กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 730

ทางฝั่งของหอบูชากระบี่ เผยเฉียนได้ไปเจอกับสุยโย่วเปียนที่สร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ที่นี่

ตอนนี้ชุยเหวยเดินทางไปถึงอาณาเขตของขุนเขาใต้แล้ว เจี่ยงชวี่และจางเจียเจินก็ย้ายไปที่ภูเขาลั่วพั่วนานแล้ว ดังนั้นที่นี่จึงเงียบสงบอย่างมาก

สุยโย่วเปียนที่ได้พบหน้าเผยเฉียนก็ให้รู้สึกประหลาดใจเป็นเท่าทวี

นางไม่อาจเอาหญิงสาวที่สีหน้าสุขุมเยือกเย็นตรงหน้าไปจินตนาการเข้ากับแม่นางน้อยตัวดำเป็นถ่านที่ฉลาดเจ้าเล่ห์ ขี้เหนียวในปีนั้นได้เลย

และยิ่งไม่อาจเอาแม่นางน้อยที่ถูกคนนอกดึงเส้นเอ็นเล็กน้อยก็เจ็บปวดจนน้ำมูกน้ำตานองหน้ามาคิดเชื่อมโยงเข้ากับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวตรงหน้านี้ได้

แม้จะบอกว่าเคยได้ยินเรื่องเล็กๆ ในการฝึกวรยุทธของเผยเฉียนจากหน่วนซู่และหมี่ลี่มาบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่นชอบกระโดดหน้าผาอะไรนั่น แต่สุยโย่วเปียนก็ยังไม่กล้าเชื่ออยู่ดี

เผยเฉียนกุมหมัดคารวะ เอ่ยเรียกคำหนึ่งว่าพี่หญิงสุย

สุยโย่วเปียนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

เผยเฉียนพูดเข้าประเด็นทันที “ข้าจำได้ว่าอาจารย์พ่อเคยให้ท่านยืมกระบี่เล่มหนึ่งใช่ไหม?”

ดวงตาเรียวยาวทอประกายน้ำฤดูใบไม้ร่วงของสุยโย่วเปียนหรี่ลง เอ่ยว่า “หมายความว่าอย่างไร?”

เผยเฉียนยิ้มบางๆ “ถึงอย่างไรพี่หญิงสุยก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ที่มีกระบี่แห่งชะตาชีวิต ไม่สู้เอากระบี่ชือซินมาให้ข้ายืมดีกว่า”

เผยเฉียนตบดาบแคบยันต์มงคลที่อยู่ตรงเอว “ห้อยดาบและกระบี่สลับกัน ตอนนี้มีดาบแล้ว ขาดแค่กระบี่เล่มเดียว ไม่นานข้าก็เอามาคืนพี่หญิงสุยแล้ว อย่างมากสุดก็แค่สามปี”

สุยโย่วเปียนส่ายหน้า “ไปหาเอาที่อื่นเถิด ชือซินเล่มนั้นข้าไม่ให้ยืม ให้อาจารย์พ่อของเจ้ามาเอากลับไปเอง”

เผยเฉียนยิ้มเอ่ย “ใช่ว่าจะเอาไปแล้วไม่คืนสักหน่อย”

สุยโย่วเปียนเลือกที่จะเงียบงันเป็นคำตอบ

เผยเฉียนถามว่า “พี่หญิงสุย รู้หรือไม่ว่าทำไมคนสี่คนในม้วนภาพ ข้าถึงสนิทกับทั้งพ่อครัวเฒ่า เหล่าเว่ยแล้วก็เสี่ยวป๋าย มีเพียงกับท่านที่ความสัมพันธ์ธรรมดาที่สุด?”

สุยโย่วเปียนเริ่มขมวดคิ้ว

เผยเฉียนถามเองตอบเอง “เพราะอาจารย์พ่อของข้าไม่ใช่อาจารย์คนนั้นในใจของท่าน ท่านเองก็อย่าหวังให้วันใดวันหนึ่งอาจารย์พ่อของข้ากลายไปเป็นคนผู้นั้น”

สุยโย่วเปียนเอ่ยด้วยสีหน้าเฉยชา “เจ้าคิดจะถามกระบี่กับหอบูชากระบี่งั้นหรือ?”

เผยเฉียนเอ่ย “มีอะไรไม่ได้เล่า? แค่ประลองฝีมือกันเท่านั้น ไม่ได้จะมีคนตายเสียหน่อย”

จูเหลี่ยนที่ถอนหายใจเฮือกๆ มาปรากฏตัวอยู่ด้านนอกประตูไม้หยาบๆ เขาไม่ได้เข้ามา เพียงแค่เอ่ยว่า “เผยเฉียน อย่าบีบบังคับคนอื่นเช่นนี้ ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ต่อให้ในใจมีความไม่พอใจก็ไม่ควรปล่อยหมัดก่อนจะใช้เหตุผล”

เผยเฉียนไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “เจ้าคืออาจารย์พ่อของข้าหรือ?”

จูเหลี่ยนบื้อใบ้พูดไม่ออก

ลำบากใจ ลำบากใจจริงๆ

อันที่จริงจูเหลี่ยนรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้

วิธีการที่เป็นกลยุทธขั้นต่ำที่สุดก็คือออกหมัดขัดขวางเผยเฉียน

กลยุทธขั้นกลางก็คือตนรับหายนะแทนสุยโย่วเปียน โดนตีไม่เอาคืนโดนด่าไม่โต้เถียง จากนั้นไม่แน่ว่าอาจจะถูกทั้งเผยเฉียนและสุยโย่วเปียนซ้อมอีกคนละรอบ

ส่วนกลยุทธชั้นสูง ก็มีอยู่เหมือนกัน

หญิงสาวสวมชุดยาวสีขาวหิมะคนหนึ่งมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายจูเหลี่ยน

เผยเฉียนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันตัวกลับมากุมหมัดคารวะ

ฉางมิ่งจุ๊ปากพูด “พอวิชาหมัดสูง หลักการเหตุผลก็ใหญ่ตามไปด้วย ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเจ้าขุนเขาภูเขาลั่วพั่ว”

เผยเฉียนหรี่ตาลง

ใบหน้าฉางมิ่งยังคงผ่อนคลายสบายอารมณ์ หลุดหัวเราะพรืด “อาจารย์พ่อของเจ้าให้ข้านำความมาบอกแก่เจ้าว่า ไม่ว่าอะไรก็เหลือเก็บค้างไว้ได้ มีเพียงอย่าได้สะสมมะเหงก จะฟังไม่ฟังก็เรื่องของเจ้า ถึงอย่างไรข้าแค่มีหน้าที่นำคำมาบอกต่อเท่านั้น”

เผยเฉียนกึ่งเชื่อกึ่งกังขา

ดูเหมือนฉางมิ่งจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อีก “อาจารย์พ่อของเจ้าเอ่ยเสริมมาอีกประโยคว่า อย่าให้เจ้าตัวสูงเร็วเกินไปนัก”

เผยเฉียนรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาทันที ยกมือเกาหัวตามจิตใต้สำนึก

นางนั่งลงบนม้านั่งไม้ไผ่ตัวเล็กใต้ชายคา มองไปทางพ่อครัวเฒ่า ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

จูเหลี่ยนโบกมือพร้อมหัวเราะร่า บอกเป็นนัยแก่เผยเฉียนว่าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ

ถึงอย่างไรสุยโย่วเปียนผู้นี้ ต่อให้เขาอยากจะจัดการก็ทำได้ไม่ง่ายนัก เขาเองก็เห็นอีกฝ่ายขวางหูขวางตามานานแล้วเหมือนกัน

ฉางมิ่งเอ่ย “เรื่องบนหอบูชากระบี่วันนี้ ข้าจะช่วยจดลงบัญชีของเจ้าขุนเขาไว้แทนเจ้าก่อนแล้วกัน”

เผยเฉียนพยักหน้ารับ “เช่นกันๆ”

จูเหลี่ยนกับฉางมิ่งพากันจากไป

สุยโย่วเปียนถาม “เผยเฉียน เจ้าและข้ายังไม่ต้องพูดถึงบุญคุณความแค้น แต่สภาพจิตใจของเจ้านี่มันยังไงกัน?”

หากวันนี้เผยเฉียนมาเยี่ยมเยือนหอบูชากระบี่แล้วลงไปชักดิ้นชักงอเอาแต่ใจก็ดี หรือจะคิดบัญชีแบบเจ้าเล่ห์เจ้ากลเหมือนตอนที่เป็นเจ้าถ่านดำน้อยอย่างในอดีตก็ช่าง อันที่จริงต่อให้จะต้องเอากระบี่ให้อีกฝ่ายยืม สุยโย่วเปียนก็ยินดี เพราะกระบี่ชือซินเล่มนั้นก็เหมือนอย่างที่เผยเฉียนกล่าว เป็นเฉินผิงอันที่ให้นางยืม และในฐานะลูกศิษย์เปิดขุนเขา อย่าว่าแต่เผยเฉียนจะยืมไปสามปีเลย ต่อให้นางเอากลับไปเลยก็ยังถือว่ามีเหตุผล

เผยเฉียนยกสองแขนกอดอก เอ่ยว่า “รู้ดีแต่ก็ยังถาม”

ในกระท่อมหลังนี้มีเก้าอี้ไม้ไผ่แค่ตัวเดียว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสุยโย่วเปียนที่อยู่ในหอบูชากระบี่ไม่ต้อนรับคนนอกมารบกวน

ดังนั้นพอเผยเฉียนนั่งลงบนเก้าอี้ สุยโย่วเปียนจึงได้แต่ยืนเท่านั้น

แต่ว่าในที่สุดเผยเฉียนในเวลานี้ก็มีท่าทีอย่างที่คุ้นเคยขึ้นมาบ้างแล้ว

สุยโย่วเปียนพลันหัวเราะ

นึกไม่ถึงว่าเผยเฉียนจะงีบหลับเสียได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!