กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 730

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังเต็มไปด้วยอันตรายรายล้อม หากไม่เป็นเพราะมีเซียนกระบี่นอกเหนือจากป๋ายเหย่ออกกระบี่ขัดขวาง เกรงว่าอวี๋เสวียนคงต้องถูกเด็กหญิงมัดผมแกละคนหนึ่งต่อยให้ร่วงลงมายังโลกมนุษย์แล้ว

เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าโจวมี่ผู้นั้นไม่รู้ร่ายใช้วิธีการอะไร ถึงสามารถปิดฟ้าข้ามทะเล เอาดวงจิตเม็ดหนึ่งฝังมาไว้ในยันต์ได้ แล้วก็คอยติดตามเขามาตลอดทางจนมาถึงที่นี่ แม้กระทั่งอวี๋เสวียนเองก็ต้องรอให้ร่างลดลงพื้นก่อนถึงอาศัยสัญชาตญาณทำให้สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ ‘ทุบไหที่แตกให้แหลก’ ไปเลย ยินดีทำลายยันต์ที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นวัตถุที่เกี่ยวพันกับรากฐานมหามรรคาให้แตกสลายไปสิ้น ดีกว่ายอมให้เรื่องไม่คาดฝันหนึ่งในหมื่นนั้นเกิดขึ้น และเรื่องจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการกระทำนี้ของฝูลู่อวี๋เสวียนถือว่าเดิมพันถูกต้อง

โจวมี่ถึงขั้นคร้านจะเก็บเอาดวงจิตที่ใช้แสงจันทร์แห่งชะตาชีวิตของเซอเยว่ช่วยอำพรางกลับมาด้วยซ้ำ เลือกที่จะสลายหายไปพร้อมกับยันต์สีทองแผ่นนั้น หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกปรมาจารย์มหาปราชญ์กักตัวไป

นอกซากปรักตำหนักดวงจันทร์แห่งนั้น ฝูลู่อวี๋เสวียนพลันนั่งแปะลงบนพื้น ในมือถือฝักกระบี่ไท่ป๋ายที่ป๋ายเหย่กำชับไว้ว่าต้องเอาไปคืนให้กับอารามเสวียนตูใหญ่ ผู้เฒ่าพูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “ท่านย่ามันเถอะ จะไม่เป็นวีรบุรุษอีกแล้ว”

เพียงแต่ไม่นานผู้เฒ่าก็ลูบหนวดยิ้ม “ช่างแม่งกับขอบเขตสิบสี่มันเถอะ ข้าผู้อาวุโสสะใจนัก!”

ก้มหน้าลงมอง บนหนวดเคราสีขาวหิมะมีคราบเลือดติดเกรอะ ลูบหนวดเหมือนบิดหนวดเสียมากกว่า จึงเริ่มก่นด่าเจ้าสุนัขเจี่ยเซิงอีกครั้ง

ด่าจบอวี๋เสวียนกำลังจะลุกขึ้นยืน ไปอยู่ให้ห่างสถานที่อันตรายแห่งนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีกระดาษหนังสือหน้าหนึ่งปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่า พลิ้วร่วงลงมาเบื้องหน้าอวี๋เสวียน

ผู้เฒ่าเอื้อมมือไปคว้า ร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากพาไปไกล ราวกับว่าฝูลู่อวี๋เสวียนจะถูกหนังสือหน้าหนึ่งพาไปยังธารดาราอันยิ่งใหญ่ไพศาลนั้น

ด้านบนมีบทกลอน ‘กลุ่มดวงดาวพร่างพราวในทางช้างเผือก ดุจกรูเกลื่อนจากอ้อมกอดแห่งมหาสมุทร’

รวมไปถึงประโยคหนึ่งที่อยู่ด้านข้างคล้ายเป็นคำอธิบายว่า ‘ฝูลู่อวี๋เสวียน ผสานมรรคาที่นี่’

อวี๋เสวียนยืนอยู่บนยันต์ที่พลันขยายใหญ่เหมือนเรือกลวง คล้ายกำลังเดินทางไกลอยู่บนมหามรรคา ดุจเซียนล่องลอยอยู่บนมหาสมุทรดวงดาว

อวี๋เสวียนกราบคำนับตามพิธีการของลัทธิเต๋า

ในทะเลสาบหัวใจมีริ้วคลื่นกระเพื่อมขึ้นมา “อวี๋เสวียนเที่ยงตรงยิ่งใหญ่ไพศาลนัก”

อวี๋เสวียนหัวเราะฮ่าๆ “ปรมาจารย์มหาปราชญ์ชมเกินไปแล้ว ชมเกินไปแล้ว”

ทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่ โจวมี่คลายตราผนึกฟ้าดินเล็กออก เหยียบย่างเข้าไปยังนกในกรงที่อยู่บนหัวกำแพงเมืองฝั่งตรงข้าม

โจวมี่หลุดหัวเราะพรืด มือกระบี่สองคนราวกับว่าอยู่กันคนละขอบฟ้า ต่างคนต่างดื่มเหล้าของตัวเอง

หลิวชาลุกขึ้นยืนก่อน ฝ่าตราผนึกฟ้าดินของนกในกรงเล่มนั้นกลับคืนไปยังทักษินาตยทวีปอีกครั้ง ฟังจากความหมายของโจวมี่ก็คือ ในเมื่อได้สามทวีปมาแล้ว ต่อจากนี้ก็ต้องให้ผู้รอบรู้คนนั้นอยู่ไม่สุขช่วงบั้นปลายบ้างแล้ว พยายามยึดเอาทักษินาตยทวีปและบุรพแจกันสมบัติทวีปมาให้ได้ในเวลาเดียวกัน สนามรบของนาตยทวีปที่เป็นหนึ่งในนั้นจะยกให้กับหลิวชา ให้เขาถามกระบี่แก่เฉินฉุนอันผู้เดียว เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องสนใจ

เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “เฒ่าตาบอดสังหารไม่ง่ายสินะ?”

โจวมี่กวาดตามองไปรอบด้าน พยักหน้ารับ “ฆ่าได้ยากกว่าใต้เท้าอิ่นกวานอยู่สักหน่อย”

เฉินผิงอันโยนกาเหล้าในมือใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ ถามว่า “สังหารป๋ายเหย่ได้อย่างไร?”

โจวมี่ตอบไม่ตรงคำถาม “เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับไม่เคยเห็นป๋ายเหย่ออกกระบี่ ช่างน่าเสียดายนัก”

เฉินผิงอันเอ่ย “วันหน้าป๋ายเหย่สามารถดูข้าออกกระบี่ได้”

โจวมี่หัวเราะ ประโยคนี้ของอิ่นกวานหนุ่ม ฟังดูแล้วมีพลังองอาจทะยานเข้าไปถึงชั้นเมฆ คนธรรมดาฟังแล้วก็มีแต่จะคิดว่าอิ่นกวานหนุ่มตาสูงมองไม่เห็นหัวใคร แม้แต่ป๋ายเหย่ก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา แต่โจวมี่กลับรู้ว่า นี่คือเหตุผลข้อหนึ่งที่เฉินผิงอันบัณฑิตแห่งใต้หล้าไพศาลพูดกับเจี่ยเซิงไพศาล

เรื่องน่าเสียดายมักจะทำให้คนผิดหวังเสมอ

แต่ข้าก็จะยังทำในเรื่องที่ไม่ทำให้คนอื่นผิดหวัง

โจวมี่มองสุนัขไร้บ้านที่ไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าเขาพูดจาใหญ่โตอย่างไร้ยางอายหรือควรบอกว่าเขามีจิตใจซื่อบริสุทธิ์ดีตัวนี้ เขาถึงกับมีน้ำอดน้ำทนกับอีกฝ่ายมากเป็นพิเศษ จึงเอ่ยเนิบช้าว่า “นั่นก็เพราะคนคนหนึ่งไม่เคยผิดหวังอย่างแท้จริงมาก่อน”

เฉินผิงอันหรี่ดวงตาทั้งคู่ลง น้ำเสียงของเขาก็เนิบช้าเช่นเดียวกัน “เคยมีเด็กหญิงคนหนึ่งระหว่างที่เดินทางลี้ภัยหนีเอาชีวิตรอด ได้เห็นกับตาตัวเองว่ามารดาแท้ๆ ของตนแอบสามีกับบุตรสาวกินหมั่นโถว เด็กน้อยเพียงแค่มองภาพนั้นอย่างเฉยชา เจ้าว่านางผิดหวังหรือไม่ สิ้นหวังหรือไม่? ก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน สามารถเปลี่ยนได้ เป็นบัณฑิตแล้วร้ายกาจนักหรือ? ความผิดหวังจะต้องใหญ่กว่าคนอื่นหรือ? ข้าว่าไม่แน่เสมอไปหรอก”

โจวมี่ส่ายหน้า “เหตุผลเป็นเหตุผลที่ดี แต่ยังเล็กไปหน่อย”

อิ่นกวานหนุ่มพลันคลี่ยิ้ม “นั่นมันก็แน่อยู่แล้ว ผู้เยาว์อายุน้อย ความรู้ตื้นเขิน ไหนเลยจะสามารถเปรียบเทียบกับ เหตุ ผล ใหญ่ ของมหาสมุทรความรู้โจวมี่ได้”

โจวมี่เอาสองมือไพล่หลัง “สรุปแล้วต้องสังหารตัวเองไปกี่มากน้อยกันแน่ ถึงจะยอมรับชะตาอย่างแท้จริง แล้วค่อยเปลี่ยนฟ้าผลัดดินไปทีละก้าว”

สีหน้าเฉินผิงอันไร้อารมณ์

ร่างของโจวมี่หายวับไปแล้ว แม้แต่นกในกรงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงการมาเยือนและการจากไปของคนผู้นี้

เฉินผิงอันคีบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น ยืนยันให้แน่ใจว่าร่างของตนอยู่ในฟ้าดินของใครกันแน่

โจวมีมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเฉินผิงอัน ยิ้มเอ่ยว่า “ขี้ขลาดขนาดนี้ เป็นอิ่นกวานได้อย่างไร?”

เฉินผิงอันเก็บยันต์ลงไป

โจวมี่กล่าว “คาดหวังปราณโชติช่วงของผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบของเจ้ามาก”

เฉินผิงอันยังคงไม่เอ่ยอะไร

กำแพงเมืองปราณกระบี่ที่อยู่นอกฟ้าดินสองแห่ง วิญญาณวีรบุรุษเซียนกระบี่ที่ในอดีตเคยเดินออกมาจากม้วนภาพวาดเริ่มจัดขบวนรบ สามารถลดทอนตบะของโจวมี่ได้มากน้อยแค่ไหนก็แค่นั้น

โจวมี่ยิ้มกล่าว “โอสถทองแตกแล้วแตกอีก ถึงเลื่อนเป็นขอบเขตยอดเขาได้ แล้วก่อกำเนิดล่ะ? ไม่สู้ใช้การถดถอยของขอบเขตผู้ฝึกลมปราณมาแลกเปลี่ยนเป็นขอบเขตปลายทางของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวไหมเล่า?”

เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง หากไม่ได้จริงๆ ก็ทุ่มกำแพงเมืองปราณกระบี่อีกครึ่งหนึ่งนี้ทิ้งไปก็แล้วกัน

นี่ก็คือท่าไม้ตายสุดท้ายของเฉินผิงอันแล้ว เอาชีวิตหนึ่งชีวิตและกำแพงเมืองปราณกระบี่ครึ่งหนึ่งมาแลกเปลี่ยนกับมหามรรคาของปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ตนหนึ่ง อันที่จริงมูลค่าของกำแพงเมืองปราณกระบี่ครึ่งหนึ่งยังคงสูงมาก การค้าครั้งนี้ไม่คุ้มค่า แต่กลับน่าสนใจอย่างถึงที่สุด ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ตนหนึ่ง ใครเล่าจะยินดีเอามหามรรคามาแลกเปลี่ยน? คาดว่าหลงจวินคงเป็นคนที่สละทิ้งได้มากที่สุดแล้ว แต่กระนั้นก็ยังคอยพยายามหยั่งเชิงให้แน่ใจมาโดยตลอดว่าเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสได้ทิ้งวิธีการรับมือไว้เบื้องหลังจริงหรือไม่

ดูเหมือนว่าโจวมี่จะกำลังยืนยันให้แน่ใจว่าการตัดสินใจของอิ่นกวานหนุ่มผู้นี้น้อยหรือใหญ่เพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!