คงไม่รู้แล้วว่าจะไปตายที่ไหน เดิมทีโชคดียังได้อยู่มองดูอีกหลายที กลับจะกลายเป็นโชคไม่ดีแทน”

ในความเป็นจริงแล้วใต้เท้าเสี้ยวเว่ยที่มีชื่อว่าเฉิงชิงผู้นี้มีชาติกำเนิดมาจากจิ้นซื่ออย่างสมชื่อจริงๆ

เฉิงชิงหันหน้าไปมองใต้เท้าตูเว่ยที่อยู่ข้างกายแล้วเอ่ยสัพยอกว่า “ต้าหลีของพวกเจ้าอยู่ทิศเหนือสุด ไปได้ง่าย”

ตูเว่ยหวังจี้มีชาติกำเนิดจากทหารลาดตระเวนชายแดนของกองทัพต้าหลี อายุพอๆ กับเฉิงชิง แต่ตอนที่เข้าร่วมกองทัพ เฉิงชิงกลับยังเป็นเด็กหนุ่ม ยังคงตรากตรำศึกษาตำราอริยะปราชญ์

เฉิงชิงเคยถามคำถามที่อยากได้คำตอบมานานแล้วข้อหนึ่ง เหตุใดกองทัพม้าเหล็กต้าหลีถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้

ชายฉกรรจ์ที่เป็นตูเว่ยกองทัพต้าหลีมาหลายปี อันที่จริงก็แค่หน้าแก่ เขาเพิ่งจะอายุสี่สิบกว่าๆ เท่านั้นชายฉกรรจ์คิดอยู่นานถึงได้ให้คำตอบที่ไม่ถือว่าเป็นคำตอบ บอกว่าตอนที่ข้าเพิ่งมาเข้าร่วมกองทัพชายแดน ครั้งแรกที่โดนดาบจากกองทัพศัตรู พอเห็นกระดูกของตัวเองโผล่ ถูกนายกองผู้เฒ่าแบกขึ้นหลังไปทำแผลก็ยังไม่กล้าแหกปากร้องดังสักเท่าไร อันที่จริงนายกองผู้เฒ่าคงไม่ตำหนิ มีแต่ตัวข้าที่โทษตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นลูกผู้ชายมากพอ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแสร้งทำเป็นลูกผู้ชายให้ได้ กระทั่งภายหลังถึงได้เคยชินไปเอง

ทหารกองทัพชายแดนที่เป็นคนต้าหลีแต่กำเนิดซึ่งมีใบหน้าเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “อะไรที่เรียกว่า ‘ต้าหลีพวกเจ้า’? เจ้าอธิบายให้นายท่านอย่างข้าฟังให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้!”

หวังจี้หน้าแก่ก็หน้าแก่จริงๆ ส่วนใบหน้าเด็กหนุ่มก็คือเด็กหนุ่มจริงๆ เพิ่งจะอายุสิบหกปี แต่กลับเป็นทหารกองทัพชายแดนต้าหลีอย่างแท้จริง

เด็กหนุ่มนินทาในใจไม่หยุด ตอนแรกที่พล่ามคำพูดสวยหรูก็อดทนกับเจ้าแล้ว ว่ากันว่าไอ้หมอนี่เป็นคนที่โยนพู่กันมาร่วมกองทัพอะไรนั่น สรุปก็คือเคยอ่านตำรามาสี่ห้าเล่มรู้จักตัวอักษรมากหน่อย พอเห็นแสงสนธยาที่อาบขอบฟ้าก็บอกว่าเหมือนแก้มแดงๆ ของสตรีที่ชื่นชอบ แล้วยังบอกด้วยว่าแสงจันทร์ก็ประจบสอพลอผู้มีอำนาจ ปั้นปึ่งกับผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นแสงจันทร์ยามค่ำคืนอาบทออยู่บนผ้าแพรต่วน แต่เหตุใดแสงจันทร์จะต้องงดงามกว่ายามที่สาดส่องผ้าป่านผ้าฝ้ายด้วยเล่า?

พล่ามคำพูดไร้สาระที่คนข้างๆ ฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อยพวกนี้ มารดาเจ้าเถอะ เจ้ามีความรู้มากขนาดนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเจ้าตัดหัวเดรัจฉานเผ่าปีศาจได้มากกว่าข้าผู้อาวุโสสักกี่หัวเลย ทำไมไม่ไปเป็นเจ้ากรมพิธีการเสียเลยเล่า?

เฉิงชิงหัวเราะ “ก็ได้ๆๆ นายกองหม่าพูดถูกแล้ว”

เด็กหนุ่มแซ่หม่ามักบอกว่าตัวเองแซ่หม่า (ม้า) ดังนั้นถึงได้มาเกิดที่ต้าหลีของพวกเรา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาเป็นส่วนร่วมกับกองทัพม้าเหล็กต้าหลีให้จงได้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!