ในห้องหนังสือแห่งหนึ่ง
หลินจวินปี้เดินข้ามธรณีประตูเข้ามาแล้ว ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่งก็ปิดประตูลงเบาๆ
ในห้องหนังสือมีผู้เฒ่าอยู่แค่คนเดียว เขาหิ้วม้านั่งไปนั่งพิงหลังอยู่ตรงหน้าต่าง
หลินจวินปี้ก้าวเดินเร็วๆ ไปด้านหน้าสองสามก้าวก่อนประสานมือคารวะ
อยู่ในศาลาอิ่งป่ายสามารถนั่งลงได้ แต่อยู่ในห้องหนังสือแห่งนี้ก็อย่าได้หวังเลย
บรรพจารย์ตระกูลอวี๋ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงหน้าผู้นี้ร่างอ้วนท้วนเหมือนเศรษฐีเฒ่าที่ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบาย พอหรี่ตาลง ดวงตายิ่งเล็กก็ยิ่งขับให้ใบหน้าดูใหญ่ เพิ่มความบวมฉุขึ้นมาอีกหลายส่วน
ยากจะจินตนาการได้ว่าหลังจากที่ราชวงศ์ต้าเฉิงล่มสลาย ผู้เฒ่าซึ่งมีตบะแค่ขอบเขตหยกดิบคนนี้จะสามารถประคับประคองราชวงศ์เสวียนมี่ที่กองกำลังแคว้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าขึ้นมาได้ และไม่ว่าจะเป็นต้าเฉิงหรือเสวียนมี่ก็ล้วนอยู่ในลำดับที่สูงกว่าราชวงศ์เส้าหยวนในทุกวันนี้
อยู่ในห้องหนังสือที่มืดสลัวเงียบสงบแห่งนี้
หากผู้เฒ่าไม่เอ่ยปาก หลินจวินปี้ก็ได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้น
ในที่สุดอวี้พ่านสุ่ยก็เปิดปากยิ้มเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าเจ้าเชี่ยวชาญการเล่นหมากล้อมจนใกล้จะเก่งกาจกว่าอาจารย์เจ้าแล้วรึ?”
“ฝีมือการเล่นหมากล้อมของจวินปี้ยังคงไม่แน่นลึกซึ้งเหมือนของอาจารย์”
“ประโยคแบบนี้ฟังมาจนเอียนแล้ว ข้าถามถึงแพ้ชนะ ไม่ได้ถามนิสัยในการเล่นหมากล้อม หากอิงตามคำกล่าวของเจ้า ข้ายังเล่นหมากล้อมเผด็จการกว่าซิ่วหู่เสียอีก แล้วมันมีความหมายหรือ?”
“จวินปี้ประลองกับอาจารย์มีทั้งแพ้และชนะ”
“เจ้าเด็กน้อยช่างฉลาดนัก ฝีมือในการสร้างชื่อเสียงจอมปลอมสูงกว่าฝีมือการเล่นหมากล้อม ราชครูแคว้นเส้าหยวนสอนลูกศิษย์ออกมาได้ดีจริงๆ”
“อะไรที่สมควรได้ ส่วนของข้าต้องไม่ขาดแม้แต่เสี้ยวเดียว อะไรที่ไม่สมควรได้ ต่อให้มอบให้ข้า ข้าก็จะเอาคืนกลับไป”
“จะคืนอย่างไร? ก็มองใจคน มองชื่อเสียงเป็นเงินทองเสียสิ เอียนแล้วเอียนแล้ว อายุน้อยๆ ก็โชกโชนจนคนเอือม วางตัวอยู่ร่วมกับสังคมก็ยิ่งทำให้คนเอียน”
“ในกฎเกณฑ์ ข้าถามใจข้า ข้าทำเรื่องของข้า”
“เจ้าไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ความตั้งใจเดิมก็ไม่ใช่เพื่ออวี้เจวี้ยนฟูหรอกหรือ? เป็นเพราะหมดอาลัยตายอยาก รู้ว่าต้องเจอกับความลำบากจึงยอมถอย หรือว่ายังคงไม่ถอดใจ คิดจะปล่อยเบ็ดยาวเพื่อตกปลาตัวใหญ่? คำถามนี้ตอบได้ยาก หากเจ้าไม่ยอมรับว่าตัวเองมีเจตนาไม่ซื่อ ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับว่าจิตใจของอาจารย์เจ้าสกปรกเกินไป วางหมากนอกกระดานล้วนใช้วิธีชั่วร้าย ดังนั้นไม่สู้ให้ข้าช่วยเจ้าหาเหตุผล สาวงามเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม ย่อมคู่ควรกับวิญญูชน? แบบนี้ออกจะเสียภาพลักษณ์ไปหน่อยหรือไม่?”
ผู้เฒ่ากำหยกก้อนหนึ่งที่แข็งเหมือนไขมันจับตัว มีรอยสลักนูนบางๆ การลงมีดตื้นมาก มีเพียงสองจุดที่การแกะสลักค่อนข้างลึก ล้วนเป็นการแกะสลักแบบตัวอักษรตราประทับ หนึ่งคืออักษรคำว่า ‘อวี้เสวียน’ อีกคำหนึ่งคือคำว่า ‘จั๋ว’
เป่าลมใส่หยกที่มีไว้ถือเล่น แล้วเปลี่ยนมาใช้สองมือกำแน่น บิดหมุนเบาๆ จากนั้นก็เอามาถูใบหน้าตามความเคยชิน
หลินจวินปี้แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพนี้ เอ่ยว่า “อวี้เจวี้ยนฟูไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา ข้ากับอวี้ชิงชิงก็ไม่เหมาะสมกัน”
อวี้พ่านสุ่ยยิ้มหยัน “แล้วแม่นางน้อยไปถูกใจเฉินผิงอันได้อย่างไร?”
หลินจวินปี้ถามกลับ “ทำไมอวี้เจวี้ยนฟูถึงจะชอบอิ่นกวานไม่ได้?”
อวี้พ่านสุ่ยหรี่ตาลง ยกข้อมือขึ้นทำท่ากำอากาศว่างเปล่าเบาๆ นาทีถัดมากลางฝ่ามือก็มีตราประทับชิ้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ครั้นจึงใช้สองนิ้วคีบมันเอาไว้
ตรงริมขอบของตราประทับสลักคำว่า หินอยู่ในลำธาร จะไม่ใช่เสาหลักกลางกระแสน้ำได้อย่างไร ก้อนเมฆงดงามอยู่บนฟ้า หมัดยังคงอยู่บนฟ้าเหนือฟ้า ตัวอักษรบนตราประทับคือ เทพีแห่งการต่อสู้ เฉินเฉาอยู่ข้างกาย
อวี้พ่านสุ่ยถามว่า “เจ้าเล่นหมากล้อมแล้วแพ้ให้คนผู้นี้งั้นหรือ? รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”
หลินจวินปี้กล่าว “แค่อาจารย์อวี้รู้ก็พอแล้ว”
อวี้พ่านสุ่ยชูหยกสำหรับถือเล่นที่อยู่ในมืออีกข้างขึ้นมา เอ่ยว่า “หากเจ้าด่าไอ้หมอนี่สองสามคำ ข้าจะมอบของชิ้นนี้ให้เจ้า ฟ้ารู้ดินรู้ เจ้ารู้ข้ารู้ ข้าไม่พูด เจ้าไม่พูด จะต้องกลัวอะไร เตือนเจ้าคำหนึ่งก่อนว่า ของที่อยู่ในมือข้าชิ้นนี้เป็นของเก่าแก่ของสวนสุ่ยฮุ่ย เท่ากับสวนสุ่ยฮุ่ยครึ่งหนึ่ง อย่าว่าแต่เจ้าต้องการเลย แม้แต่อาจารย์ของเจ้าก็ไม่มีทางรังเกียจ”
ของชิ้นนี้มาจากพื้นที่มงคลเหล่าคัง หินประหลาดชนิดนี้คือวัตถุที่รวบรวมแก่นขุนเขาสายน้ำของพื้นที่มงคลเหล่าคังเอาไว้ คือวัตถุที่มีเฉพาะในพื้นที่มงคล มูลค่าควรเมือง หินเหล่าคังหนึ่งถึงสองก้อนราคาหนึ่งถึงสองเหรียญเงินฝนธัญพืช และยิ่งมีคำกล่าวที่บอกว่า ‘ตราประทับแท่นฝนหมึกในใต้หล้า ครึ่งหนึ่งล้วนมาจากพื้นที่มงคลเหล่าคัง’
คือพื้นที่มงคลระดับบนแห่งหนึ่งที่เงินทองไหลมาเทมา สำนักเบื้องล่างแห่งหนึ่งของสำนักฝูลู่อวี๋เสวียนเป็นผู้ควบคุมดูแล
ฝูลู่อวี๋เสวียน หนึ่งภูเขาห้าสำนัก ในมือครอบครองพื้นที่มงคลระดับสูงหนึ่งแห่ง ถ้ำสวรรค์ขนาดเล็กหนึ่งแห่งและพื้นที่มงคลระดับกลางสองแห่ง หนึ่งในนั้นคือถ้ำสวรรค์เล็กอวิ๋นเมิ่ง มีทะเลสาบชิงฉ่าวที่ลำพังเพียงแค่ถ้ำเจียวหลงก็มีอยู่หลายแห่ง พวกภูตเผ่าพันธุ์น้ำก็ยิ่งมีมากมายนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีนิสัยอ่อนโยนว่าง่ายแต่กำเนิดซึ่งนับว่าหาได้ยากยิ่ง เป็นที่ชื่นชอบของเทพธิดาบนภูเขาอย่างมาก
นี่ต้องยกคุณความชอบให้กับรายงานขุนเขาสายน้ำมากมายของใต้หล้าไพศาลที่ช่วยประเมินสิ่งของบนภูเขาที่จำเป็นต้องมีให้กับพวกเทพธิดา กระโปรงเซียงสุ่ยชุดเซียนมังกรสาวเอย กำไลข้อมือ ‘ไข่มุกบนฝ่ามือ’ ที่ต้องมีไข่มุกฉิวจูสิบสองเม็ดเป็นอย่างต่ำเอย กระจกแต่งหน้าที่หอแก้วใสของนครจักรพรรดิขาวเป็นผู้หล่อหลมเอย เทียบลอกลายเหนือเมฆหรือเทียบบุปผาที่ถูกขนานนามว่า ‘ลายมือที่แท้จริงระดับล่าง’ เอย ขวดอวี้ชุนของหลิวเสียทวีปเอย ปักดอกเหมยกิ่งหนึ่งที่มาจากพื้นที่มงคลร้อยบุปผา…
อวี๋เสวียนผู้นั้นจะไม่มีเงินได้หรือ? ยันต์จะมีน้อยได้หรือ?
ต่อให้เป็นอวี้พ่านสุ่ยตระกูลอวี้ที่ในมือครอบครองท้องพระคลังของราชวงศ์เสวียนมี่ก็ยังละอายใจที่สู้ไม่ได้
เทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวธวัลทวีปที่เวลานี้ ‘เผยตัว’ อยู่ในสวนดอกไม้บ้านตนเคยเป็นฝ่ายเสนอราคา ขอซื้อพื้นที่มงคลเหล่าคังครึ่งหนึ่งจากฝูลู่อวี๋เสวียน ว่ากันว่าตอนนั้นบนร่างของหลิวจวี้เป่าพกวัตถุจื่อชื่อมาด้วยกองโต ด้านในเต็มไปด้วยเงินฝนธัญพืช นอกจากเงินเทพเซียนที่กองกันเป็นพะเนินเหมือนภูเขาแล้ว สกุลหลิวยังยินดีจะมอบพื้นที่มงคลลวี่อินของบ้านตนครึ่งหนึ่งให้กับอวี๋เสวียนด้วย
อวี๋เสวียนไม่ตอบตกลง
บอกว่าเจ้าหลิวจวี้เป่ามีเงินแล้วอย่างไร ข้าเหมือนคนขาดเงินงั้นหรือ?
จะว่าไปแล้ว พื้นที่มงคลเหล่าคังครึ่งหนึ่ง พื้นที่มงคลลวี่อินครึ่งหนึ่ง หรือหลิวจวี้เป่ามอบเงินให้อวี๋เสวียนอะไรนั่น ล้วนเป็นแค่การแสดงให้เห็นภายนอกเท่านั้น คล้ายคลึงกับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันของวงศ์ตระกูลด้านล่างภูเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!