กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 730

โจวมี่หันหน้ามองไปยังอาณาเขตของขุนเขาใหญ่แสนลี้ทางทิศใต้ที่ห่างไกล ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เผ่าปีศาจป๋ายเจ๋อ ช่วยพูดจาแทนใต้หล้าไพศาล เจี่ยเซิงเผ่ามนุษย์ ช่วยวางแผนให้กับใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เจ้าคิดว่ายังมีพันธมิตรตามธรรมชาติคู่ไหนที่เหมาะสมกันยิ่งกว่าพวกเราสองคนอีกหรือ?”

หลีเจินเอ่ย “น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จ”

โจวมี่กล่าว “น่าเสียดายจริงๆ”

หลีเจินกล่าวอย่างปลงอนิจจัง “วิธีการของเจี่ยเซิงช่างอำมหิตจริงๆ”

โจวมี่ยิ้มเอ่ย “แผนโจ่งแจ้งต้องใช้ แผนในมุมมืดก็ต้องใช้ หากสามารถเอาแผนในที่มืดมาใช้เหมือนแผนเปิดเผยได้ ก็คือผู้ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ของสำนักการทหาร”

หลีเจินพึมพำเบาๆ “ปีนั้นศาลบุ๋นไม่ควรปล่อยให้ท่านมีชีวิตรอดออกมาจากใต้หล้าไพศาลเลย อย่างน้อยที่สุดตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ควรจะทำให้ท่านเจี่ยเซิงตายไปเฉียบพลันอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย”

โจวมี่เพียงแค่ส่ายหน้า

หลีเจินถาม “สรุปแล้วท่านต้องกินปีศาจใหญ่ไปมากอีกแค่ไหนถึงจะยอมเลิกรา? ข้าประหลาดใจนัก ตอนนี้ขอบเขตของท่านแค่ขอบเขตสิบสี่จริงหรือ? ท่านกับอาจารย์ของข้า…”

โจวมี่โบกมือ “อะไรที่ไม่ควรรู้ก็อย่าถามให้มากความ แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก”

กระบี่ที่หลิวชาปล่อยไปอย่างเต็มกำลังเพื่อสังหารป๋ายเหย่ อยู่ในทะเลสาบที่เกิดจากแม่น้ำแห่งกาลเวลาหยุดชะงัก แต่กลับคล้ายว่าอยู่ดีๆ ทะเลสาบนั้นกลายมามีท้องน้ำอีกครั้ง เป็นเหตุให้กระบี่เซียนสี่เล่มที่ป๋ายเหย่ถืออยู่ในมือสังหารปีศาจใหญ่บนบัลลังก์สี่ตนจริงๆ หลังจากนั้นป๋ายเหย่ก็เผาผลาญปราณวิญญาณและบทกวีที่ภาคภูมิใจที่สุดในใจจนหมดสิ้น ต่อมาก็ถูกโจวมี่พลิกทวนกระแสน้ำแห่งกาลเวลาช่วงนั้นให้ไหลย้อนกลับ หลงเหลือเพียงป๋ายเหย่ที่ร่างดับกระบี่หักอยู่ตรงท่าเรือของแม่น้ำแห่งกาลเวลาเพียงลำพัง หมื่นสรรพสิ่งในฟ้าดินของหนึ่งทวีป แม้แต่หกราชาบนบัลลังก์และหลิวชาที่ใช้หนึ่งกระบี่สังหารป๋ายเหย่ก็ล้วนกลับคืนมายังทะเลสาบแห่งกาลเวลาทั้งสิ้น

เพียงแต่ว่าช่วงเวลาระหว่างนี้ ชั่วขณะที่ป๋ายเหย่สัมผัสได้ว่าเชี่ยอวิ้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็คือเจี่ยเซิง มือของเขาก็ได้ถือกระบี่ไท่ป๋ายสังหารเชี่ยอวิ้นแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ป๋ายเหย่ที่ถูกหลิวชาออกกระบี่สังหารก็ได้ปล่อยจิตหยินออกเดินทางไกลเช่นเดียวกัน ใช้วิธีการของผู้อื่นมาเล่นงานคนผู้นั้นเอง พลิกกระแสน้ำให้ไหลทวนกลับขึ้นเบื้องบน ใช้ค่าตอบแทนที่กระบี่เซียนต้องพังทลายออกกระบี่อีกครั้งเพื่อสังหาร ‘ป๋ายอิ๋ง’ กระทั่งบัดนี้โจวมี่ถึงได้คลายตราผนึกของทะเลสาบ แม่น้ำแห่งกาลเวลาจึงกลับคืนมาเป็นปกติอีกครั้ง กระแสน้ำไหลหลั่งท่วมท้นฟ้าดิน

ดังนั้นต่อจากนั้นแม่น้ำแห่งกาลเวลาของฟ้าดินถึงได้วุ่นวายปั่นป่วนถึงเพียงนั้น

นี่ก็เพื่อให้ป๋ายเหย่ในอนาคตออกไปให้ไกลห่างป๋ายเหย่ในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ไม่มีตบะขอบเขตสิบสี่อีกต่อไป สูญเสียกระบี่เซียนไท่ป๋ายไปอย่างสิ้นเชิง นับแต่นี้ป๋ายเหย่จะไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินไปของสถานการณ์ใหญ่อีก หลังจากนั้นในอนาคตอีกร้อยปีพันปี ป๋ายเหย่จะสามารถกลับคืนมาสู่ยอดเขาได้ดังเดิมหรือไม่ โจวมี่ไม่เพียงแต่ไม่กริ่งเกรง กลับกันยังเต็มไปด้วยความคาดหวังรอคอย

หลีเจินพลันเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “ป๋ายอิ๋งคือ…ร่างจิตหยางกายนอกกายของท่านหรือ? แล้วก็เพราะท่ามกลางขั้นตอนการฝึกตนได้มีจิตวิญญาณมากมายสอดแทรกเจือปนมาด้วย จึงทำให้ ‘ป๋ายอิ๋ง’ เข้าใจว่าตัวเองคือป๋ายอิ๋ง?”

โจวมี่ยิ้มเอ่ย “เหตุใดกวนจ้าวถึงบอกว่าตัวเองคือคนโง่เล่า ข้าว่าไม่ใช่เลย ดังนั้นข้าจึงให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ผู้สืบทอดของภูเขาทัวเยว่เช่นเจ้าเสมอมา หากไม่เป็นเพราะมีเรื่องไม่คาดฝันเล็กๆ อย่างอิ่นกวานหนุ่มออกมาสู้รบแทนหนิงเหยาเกิดขึ้น ‘หลีเจิน’ ในทุกวันนี้ก็จะสามารถรู้เรื่องวงในได้มากกว่าเดิม แน่นอนว่า ‘เทียนเจิน’ หนึ่งในสี่กระบี่เซียนนั้น หากไม่ถูกทำลายก็ต้องกลายมาเป็นหนึ่งในวัตถุแห่งชะตาชีวิตของข้า”

หลีเจินถาม “โจวมี่ หลายพันปีที่ผ่านมานี้ สรุปแล้วท่าน ‘ผสานมรรคา’ กับปีศาจใหญ่ไปกี่มากน้อยกันแน่?”

คำว่าผสานมรรคาขอบเขตสิบสี่ของโจวมี่ก็คือการกิน กินเจ้าอารามดอกบัว กินเหย้าเจี่ย กินเชี่ยอวิ้น ผสานจิตหยางของ ‘ป๋ายอิ๋ง’ ก็ไม่ใช่การกินอยู่ดีหรอกหรือ

ในความเป็นจริงแล้วยังมีปีศาจใหญ่บนบัลลังก์อย่างหวงหลวนที่ขอบเขตถดถอยไปอยู่ก่อกำเนิดอีกคน!

ส่วนหวานเหยียนเหล่าจิ่งขอบเขตบินทะยานของเกราะทองทวีปที่คิดว่าตัวเองยังพอจะมีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ ได้ จุดจบเป็นอย่างไร? ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของโจวมี่ ยังจะเป็นอย่างไรได้อีก

ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ไม่ว่าใครก็พบเจอกับโจวมี่ได้ไม่ง่าย คนที่โจวมี่จะพบหน้า ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนรุ่นเยาว์ที่ควรค่าแก่การอบรมปลูกฝัง ไม่อย่างนั้นไม่จำเป็นต้องให้โจวมี่ขัดขวาง ก็ย่อมต้องมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดของภูเขาทัวเยว่มาช่วยขัดขวางให้อยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้การที่บัลลังก์ของโจวมี่อยู่อันดับที่สองจึงทำให้ใต้หล้าเปลี่ยวร้างรู้สึกมาโดยตลอดว่าเป็นแค่การกระทำที่เกิดจากความตั้งใจของภูเขาทัวเยว่เท่านั้น ราวกับว่าเพียงแค่เพราะภูเขาทัวเยว่ต้องการบุคคลที่สมองดีพอและช่วยถ่ายทอดข้อความได้เท่านั้น

ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาผู้คนจึงคิดว่ามหาสมุทรความรู้โจวมี่อย่างมากก็เป็นแค่ขอบเขตบินทะยานยอดเขาสูงสุด เป็นราชาบนบัลลังก์ที่ลำดับขั้นสูงมากแต่พลังการต่อสู้ค่อนไปทางท้ายคนหนึ่ง

ส่วนปีศาจใหญ่ป๋ายอิ๋งบนบัลลังก์โครงกระดูกก็แทบจะไม่เคยลงมือเข่นฆ่ากับราชาบนบัลลังก์หรือขอบเขตบินทะยานคนอื่นเลย ชอบวางแผนอย่างลับๆ ล่อๆ ขุดดินลึกสามฉื่อ คอยเล่นงานพวกปีศาจที่แอบพักรักษาอาการบาดเจ็บโดยเฉพาะ และยังมีคำเล่าลือกันว่าเขาชอบจับปีศาจเหล่านั้นมาหลอมเป็นหุ่นเชิด ดังนั้นมองดูเหมือนพลังการสู้รบของป๋ายอิ่งไม่สูง แต่ขึ้นชื่อเรื่องมีทรัพย์สมบัติมหาศาล รวมไปถึงกลอุบายที่ลึกล้ำแยบยล

และป๋ายอิ๋งเองก็ไม่เพียงแต่มีหลงเจี้ยนข้ารับใช้ถือกระบี่ที่จำแลงมาจากกะโหลกศีรษะของหลงจวิน ยังมีกระบี่ยาวที่หลอมขึ้นมาจากเศษเสี้ยวจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของกวนจ้าวเล่มหนึ่งด้วย

ป๋ายอิ๋งทำอะไรคู่ควรแก่คำกล่าวที่ว่าไร้ซึ่งข้อห้ามและความยำเกรงจริงๆ

หลีเจินรู้สึกจนใจไม่น้อย และยิ่งรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเป็นทบทวี เขาถึงขั้นทรุดตัวลงนั่งยองอีกครั้งแล้วถอนหายใจดังเฮือกๆ

ต่อให้เป็นหลีเจินที่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเป็น ‘แม่น้ำแห่งกาลเวลา’ ก็ยังไม่กล้าพูดว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นในสายตาก็คือความจริง

ในหลายๆ ครั้งมองเห็นความจริงส่วนหนึ่งก็มักจะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าความจริงก็เป็นเช่นนั้น

ก็แค่ว่ายิ่งคนธรรมดาคิดว่าตัวเองเข้าใจถูกต้องมากเท่าไร ชีวิตก็จะยิ่งผ่อนคลายมากขึ้นเท่านั้นเอง ทั้งบนและล่างภูเขาล้วนเป็นเช่นนี้

หลีเจินคือข้อยกเว้น

หลีเจินพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ก็เกือบจะหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

เล่าลือกันว่าในประวัติศาสตร์ปีศาจใหญ่ป๋ายอิ๋งเคยถามคำถามหนึ่งกับโจวมี่มหาสมุทรความรู้ อาจารย์โจวต้องการเป็นเจ้าแห่งวัฒนธรรมและการศึกษาของใต้หล้าเปลี่ยวร้างใช่หรือไม่

ดูเหมือนว่าคำตอบของโจวมี่จะมีเพียงสองคำ ‘ไม่พอ’

หลีเจินเงยหน้าขึ้นเหม่อมองบัณฑิตที่แต่งตัวด้วยชุดสีเขียวของปัญญาชน

บัณฑิตน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!