ตอนนั้นชุยตงซานไม่ยอมเชื่อ ถึงอย่างไรก็ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่แล้ว ตอนอยู่บ้านบรรพบุรุษสกุลหยวนจึงยืนกรานว่าจะต้องประชันเรื่องการวางแผนกับฉีจิ้งชุนให้จงได้ ผลคือขอบเขตถดถอยไม่หยุด ต้องปิดฉากลงอย่างอนาถ พ่ายแพ้ยับเยิน
คนหนุ่มสาวและเด็กทุกคนของถ้ำสวรรค์หลีจู หลังจากที่ฉีจิ้งชุนจากโลกนี้ไป โชคชะตาบู๊ของแจกันสมบัติทวีปเป็นเช่นไร? แล้วโชคชะตาบุ๋นล่ะเป็นเช่นไร?
ไม่ต้องพูดถึงโชคชะตาบุ๋นด้วยซ้ำ พูดถึงแค่โชคชะตาบู๊ ซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าเมืองเลื่อนเป็นขอบเขตสิบ หลี่เอ้อเลื่อนเป็นขอบเขตสิบ ผู้เฒ่าเรือนไม้ไผ่เกือบจะเลื่อนเป็นขอบเขตสิบเอ็ด เจิ้งต้าเฟิงตอนอยู่ที่นครมังกรเฒ่า ต่อจากนั้นก็มีเฉินผิงอัน เผยเฉียน จูเหลี่ยน…
นี่ก็คือการคิดบัญชีของฉีจิ้งชุน
มีข้าคนเดียวยืนเคียงบ่ากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่สู้ให้ตะเกียงใจในโลกมนุษย์ทยอยกันถูกจุดนับพันนับหมื่นดวง
วิถีทางโลกดี อบรมบ่มเพาะคุณธรรมเฉพาะตน ศึกษาหาความรู้อยู่ในห้องหนังสือ วิถีทางโลกไม่ได้ดีขนาดนั้น ร่วมกันปกครองใต้หล้า สละชีวิตไม่กลัวตาย เป็นหน้าที่ที่พึงปฏิบัติมิควรเกี่ยงงอน
ชุยตงซานพลันนั่งแปะลงบนราวรั้ว ทอดถอนใจด้วยความเศร้าสร้อย พึมพำกับตัวเองด้วยเสียงในใจ “ถึงท้ายที่สุดฉีจิ้งชุนก็ยังคงเหลือตบะขอบเขตสิบสี่ไว้ให้เจ้าตะพาบเฒ่า แล้วยังเห็นชุยฉานเป็นศิษย์พี่ ชุยฉานเจ้าคนสมควรโดนแทงพันครั้งผู้นี้ ถึงขนาดนี้แล้วยังจะวางแผนสถานการณ์ถามในใจทะเลสาบซูเจี่ยน แล้วยังจะเขียนบันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนั้นอีก แล้วเจ้าตะพาบเฒ่ายังไม่เคยพูดเรื่องเหล่านี้ให้ข้าฟัง จงใจปิดหูปิดตาข้า ทำให้ข้าไม่รู้อะไรเลย”
ชุยฉานปิดบังเรื่องราวมากมายจริงๆ
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการขุดเจาะลำน้ำฉีตู้ รวมไปถึงเทียบตัวอักษรทั้งหลายเหล่านั้น ชุยตงซานคิดแค่ว่ามันคือวิธีรับมือเบื้องหลังของฉีจิ้งชุน ยกตัวอย่างเช่นทำให้หวังจูเดินลงน้ำประสบความสำเร็จ บนโลกจึงมีมังกรที่แท้จริงตัวแรกปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง บวกกับที่มีลำน้ำใหญ่ ทำให้โชคชะตาน้ำของแจกันสมบัติทวีปเพิ่มขึ้นพรวดพราด แล้วก็บวกกับห้าขุนเขาของหนึ่งทวีปที่แท้จริงแล้วได้ซ่อนค่ายกลขุนเขาสายน้ำแห่งหนึ่งเอาไว้ อันที่จริงชุยฉานได้แอบหลอมตราประทับอักษรน้ำและตราประทับอักษรภูเขาอย่างลับๆ ตลอดทั้งลำน้ำใหญ่ก็คือตราประทับอักษรน้ำ ส่วนขุนเขาใต้ของต้าหลีที่เกิดจากการสะสมดินทีละเล็กทีละน้อยจนก่อเกิดเป็นภูเขานั้น ก็คือตราประทับอักษรภูเขา หรือหากจะพูดตามความหมายที่เข้มงวด ก็คือตราประทับพลิกฟ้า สุดท้ายประทับลงที่ใด? ก็คือที่ตั้งเก่าของนครมังกรเฒ่า! ควบรวมอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งรวมที่ตั้งเก่าของนครมังกรเฒ่าเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งก็คือขุนเขาสายน้ำทางทิศใต้สุดของแจกันสมบัติทวีป เมื่อตราประทับแตกสลาย จะไม่ยอมให้ใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่ขึ้นฝั่งมาได้ใช้โชคชะตาลมปราณมาสัมผัสกลืนกินพื้นดินของแจกันสมบัติทวีปแม้แต่ชุ่นเดียว!
การกระทำที่บ้าคลั่งเหมือนคนวิปลาสเช่นนี้ ใครกล้าทำ? ใครทำได้? ใต้หล้าไพศาลมีเพียงซิ่วหู่เท่านั้นที่กล้าทำ แล้วพอทำได้จริง แม่งยังสามารถทำให้ทั้งบนและล่างภูเขารู้สึกถึงเพียงความสะใจ กลัวหรือไม่? ขนาดชุยตงซานเองยังกลัวเลย
สิ่งเหล่านี้ชุยตงซานล้วนรู้ชัดเจนดี เพราะแผนการลึกล้ำยาวไกลพวกนี้เป็นกลยุทธที่ชุยฉานซึ่งดึงวิญญาณออกไปกับชุยตงซานร่วมกันวางแผนคิดคำนวณเหมือนตัวเองเล่นหมากล้อมกับตัวเองมานานแล้ว
ดังนั้นการที่วิ่งวุ่นเหน็ดเหนื่อยตลอดหลายปีมานี้ เป็นความทุ่มเทที่เขาเต็มใจอย่างยิ่ง
มีเพียงเรื่องที่ในศาลลำน้ำฉีตู้ซุกซ่อน ‘ฉีจิ้งชุน’ ที่ทั้งเหมือนบุคคลไร้ขอบเขต ทั้งยังเป็นขอบเขตสิบสี่เท่านั้นที่ชุยฉานไม่เคยบอกกล่าวชุยตงซานแม้แต่ครึ่งคำ
ฉีจิ้งฉุนที่เป็นศิษย์น้องแล้วค่อยมาเป็นอาจารย์ลุงผู้นี้ แม้แต่ศิษย์พี่และศิษย์หลานก็ยังหลอกได้ลงคอ หากเพียงเท่านี้ก็ช่างเถิด ผลคือเจ้าตะพาบชุยฉานกลับหลอกแม้กระทั่งตัวเอง
เดิมทีชุยตงซานคิดว่าการที่ฮ่องเต้ซ่งเหอป่าวประกาศแก่ใต้หล้า สนับสนุนให้สร้างวัดวาอารามขึ้นมา ยังคงเป็นแค่หนึ่งในเรื่องที่ชุยฉานวางแผนสำหรับใจคน คิดไม่ถึงว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป สืบสาวราวเรื่องกันแล้วล้วนเพื่อวันนี้ ล้วนเพื่อให้ขอบเขตสิบสี่ของ ‘ฉีจิ้งชุน’ ในวันนี้มั่นคงมากขึ้นกว่าเดิม
ดอกบัวสีทองที่ใช้พื้นที่ทั้งทวีปของแจกันสมบัติทวีปต่างกระถาง บวกกับการที่ให้เขาชุยตงซานทำหน้าหนาไปเชิญภิกษุเฒ่าน้ำแกงไก่ และก่อนหน้านี้นานยิ่งกว่า ในฐานะหมากสำคัญของการกรีฑาทัพลงใต้ของกองทัพม้าเหล็กต้าหลี เหตุใดเทียนจวินเซี่ยสือแห่งอุตรกุรุทวีปถึงปล่อยให้เขาเดินทางลงใต้ไปยังราชวงศ์จูอิ๋ง? เหตุใดถึงได้มีสถานการณ์ถามใจในทะเลสาบซูเจี่ยนเกิดขึ้น? เจ้าชุยฉานหน้าไม่อายผู้นี้ แม้แต่อาจารย์ผู้เฒ่าที่ไม่อยู่ในสายบุ๋นของลัทธิขงจื๊อ สามลัทธิขงจื๊อพุทธเต๋า บวกกับสำนักโองการเทพ เฮ้อเสี่ยวเหลียง คนพายเรือเฒ่าตระกูลฟ่าน เฉาหรงผู้ฝึกตนบนภูเขาของราชวงศ์ป๋ายซวง อันที่จริงล้วนถูกชุยฉานดึงเข้ามารวมอยู่ในแผนการหมดแล้ว
ทว่าชุยตงซานมั่นใจในเรื่องหนึ่ง ฉีจิ้งชุนไม่มีทางพูดคุยกับชุยฉานแม้แต่คำเดียวแน่นอน
สายเหวินเซิ่งในอดีต สองศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ไหนแต่ไรมาล้วนเจ้าอารมณ์นิสัยแย่กันทั้งคู่ อย่าได้เห็นว่าจั่วโย่วมีนิสัยพยศดุร้าย พูดคุยด้วยยาก ในความเป็นจริงแล้วในบรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอดสายเหวินเซิ่ง จั่วโย่วต่างหากถึงจะเป็นคนที่พูดง่ายมากที่สุด อันที่จริงพูดง่ายกว่าศิษย์น้องอย่างฉีจิ้งชุนมากนัก ง่ายกว่ามากๆ เลยจริงๆ
เขาฉีจิ้งชุนแค่วางหมากหนึ่งเม็ดบนกระดานเท่านั้น ชุยฉานรับเอากระดานหมากมาเล่นต่อ เล่นหมากล้อมประชันกับตลอดทั้งใต้หล้าเปลี่ยวร้าง หลังจากนั้นจะวางหมากมากกว่าเดิมลงบนขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปอย่างไร ก็ล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของซิ่วหู่แล้ว ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่เรื่องที่ฉีจิ้งชุนกายดับมรรคาสลาย เหมาเสี่ยวตงกลับเป็นได้แค่รองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาซานหยาต้าสุย สุดท้ายให้ชุยฉานมารับตำแหน่งเจ้าขุนเขา แล้วค่อยพาสำนักศึกษากลับคืนสู่เจ็ดสิบสองอันดับของสำนักศึกษาอีกครั้ง ก็ล้วนเป็นแผนการที่ฉีจิ้งชุนคิดคำนวณเอาไว้นานแล้ว
ชุยตงซานนั่งเหม่ออยู่บนรั้ว โยนกาเหล้าที่ว่างเปล่าทิ้งไปนานแล้ว แต่ใบหน้ากลับยังมีคราบสุราติดอยู่ตลอด
รู้แล้ว คือตราประทับอักษรชุนชิ้นนั้น
ปีนั้นฉีจิ้งชุนมอบตราประทับชิ้นนี้ให้กับลูกศิษย์อย่างจ้าวเหยา ภายหลังได้ถูกชุยตงซานไปดักชิงมากลางทาง ‘บดขยี้’ มันทิ้งได้อย่างง่ายดาย เป็นเหตุให้ปณิธานลมวสันต์ของตราประทับตัวอักษรชุนกระจายไปทั่วฟ้าดิน
และปีนั้นตลอดทั้งใต้หล้าไพศาล
ตนก็น่าจะถูกฉีจิ้งชุนและเจ้าตะพาบเฒ่าชุยฉานวางแผนเล่นงานร่วมกัน
ชุยฉาน ฉีจิ้งชุน ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่แตกหักไม่พูดคุยกันแม้แต่ครึ่งคำมานานแล้วสองคนนี้ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้คล้ายกำลังเล่นหมากล้อมด้วยกันอยู่ตลอด แต่กลับอยู่ฝ่ายเดียวกัน ใช้สถานการณ์หมากเดียวกัน แน่นอนว่านี่ต้องยิ่งพิถีพิถันในเรื่องฝีมือการวางหมากของนักเล่นทั้งสองคนด้วย สุดท้ายคนทั้งสองร่วมกันเผชิญหน้ากับศัตรู เผชิญหน้ากับสถานการณ์ของสองใต้หล้า
ชุยตงซานพึมพำ “เคยมีปีหนึ่ง ใบไม้ผลิจากไปช้ามาก ฤดูร้อนมาเยือนช้ามาก”
เขาพลันหันหน้ามาถาม “ฉุนชิง รู้หรือไม่ว่าอักษรตัวชุนมีกี่ขีด?”
ฉุนชิงตอบอย่างไม่เข้าใจ “หรือว่าไม่ใช่เก้าขีด?”
ชุยตงซานถามอีก “ใต้หล้าไพศาลมีกี่ทวีป?”
ฉุนชิงเอ่ยอย่างระอาใจ “แกล้งถามทั้งที่รู้ ก็มีเก้าทวีปไงล่ะ?”
ชุยตงซานพยักหน้า พึมพำเบาๆ “ใครว่าไม่ใช่กันล่ะ”
ยอดเขาของขุนเขาใต้ บรรพจารย์สำนักการทหารสองคนที่ถูกชุยฉานเรียกด้วยความเคารพว่าบรรพบุรุษเจียงและอาจารย์เว่ย หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดที่ซากปรักของนครมังกรเฒ่าแล้วก็หันมาสบตากันทันที
ส่วนชุยฉานที่ก่อนหน้านี้ขอกระดาษไปปึกใหญ่ เวลานี้กำลังก้มหน้าพลิกเปิดกระดาษอ่านทีละแผ่น ล้วนเป็นกระดาษข้อสอบในการสอบใหญ่ครั้งหนึ่งของลูกศิษย์สำนักการทหารที่จัดขึ้นในปฐมสำนักแผ่นดินกลางเมื่อปีก่อน บรรพจารย์เจียงเป็นผู้ออกข้อสอบ เป็นข้อสอบที่เรียบง่ายมาก หากพวกเจ้าเป็นราชครูชุยฉานของต้าหลี แจกันสมบัติทวีปควรจะรับมือการโจมตีจากเผ่าปีศาจที่ใบถงทวีปอย่างไร ส่วนชุยฉานนั้นเหมือนทำหน้าที่เป็นอาจารย์ขุนนางหลักผู้คุมการสอบเคอจวี่ ทุกครั้งที่เห็นถ้อยคำที่เหมาะสมจนจิตขยับไหว ก็จะเขียนคำอธิบายไว้ด้านข้างบรรทัดสองบรรทัด ชุยฉานพลิกอ่านและตรวจสอบอย่างว่องไว เพียงไม่นานก็ดึงข้อสอบออกมาสามฉบับ จากนั้นค่อยเอากระดาษข้อสอบปึกที่เหลือยื่นส่งคืนให้กับบรรพบุรุษเจียง ชุยฉานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “สามคนนี้ วันหน้าขอแค่ยินดีอุทิศตนให้กับต้าหลี ข้าจะให้คนช่วยปกป้องมรรคาพวกเขามากหน่อย แต่หวังว่าพวกเขามาที่นี่แล้วจะไม่ทำลายกฎ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ค่อยๆ เดินไปทีละก้าว สุดท้ายเดินไปถึงตำแหน่งใดก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง และหากมีใครที่เป็นคนหนุ่มอารมณ์ร้อนพลุ่งพล่าน ต้องการจะพูดถึงเบื้องหลังอะไรกับต้าหลีข้า ก็ไม่ได้มีความหมายสักเท่าไร มีแต่จะทำให้ภูเขาเบื้องหลังตัวเองล้มครืนลงเท่านั้น ต้องพูดประโยคไม่น่าฟังกับบรรพบุรุษเจียงและอาจารย์เว่ยไว้ก่อน เพราะเมื่อกินรสขมหมดสิ้นก็จะได้ลิ้มรสความหวานนี่นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!