เผยเฉียนไม่สนใจการล้อมวงดูคนเล่นหมากล้อม แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ นับตั้งแต่เด็กนางก็คร้านจะใช้สมอง ไม่ได้หาเงินได้สักหน่อย ภายหลังอย่างมากก็แค่มองดูพวกเหล่าเว่ยกับเสี่ยวป๋ายฆ่ากันไปฆ่ากันมาบนกระดานหมากเท่านั้น
หลี่เป่าผิงยืนอยู่ด้านหลังของสตรีผู้นั้น มองดูคนเล่นหมากล้อมโดยไม่เอ่ยคำใด
จินเจินเมิ่งกับจูเหมยยืนอยู่ด้านหลังหลินจวินปี้ คนบ้านเดียวกันแน่นอนว่าต้องปกป้องคนบ้านเดียวกัน
หากไม่เป็นเพราะอวี้เจวี้ยนฟูเคยบอกว่าบรรพบุรุษบ้านตนเล่นหมากล้อมไม่เก่ง เพียงแค่ชอบแสร้งทำตัวสง่างาม ยืนกรานจะต้องทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ให้จงได้ ไม่อย่างนั้นเผยเฉียนก็คงเข้าใจผิดคิดไปว่าบรรพบุรุษสกุลอวี้ผู้นั้นสามารถเล่นหมากเอาชนะศิษย์พี่เล็กได้อย่างมั่นคงไปแล้ว
จากที่อวี้เจวี้ยนฟูเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัว แม้กระทั่งคำกล่าวที่ว่า ‘เด็กหนุ่มอัจฉริยะ’ ‘เทพผู้องอาจสง่างาม ใฝ่เรียนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย’ อะไรนั่น ก็ล้วนเป็นบรรพบุรุษของนางที่หลังจากได้ขึ้นเป็นประมุขตระกูลแล้วก็ได้เชิญคนให้มาแต่งคำเรียกขานนั่นอย่างส่งเดช อันที่จริงแล้วตอนเด็กเขาคือเจ้าอ้วนน้อยที่รักเงินเท่าชีวิต อายุน้อยๆ ก็เรียนรู้เรื่องการหาเงินและทำกิจการเป็นแล้ว
อวี้ชิงชิงยิ้มกล่าว “หลักการเล่นหมากล้อมของจวินปี้ยิ่งยอดเยี่ยมแล้ว”
กลยุทธ์แหลมแน่นหนาสยบว่างโล่ง (ศัพท์ทางหมากล้อม ภาษาจีนคือ 实尖虚镇 หมายถึงสถานการณ์หมากล้อมที่ฝ่ายตรงข้ามมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ให้ใช้การโจมตีแบบ ‘แหลม’ ส่วนการสยบว่างโล่งหมายถึงการสร้างพลังอำนาจให้กับตัวเองบนกระดานด้วยการโจมตีศัตรูในวงกว้าง) ถูกหลินจวินปี้สำแดงศักยภาพจนถึงแก่นสูงสุด เมื่อหลายปีก่อนหลิวจวินปี้มาเป็นแขกที่ตระกูลอวี้ ตอนนั้นฝีมือการเล่นหมากล้อมของหลินจวินปี้แสวงหาในคำว่ามหัศจรรย์สูงส่งยาวไกล มังกรเทพแปรเปลี่ยน ทว่าในช่วงสั้นๆ ที่กองกำลังบนกระดานหมากปะทะกันกลับเหมือนว่าจิตสังหารจะเข้มข้นเกินไป ตอนนี้ลักษณะการเล่นหมากล้อมเปลี่ยนไปแล้ว เริ่มลึกล้ำรัดกุม ไม่ผิดจังหวะไปแม้แต่ก้าวเดียว วิชาการสังหารร้อยเรียงต่อกันเป็นทอดๆ ทว่าหลักการเล่นหมากล้อมและปราณสังหารกลับไม่เข้มข้น ดังนั้นนางถึงได้วิจารณ์ด้วยคำว่ายอดเยี่ยม
อวี้ชิงชิงอาจจะไม่ได้มีวิชาหมากล้อมสูงส่งนัก อย่างมากสุดก็พอจะถือว่าอยู่ในกลุ่มของฉีไต้จ้าวระดับหนึ่งของราชวงศ์เสวียนมี่ได้ เมื่อเทียบกับเซียนซือบนยอดเขาที่เชี่ยวชาญศาสตร์การเล่นหมากล้อมแล้ว ระยะห่างยังนับว่าชัดเจน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมานางแววตาดีมาโดยตลอด ถูกบรรพบุรุษยิ้มเรียกขานว่าบุปผาช่างจำนรรจาแห่งตระกูลอวี้
ตอนที่หลินจวินปี้คีบเม็ดหมากขึ้นมาจากโถ อวี้ชิงชิงก็มองคนหนุ่มที่หล่อเหลารูปงามทั้งยังมีสีหน้ามุ่งมั่นแล้วทอดถอนใจอยู่ในใจ โชคชะตาแคว้นรุ่งเรือง โชคชะตาหมากล้อมก็รุ่งเรืองตามไปด้วย
ในราชวงศ์เส้าหยวนที่เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ วันแห่งนั้น หลินจวินปี้ต้องได้เป็นว่าที่ราชครูอย่างแน่นอน
สักวันหนึ่งวิชาหมากล้อมของหลินจวินปี้จะต้องสูงถึงขอบเขตที่เรียกว่า ‘กระจ่างชัดปรุโปร่งในรวดเดียว โดดเด่นเหนือผู้ใด’ ไม่ใช่ว่าคนที่เชี่ยวชาญการเล่นหมากล้อมทุกคนจะต้องสามารถประสบความสำเร็จนอกกระดานหมากได้ ทว่าเด็กหนุ่มในอดีตตรงหน้าผู้นี้ ดูเหมือนว่ามหามรรคาจะเชื่อมโยงทะลุถึงหมากล้อมแล้วแตกกิ่งก้านสาขาออกไป
อวี้เจวี้ยนฟูนั่งอยู่ข้างกายเผยเฉียน นางถอดรองเท้าแล้วนั่งขัดสมาธิ ปลดกาเหล้าตรงเอวลงมา ยื่นส่งให้เผยเฉียน
เผยเฉียนรีบหันไปส่งสายตาให้อวี้เจวี้ยนฟู แอบผงกปลายคางชี้ไปยังพี่หญิงเป่าผิงที่มีสีหน้าจริงจังเงียบๆ
อวี้เจวี้ยนฟูหัวเราะแล้วดื่มเหล้าอยู่กับตัวเอง ในใจประหลาดใจอยู่มาก นอกจากอาจารย์พ่อของเผยเฉียนแล้ว ไม่นึกว่านางจะยังมีคนที่กลัวอยู่อีกด้วย?
อวี้เจวี้ยนฟูยืดแขนบิดขี้เกียจ แขนสองข้างวางทาบไว้บนราวรั้วด้านหลัง รวมเสียงให้เป็นเส้นพูดกับเผยเฉียนว่า “เฉาสือที่อยู่บนสนามรบของสองทวีปออกหมัดเยอะมาก นี่เกี่ยวข้องกับการที่อาจารย์พ่อของเจ้าเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตยอดเขาครานั้นอยู่ไม่น้อย”
พอเข้ามาในศาลา เผยเฉียนก็นั่งตัวตรงอยู่ตลอดเวลา สองหมัดกำหลวมๆ วางไว้บนหัวเข่า ได้ยินแล้วก็พยักหน้ารับเบาๆ
อวี้เจวี้ยนฟูเอ่ย “ทุกวันนี้ชื่อเสียงของสำนักศึกษาซานหยาไม่น้อยแล้ว ล้วนต้องยกคุณความชอบให้กับซิ่วหู่ต้าหลีผู้นั้น”
เผยเฉียนกลับไม่ยินดีจะพูดถึงซิ่วหู่มากนัก นางเพียงแค่ยิ้มเอ่ยว่า “ข้ารู้จักพี่หญิงเป่าผิงมาตั้งนานแล้ว อาจารย์พ่อของข้าบอกว่าพี่หญิงเป่าผิงชอบสวมชุดสีแดงมาตั้งแต่เด็ก”
อวี้เจวี้ยนฟูพยักหน้ารับ
แม้ว่าจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดเผยเฉียนถึงสนิทสนมกับสตรีชุดแดงมากขนาดนั้น แต่นางกลับไม่ยินดีจะซักไซ้ถามให้ถึงที่สุด ก็เหมือนอย่างที่เผยเฉียนไม่เคยพูดถึงไหวเฉียนต่อหน้านาง
อวี้เจวี้ยนฟูดื่มเหล้า บางครั้งก็ชำเลืองตามองกระดานหมาก ถึงอย่างไรมองไม่มองก็ล้วนไม่เข้าใจสถานการณ์บนกระดานหมากอยู่ดี นางเล่นหมากล้อมเป็นก็จริง แต่ก็ได้แค่เล่นเท่านั้นจริงๆ
นางชอบหมากรุกมากกว่า ในหอเก็บตำราของสกุลอวี้ก็มีโครงร่าง ‘ตำราหมากรุก’ ที่บรรพจารย์สำนักการทหารท่านหนึ่งเขียนด้วยตัวเอง
ผู้ฝึกลมปราณบนภูเขามักจะขบคิดลึกซึ้งยาวไกล วางแผนระยะยาวกว่าคนธรรมดาล่างภูเขามากนัก ทว่านอกจากผู้ฝึกตนสำนักการทหารแล้ว ผู้ฝึกตนมักจะเลื่อมใสหมากล้อมดูแคลนหมากรุก
อวี้เจวี้ยนฟูถาม “เจ้าเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่?”
เผยเฉียนส่ายหน้า “ไม่เคยเล่นมาก่อน”
ปีนั้นเหล่าเว่ยกับเสี่ยวป๋ายมักจะเล่นหมากรุกกันบ่อยๆ เพียงแต่ว่ามีครั้งหนึ่งถูกศิษย์พี่เล็กพูดจาเหน็บแนม
คิดดูแล้ว เผยเฉียนก็นึกถึงคำพูดประโยคนั้นขึ้นมาได้อย่างครบถ้วน ไม่ตกหล่นไปแม้แต่คำเดียว
ประโยคหนึ่งในนั้นระคายหูที่สุด ‘ระดับความลึกซึ้งของหมากรุกนี้ ก็คือปริมาณความคอแข็งของเว่ยเซี่ยนตอนดื่มเหล้า พวกเจ้าสองคนไม่อายบ้างหรือไร?’
แน่นอนว่าอวี้เจวี้ยนฟูไม่รู้เรื่องนี้ นางยังพูดชวนคุยว่า “ในบรรดาสิบคนตัวสำรองรุ่นเยาว์ มีคนหนุ่มผู้หนึ่งชื่อสวี่ป๋าย เชี่ยวชาญการเล่นหมากรุก เขาได้รับการขนานนามอย่างไพเราะว่า ‘สวี่เซียน’ ครึ่งหนึ่งก็มาจากเรื่องนี้ เพราะว่าตอนที่สวี่ป๋ายเป็นเด็กเคยฝันว่าได้ไปเยือนหอจื๋อโกวของปฐมสำนักของสำนักการทหารในแผ่นดินกลาง ประชันหมากล้อมสิบตากับบรรพบุรุษสกุลเจียงที่หลบเร้นซ่อนตัวจากโลกภายนอกมานหลายพันปี สวี่ป๋ายชนะสี่แพ้หก ดังนั้นก่อนที่สวี่ป๋ายจะกลายเป็นตัวสำรองสิบคน อันที่จริงในบรรดาผู้ฝึกตนบนยอดเขา เขาก็มีชื่อเสียงมากแล้ว ก่อนจะกลายเป็น ‘สวี่เซียน’ ก็ยิ่งมีฉายา ‘เจียงไท่กงวัยเยาว์’ มาก่อนแล้ว”
อวี้เจวี้ยนฟูดื่มเหล้าหนึ่งอึก “มีโอกาสจะต้องขอความรู้จากเขาให้ได้ ประชันแพ้เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว หวังเพียงว่าอย่าแพ้ยับเยินเกินไปนัก”
เผยเฉียนรู้สึกสนใจในตัวสวี่ป๋ายสวี่เซียนอะไรนี่อยู่มาก ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าแค่เคยเจอผู้อาวุโสฝูลู่อวี๋เสวียน สมกับเป็นเซียนมากจริงๆ”
ป๋ายเซียนแห่งบทกวี ซูเซียนแห่งถ้อยคำ อวี๋เสวียนแห่งสายยันต์
สวี่เซียนแห่งหมากรุก?
เผยเฉียนพลันยิ้มกว้าง “พี่หญิงไจ้ซี ถ้าหาก ข้าบอกว่าถ้าหาก บรรพบุรุษตระกูลอวี้ของพวกท่านแอบเอาเม็ดหมากล้อมขาวดำร้อยกว่าเม็ดนั่นไปเก็บไว้ แล้วแกะสลักชื่อของผู้ฝึกตนที่เคยมาเล่นหมากล้อมลงไป ก็จะทั้งสามารถเก็บรักษาไว้เป็นของสะสม แล้วยังมีมูลค่ามากอีกด้วย”
อวี้เจวี้ยนฟูมีสีหน้าปั้นยาก
เผยเฉียนถาม “ทำไปแล้วหรือ?”
อวี้เจวี้ยนฟูถอนหายใจ “พวกเราสองคนมาแลกเปลี่ยนสถานะกันเถอะ”
เผยเฉียนส่ายหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!