กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 747

ท่ามกลางราตรีที่มีลมหิมะ คนผู้หนึ่งที่สวมชุดคลุมอาคมสีแดงสดเปิดตราผนึกขุนเขาสายน้ำออกอย่างง่ายดาย เดินออกมาจากช่องโพรงแห่งหนึ่ง เขายืนอยู่ที่ปากประตู หันหน้าไปมอง บนหน้าผาสลักคำว่า ‘ถ้ำแห่งโชควาสนา’

เกาะหลูฮวา? ถ้ำแห่งโชควาสนาที่เคยมีปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งซ่อนตัวอยู่?

ทอดสายตามองไปไกล หิมะใหญ่ยังไม่ตกไม่หยุด เกล็ดหิมะใหญ่เหมือนเสื่อ ระหว่างฟ้าดินเปี่ยมไปด้วยความงดงาม พันลี้มีแต่สีหิมะขาวโพลน ควบด้วยแสงจันทร์กระจ่างจ้า

ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันฝันไปสามอย่าง จากนั้นตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าสรุปว่าตื่นแล้ว หรือว่าเพิ่งจะเริ่มฝันกันแน่?

เมื่อเฉินผิงอันเปิดประตูก็เกิดริ้วกระเพื่อม

จวนตระกูลเซียนบนมหาสมุทรที่รายล้อมไปด้วยสถานการณ์อันตรายล่อแหลมสัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที

แสงกระบี่ แสงเรืองรองของวัตถุวิเศษพากันเปล่งประกายเจิดจ้าแหวกผ่าม่านราตรี เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วกะพริบตาก็พากันพุ่งจากทิศทางต่างๆ มายังถ้ำแห่งโชควาสนา พร้อมกับผู้ฝึกตนหลายสิบคนที่โอบล้อมเข้ามา

เฉินผิงอันรีบยื่นนิ้วไปแตะไปบนชุดคลุมอาคมเบาๆ ทันที ชุดคลุมอาคมสีแดงสดพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนสีหิมะ จากนั้นจึงแปะหน้ากากแผ่นหนึ่งทับลงบนใบหน้า

เฉินผิงอันยื่นมือออกไปรับหิมะ ราวกับต้องการอาศัยสิ่งนี้มายืนยันว่าตัวเองยังอยู่ในความฝันจริงหรือไม่

ผู้ฝึกตนโอบล้อมสร้างเป็นขบวนทัพ ประหนึ่งเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิดคนหนึ่งที่ขี่กระบี่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ อยู่ตรงกลางเป็นผู้นำฝูงชนก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด กลัวว่าจะเป็นปีศาจใหญ่ที่แฝงตัวอยู่บุกมาก่อคดีบนมหาสมุทร คิดจะทุ่มเดิมพันอย่างเต็มที่ หลายปีที่ผ่านมานี้จำนวนของจวนเซียนและสำนักน้อยใหญ่บนมหาสมุทรที่ต้องดับสูญไปถึงขั้นมีมากกว่าช่วงที่เกิดสงครามใหญ่ด้วยซ้ำ ล้วนเป็นฝีมือของพวกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่หลบจากแผ่นดินห้าทวีปเข้ามายังมหาสมุทรทั้งสิ้น

ข้างกายของผู้เฒ่าสวมกวานสูงยังมีชายหนุ่มหญิงสาวอีกสองคน ต่างก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ ประหนึ่งคู่กุมารทองกุมารีหยกอย่างไรอย่างนั้น หากไม่เป็นคู่รักเทพเซียนกันก็น่าเสียดายแล้ว

ตรงเอวของผู้ฝึกกระบี่ทั้งสามใช้พู่ยาวสีทองผูกตราประทับหยกไว้ชิ้นหนึ่ง แกะสลักตัวอักษรโบราณ ลายน้ำ และรูปกระบี่บินเล็กจิ๋วหนึ่งเล่ม

อยู่ดีๆ ได้พบเจอคนมากมายขนาดนี้ คือเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว ถึงขั้นทำให้เฉินผิงอันปรับตัวไม่ทัน กำเกล็ดหิมะไว้ในมือจนฝ่ามือรู้สึกถึงความเยียบเย็น

เฉินผิงอันรู้รากฐานของผู้ฝึกกระบี่สามคนนั้นแล้ว เป็นคนต่างถิ่นของเกาะหลูฮวา แยกแยะตัวตนของพวกเขาโดยดูจากลักษณะของหยกประดับ น่าจะเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดทำเนียบวงศ์ตระกูลในสำนักต้าหรางสุ่ยของทักษินาตยทวีป

ลำพังเพียงแค่การปรากฎตัวของคนทั้งสามในค่ำคืนนี้ เฉินผิงอันก็อนุมานสถานการณ์ไปได้ไม่น้อยแล้ว

เกาะหลูฮวากับสำนักอวี่หลงคือศูนย์กลางสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างภูเขาห้อยหัวเก่ากับใบถงทวีป แต่กลับมีผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดเพียงคนเดียวที่เฝ้าพิทักษ์ที่นี่ อีกทั้งยังเดินทางข้ามมหาสมุทรจากทักษินาตยทวีปมาถึงที่นี่ นี่จะสามารถบอกได้ว่าใต้หล้าในเวลานี้สงบสุขแล้วจริงๆ หรือไม่? เป็นเหตุให้ทักษินาตยทวีปไม่เพียงแต่พิทักษ์ขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปเอาไว้ได้ หลังจากศึกใหญ่ปิดฉากลงก็ยังมีกำลังเหลือพอจะดึงตัวผู้ฝึกตนให้ข้ามทวีปมาเฝ้าพิทักษ์มหาสมุทรแถบนี้ได้ด้วย? ถ้าอย่างนั้นสามความฝันของตน สรุปแล้วฝันไปนานเท่าใด ปีศาจใหญ่ห้าขอบเขตบนของใต้หล้าเปลี่ยวร้างอยู่ที่ไหน? หรือว่าจะถูกใต้หล้าไพศาลเข่นฆ่าสังหารจนสิ้นซากแล้ว? ไม่อย่างนั้นสถานที่สำคัญอย่างสำนักอวี่หลงและเกาะหลูฮวาจะต้องมีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนที่พลังพิฆาตโดดเด่นมารับผิดชอบเฝ้าดูแลอยู่อย่างแน่นอน อีกทั้งอย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีสองถึงสามท่าน หากอยู่ในช่วงท้ายของการทำสงคราม ให้ผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานเป็นผู้นำ ห้าขอบเขตบนยี่สิบสามสิบคนจับมือกันคอยสกัดขวางทางหนีของเผ่าปีศาจก็ยังไม่มากเกินไป

ชุยฉานพูดถูกจริงเสียด้วย ตนพลาดอะไรไปหลายอย่างเลยจริงๆ

แต่ถึงอย่างไรวิถีทางโลกก็สงบสุขแล้ว

ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสามต่างก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยน โดยเฉพาะยามที่สายตามองมายังพวกเขาทั้งสามคนก็ดู…ใกล้ชิดสนิทสนมมากเป็นพิเศษ

นี่เป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนหญิงขยับตัวเข้าใกล้ผู้เฒ่าข้างกายตามจิตใต้สำนึก เด็กหนุ่มที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ผู้นี้มีรูปโฉมหล่อเหลา คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนเสเพลผู้หนึ่ง

เรือนกายสูงเพรียว ปักปิ่นหยกไว้บนมวยผม สวมชุดสีขาว เพียงแต่ว่าเรือนกายคล้ายจะงองุ้มเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น

มองดูแล้วมีภาพบรรยากาศของขอบเขตโอสถทอง

ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าก่อกำเนิดยังคงไม่กล้าประมาท ใช้ภาษากลางของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่พูดไม่ค่อยคล่องนักถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”

เด็กหนุ่มกลับยิ้มตอบด้วยภาษากลางของใบถงทวีป “เฉาโม่เค่อชิงระดับสองของสำนักกุยหยกแห่งใบถงทวีป เดินทางไกลมาถึงที่นี่ รบกวนทุกท่านแล้ว เลื่อมใสในถ้ำแห่งโชควาสนามานาน เดิมคิดว่าจะแอบมาแล้วก็แอบจากไป เพียงแต่อดไม่ไหวไปกระตุ้นโดนตราผนึกเข้า”

ผู้เฒ่าของเกาะหลูฮวารีบถามด้วยภาษากลางของใบถงทวีปทันที “ในเมื่อเป็นเค่อชิงของสำนักกุยหยก เคยไปที่พื้นที่มงคลถ้ำเมฆามาหรือไม่?”

เฉินผิงอันรอคำถามนี้อยู่พอดี จึงพยักหน้า “แน่นอน สิบแปดทัศนียภาพของถ้ำเมฆาล้วนเคยไปเยือนมาหมดแล้ว”

ปีนั้นอยู่ในคฤหาสน์หลบร้อน บางครั้งที่มีเวลาว่างก็จะเปิดอ่านเอกสารลับประเภทต่างๆ ที่ถูกปิดผนึกมานานมากแล้ว ไม่ว่าจะสำนักใบถงหรือสำนักกุยหยกก็ล้วนไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเขา

ผู้เฒ่าเกาะหลูฮวายิ้มเอ่ย “ในเมื่อเฉาเซียนซือเคยเดินทางไปเยือนพื้นที่มงคลถ้ำเมฆามาก่อน ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรู้ว่าศาลาล่านเสิงที่ท่าเรืออวิ๋นเหมินมักจะมีแผงลอยมาวางขายอยู่ตลอด นอกศาลาขายสิ่งใด? ของที่หญิงชราขายมีความพิถีพิถันในเรื่องใด?”

เฉินผิงอันยกมือขึ้น ในมือก็มีพัดพับหยกเพิ่มมาหนึ่งเล่ม เขาเอาเคาะกับฝ่ามือเบาๆ หัวเราะพรืดตอบว่า “เป็นถึงเค่อชิงจะไปเดินเล่นที่ศาลาล่านเสิงที่หลอกเอาเงินเกล็ดหิมะของคนต่างถิ่นหรือ? ข้าเสียหน้าแบบนี้ไม่ได้หรอก ข้าผู้แซ่เฉาเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา มีแต่จะไปดื่มสุราแสงจันทร์สามชามที่เขื่อนหวงเฮ้อ จากนั้นค่อยไปนอนหลับในกองเมฆขาวบนยอดเขาอวิ๋นจี๋ ยามฟ้าสางใช้ต้นกกขาวกวาดเมฆ ข้าผู้แซ่เฉาเก็บเมฆขาวไว้ในชายแขนเสื้อ ไม่ถูกห้ามว่าต้องเก็บแค่จินเดียว ทุกครั้งล้วนเก็บมาสามจิน แล้วยังลดราคาได้อีกหกส่วน อิจฉาหรือไม่เล่า?”

ผู้เฒ่าเกาะหลูฮวาถูกข่มขู่จนตกใจไม่เบา เชื่อไปแล้วเกินครึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นอายบนร่างของผู้ฝึกตนใบถงทวีปที่มีรูปโฉมเป็นเด็กหนุ่มผู้นี้ที่ทำให้ผู้เฒ่าคุ้นเคยยิ่งนัก ในอดีตพวกเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของใบถงทวีปล้วนมีนิสัยเช่นนี้ กวนโมโหจนทำให้คนนึกอยากจะตั้นหน้าอีกฝ่ายหนักๆ ยิ่งอายุน้อยเท่าไร ตาก็ยิ่งไปอยู่เหนือคิ้วมากเท่านั้น แต่ยังดีที่ในบรรดาผู้ฝึกตนใบถงทวีปของทุกวันนี้ คนจำพวกนี้ล้วนไสหัวไปอยู่ใต้หล้าแห่งที่ห้ากันหมดแล้ว

ก่อกำเนิดผู้เฒ่าจากต้าหรางสุ่ยใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “หู่เฉิน เจ้าลองยืนยันให้แน่ใจก่อนว่าอีกฝ่ายใช่เผ่าปีศาจหรือไม่”

ลูกศิษย์ผู้สืบทอดนามหู่เฉินที่อยู่ข้างกายทำตามคำสั่งอาจารย์ รีบเรียกกระจกโบราณแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งออกมาทันที ในใจชายหนุ่มท่องคาถา มือหนึ่งถือกระจก มือหนึ่งทำมุทราปัดผ่านผิวกระจกเบาๆ เกิดเป็นน้ำเสียงเยียบเย็น อักขระสีทองสองวงที่แกะสลักไว้รอบกระจกโบราณเริ่มหมุนโคจร ส่องประกายแสงระยิบระยับ ‘กระจกโบราณส่องเทพ ส่องรูปกลั่นแก่นบริสุทธิ์ หล่อหลอมถึงขีดสุดกลับสู่ความจริง’ ‘ดวงจันทร์ซุกซ่อนเวทคาถาที่แท้จริง หมื่นสรรพสิ่งมิอาจซ่อนตัว’

เฉินผิงอันยังคงใช้พัดพับตีฝ่ามือ ก้มหน้าหรี่ตามองไป นั่นคือกระจกแสงจันทร์หนึ่งในกระจ่องส่องมารหกบานใหญ่ของไพศาล มองดูริ้วคลื่นลมปราณที่แผ่มาจากพลังจิตของผู้ฝึกตนหนุ่ม บวกกับร่องรอยเวทอสนีที่อีกฝ่ายร่ายใช้ น่าจะผสานรวมกับวิชาเทพสายฟ้าหนึ่งในวิชานอกรีตของเวทอสนีด้วย เอามาใช้สยบกำราบภูตผีปีศาจและภูตแห่งขุนเขาสายน้ำโดยเฉพาะ รวมไปถึงใช้สังหารพวกผีตัวประหลาดและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามศาลเถื่อนทั้งหลาย

ผู้ฝึกตนหนุ่มชูมือขึ้นสูง กระจกโบราณที่เขาถืออยู่สาดประกายแสงพร่างพราว สุกสว่างเจิดจ้า ปกคลุมไปทั่วร่างของเด็กหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูถ้ำแห่งโชควาสนาเอาไว้

เฉินผิงอันมีสีหน้าผ่อนคลายเป็นปกติ เพียงแค่กำพัดพับหยกที่อยู่ในมือเบาๆ

ในสายตาของพวกผู้ฝึกตนทั้งหลาย

เด็กหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับ ปล่อยให้แสงสีขาวจ้าของกระจกสาดส่องลงบนร่าง

ชุดสีขาวราวหิมะ เด็กหนุ่มอ่อนเยาว์ รูปโฉมบุคลิกงามงด

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “สหายท่านนี้ กระจอกแสงจันทร์บานนี้ของเจ้า อันที่จริงถูกผู้อาวุโสในตระกูลของเจ้าร่ายเวทอำพรางตาเอาไว้ ร่างจริงคือกระจกวานรพิศบ่องมจันทร์ที่ระดับขั้นสูงยิ่งกว่ากระมัง? นี่คือสมบัติอาคมที่เอามาทำเป็นอาวุธกึ่งเซียนได้ชิ้นหนึ่งเลยนะ หากข้าเป็นเผ่าปีศาจขอบเขตหยกดิบก็ไม่อาจเก็บซ่อนร่างจริงได้แล้ว หรือว่าสหายที่มีตบะแค่ขอบเขตประตูมังกร สามารถมาฝึกประสบการณ์ที่นี่ได้ ที่แท้ก็เพราะในมือถืออาวุธหนัก เลยเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ สหายท่านนี้ก็เป็นถึงผู้ฝึกกระบี่ผู้สืบทอดของต้าหรางสุ่ยแล้ว แล้วยังได้ครอบครองสมบัติอาคมตระกูลเซียนที่ได้ทั้งป้องกันและโจมตีอีกชิ้นหนึ่ง ข้าผู้แซ่เฉาควรจะมองเจ้าเป็นโอสถทองคนรุ่นเดียวกันสินะ”

ผู้ที่สร้างโอสถทองได้สำเร็จ คือคนรุ่นเดียวกับข้า

เฉินผิงอันยิ้มพลางกุมหมัดเขย่า ขณะเดียวกันก็ร่ายบทกลอนชวนเข็ดฟันว่า “ยามฝันงมจันทร์ในธารา ร่วมพิศขนบโบราณพร้อมวานร”

ขอบเขตประตูมังกรหนุ่มเก็บกระจกโบราณลงไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!