ชุยฉานดึงสายตากลับมา สะบัดชายแขนเสื้อ หลุดหัวเราะพรืดแล้วเอ่ยว่า “ ‘ทำความสะอาดร่องรอยจนสิ้น ยามนี้จึงเงียบสงบ สันดานแท้จริงลึกล้ำ ดุจดั่งน้ำนิ่งใสกระจ่าง มองแล้วชวนให้สบายตาสบายใจ ไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับใคร’ ขอแค่เจ้าได้อ่านประโยคเหล่านี้จากในตำรา ต่อให้เจ้าจะพอรู้ความหมายที่แท้จริงซึ่งซุกซ่อนอยู่ ก่อนหน้านี้มีหรือจะถึงขั้นเอ่ยว่า ‘ทนทรมานไม่ไหว’ จิตใจเหมือนเครื่องกระเบื้อง ปริแตกไม่เหลือชิ้นดี แล้วอย่างไรเล่า? นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ ปราชญ์ผู้ล่วงลับใช้ถ้อยคำปูเส้นทางเอาไว้ เจ้าก็แค่ก้าวยาวๆ เดินไปก็ได้แล้ว ไปถึงน้ำก็หยุดพิศมอง ก้มหน้าเห็นดวงจันทร์ในน้ำที่พอสลายแล้วก็กลับมากลมโตดังเดิม เงยหน้าค่อยเห็นดวงจันทร์ที่แท้จริง เดิมทีแสงสว่างก็มากกว่าอยู่แล้ว ใต้เท้าอิ่นกวานกลับดีนัก เลอะๆ เลือนๆ ช่างเป็นเงาใต้โคมที่ใหญ่นัก ร้ายกาจเสียจริง ไม่อย่างนั้นขอแค่มีความคิดนี้ ป่านนี้ก็น่าจะเลื่อนขั้นกลายเป็นขอบเขตหยกดิบได้นานแล้ว จิตมาร? เจ้าเรียกร้องให้มันมา ก็ยังไม่แน่เสมอไปว่ามันจะมาหาเลย”
เฉินผิงอันพึมพำเบาๆ อยู่ในใจ “สมองข้าแม่งไม่ได้มีปัญหาสักหน่อย ถึงจะอ่านหนังสือแม่งทุกเล่ม แล้วก็จำได้ทุกเรื่อง ยังต้องรู้มันไปเสียทุกเรื่องอีก พอรู้ก็ยังต้องไขความจริงที่ซ่อนอยู่ได้อีกด้วย หากเจ้าอายุเท่าข้า เวลานี้ใครจะเป็นคนด่าใครก็ยังไม่แน่เลย…”
สีหน้าของชุยฉานมีเลศนัย ชำเลืองตามองเจ้าคนที่สวมชุดคลุมอาคมสีแดงปล่อยผมสยายผู้นั้น
คล้ายกำลังเอ่ยประโยคหนึ่งว่า ‘ทำไม เป็นใต้เท้าอิ่นกวานมานานหลายปี เลยล่องลอยอยู่บนหัวกำแพงนี่จนชินแล้วรึ?’
เฉินผิงอันรีบเอ่ยทันใด “ตอนนี้เข้าใจบทกวีภาษาพระธรรมสองสามประโยคนี้ก็ไม่ถือว่าสายเกินไป เรื่องดีไม่กลัวว่าจะมาช้า”
ในด้านของการคาดเดาจิตใจผู้อื่น เฉินผิงอันได้ผลเก็บเกี่ยวมาจากชุยตงซานอย่างเปี่ยมล้น
เฉินผิงอันพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ซิ่วหู่ที่อยู่ข้างกายตนผู้นี้ ดูเหมือนว่าตอนที่อายุเท่าตน สมองจะดีกว่าตนไม่น้อยเลยจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางถูกคนบนโลกพากันคิดว่าตำแหน่งรองเจ้าลัทธิศาลบุ๋นหรือไม่ก็ตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของสถานศึกษาคือของในกระเป๋าของซิ่วหู่แน่นอนแล้ว
ชุยฉานกล่าว “เดิมทีจั่วโย่วอยากจะมารับเจ้ากลับใต้หล้าไพศาลด้วยกัน เพียงแต่ว่าถูกเซียวสวิ้นตอแยพัวพันไม่เลิกรา ไม่อาจปลีกตัวมาได้เสียที”
เฉินผิงอันถอนหายใจโล่งอก ไม่มาสิถึงจะดี ไม่อย่างนั้นการเดินทางมาครั้งนี้ของศิษย์พี่จั่วก็มีแต่จะรายล้อมไปด้วยอันตราย
ชุยฉานมองไปทางภูเขาใหญ่แสนลี้ที่อยู่ห่างไกลไปทางทิศใต้ “เรื่องราวและบุคคลในใต้หล้า แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเช่นนี้ ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ มีใจแต่ไร้กำลัง จะใช่คนบนภูเขาหรือไม่ เป็นคนบนภูเขาแล้วมีขอบเขตสูงเท่าไร ความต่างไม่ได้มากนัก มนุษย์ธรรมดาก็มีเรื่องที่มนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้ ผู้ฝึกตนก็มีความจนใจของผู้ฝฝึกตน ดังนั้นเจ้าจึงพลาดอะไรไปมากมาย”
เฉินผิงอันถาม “ยกตัวอย่างเช่น”
ชุยฉานกลับเอ่ยแค่ว่า “เยอะมาก”
แล้วก็เอ่ยย้ำอีกรอบ “เยอะมาก”
ก่อนหน้านี้หลิวชาถามกระบี่ต่อดวงตะวันจันทราที่ทักษินาตยทวีป เซียวสวิ้นอดีตอิ่นกวานสังหารสวินยวนขอบเขตบินทะยานที่ใบถงทวีป ป๋ายเหย่ไปที่ฝูเหยาทวีป หนึ่งคนกับสี่กระบี่เซียน ใช้กระบี่ท้าทายราชาบนบัลลังก์หลายท่าน หลังจากคลายพันธะสัญญา หวังจูก็เดินลงลำน้ำใหญ่สำเร็จในแจกันสมบัติทวีป กลายมาเป็นมังกรที่แท้จริงตัวแรกบนโลกมนุษย์ หยางเหล่าโถวเปิดหอบินทะยานขึ้นอีกครั้ง ผู้ฝึกกระบี่ของอุตรกุรุทวีปเดินทางลงใต้มาเป็นกองหนุนให้แก่แจกันสมบัติทวีป อาจารย์ผู้เฒ่านั่งอยู่บนยอดเขาภูเขาสุ้ยซาน สยบกำราบบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่ หลี่เซิ่งปกป้องไพศาลอยู่ที่นอกฟ้า
จากนั้นมาก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้คนได้แต่เพ่งมองตาไม่กะพริบ แจกันสมบัติทวีปเล็กๆ ที่เป็นหนึ่งในนั้นมีคนประหลาดและเรื่องพิสดารมากที่สุด สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้ผู้คนได้มากที่สุด
ทุกวันนี้ยังมีหย่าเซิ่งรั้งท้ายขบวนอยู่ที่ภูเขาทัวเยว่ ชุยฉานพลิกกลับขุนเขาสายน้ำ ตัวอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ขานรับกับอีกฝ่ายอยู่ไกลๆ ศึกตรีจตุระหว่างสายหย่าเซิ่งและสายเหวินเซิ่งแห่งศาลบุ๋นในปีนั้น ตอนที่ปิดฉากลงกลับกลายเป็นความร่วมมือตรีจตุ คาดว่านี่คงพอจะถือว่าเป็นการช่วงชิงแห่งวิญญูชนครั้งหนึ่งได้เลย
เฉินผิงอันนั่งยองอยู่บนหัวกำแพงเมือง สองมือกุมดาบแคบ “พลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ข้ายังจะทำอย่างไรได้อีก”
ชุยฉานยิ้มกล่าว “ดื่มเหล้าดับทุกข์มีอะไรไม่ได้เล่า ถึงอย่างไรเจ้าหนอนหนังสือจั่วโย่วก็ไม่ได้อยู่ที่นี่”
ความบันเทิงเริงใจจากการดื่มสุรานั้นอยู่ที่ความเบิกบานชื่นมื่นยามที่ดื่มจนเมามายแล้ว
สุราทำให้คนเมาได้ แค่ไม่กี่จอกที่ลงท้อง ฤทธิ์สุราแรงเหมือนผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบเอ็ด ทำให้คนถูกปลดเกราะชั้นแล้วชั้นเล่า
ผู้ที่ดื่มเก่งคือเซียนสุรา ผู้ที่หมกมุ่นอยู่แต่กับการดื่มสุราคือผีขี้เหล้า เรื่องของการดื่มเหล้าทำให้คนเลื่อนสู่ขอบเขตของเซียน ขอบเขตของผีได้ ดังนั้นซิ่วหู่จึงเคยเอ่ยว่า สุราก็คือผู้ไร้เทียมทานที่สุดบนโลกมนุษย์
เฉินผิงอันกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ไม่ว่าจะดื่มอยู่ในนครหรืออยู่บนหัวกำแพงเมือง ศิษย์พี่จั่วก็ไม่เคยว่าอะไร”
ชุยฉานหลุดหัวเราะพรืด “คำเถียงข้างๆ คูๆ ที่แข็งนอกอ่อนในเช่นนี้อย่ามาพูดต่อหน้าข้า แน่จริงก็ไปพูดกับจั่วโย่วโน่น”
เฉินผิงอันกระตุกมุมปาก “ข้ากล้าพูดจริงๆ นะ”
อย่าว่าแต่พูดจาดุดันยามดื่มสุราเลย คิดจะให้ศิษย์พี่จั่วก้มหน้ารับผิดก็ยังไม่ยาก
ขอแค่มีอาจารย์อยู่ข้างกาย
ชุยฉานถาม “ยังตัดสินใจไม่ได้อีกหรือ?”
เฉินผิงอันตอบ “ขอคิดอีกหน่อย ถึงอย่างไรเรื่องดีก็ไม่กลัวมาช้าอยู่แล้ว”
ชุยฉานไม่ได้พูดจากระทบกระเทียบอะไรให้อีกฝ่ายลำบากใจอีก เพราะเข้าใจสภาพจิตใจของคนหนุ่มได้ดี อยากกลับบ้านเกิด แต่ก็ไม่ค่อยกล้ากลับไป
ชุยฉานในอดีตก็เคยมีความคิดที่ซับซ้อนสับสนเช่นนี้ ถึงได้มี ‘เทียบกลับบ้านเกิด’ ที่ถูกอดีตฮ่องเต้ของต้าหลีเก็บรักษาไว้บนโต๊ะทรงพระอักษร กลับบ้านเกิดไม่สู้ไม่กลับบ้านเกิด
ชุยฉานคล้ายจะเกิดแรงบันดาลใจ มองฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาลไม่คุ้นเคยตรงหน้านี้แล้วก็เอ่ยว่า “สิ่งที่คนคนหนึ่งสามารถทำได้ ถึงอย่างไรก็มีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นใคร ล้วนจะต้องมีเส้นขอบเขตเส้นหนึ่งดำรงอยู่ คำพูด การกระทำ ความคิด ล้วนไม่มีสิ่งใดที่จะยกเว้นได้ ต่อให้เจ้าทุบกรอบทั้งหลายข้างกายจนพัง กฎเกณฑ์น้อยใหญ่ มองดูเหมือนมีอิสระบริสุทธิ์ แต่แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่ ในเมื่อไม่สามารถสร้างระเบียบขั้นตอนขึ้นมาใหม่ การไร้ระเบียบเดิมทีก็คือการกักขังอย่างใหญ่หลวงชนิดหนึ่งอยู่แล้ว อยู่ไกลเกินกว่าจะทำให้เจ้าสมใจปรารถนาได้อย่างแท้จริง พลิกมือฟ้าดินไม่เหลือ ยกมือฟ้าดินผุดขึ้นตาม นั่นต่างหากถึงจะเป็นอิสระเสรีที่ยิ่งใหญ่ ต่อให้หมื่นสรรพสิ่งของฟ้าดินจะรวมเป็นหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถใช้หนึ่งมาวิวัฒนาการเป็นหมื่นสรรพสิ่ง ยังคงไม่ใช่อิสระที่แท้จริง”
ชุยฉานกระทืบเท้าเบาๆ “หนึ่งเท้ากระทืบลงไป รังมดปลวกหายสิ้น ขนาดเด็กเล็กๆ ยังทำได้ มีอะไรร้ายกาจตรงไหนกัน”
“ตรงกันข้าม”
ชุยฉานยกมือขวาขึ้นยื่นนิ้วออกมาข้างหนึ่ง ตีลงบนหลังมือซ้ายเบาๆ “รู้หรือไม่ว่ามีฟ้าดินเล็กที่เจ้าไม่อาจจินตนาการได้ถึงมากน้อยแค่ไหนที่สลายสาบสูญไปในเสี้ยววินาทีนี้?”
รอยยิ้มของชุยฉานมีเลศนัย “ใครบอกเจ้าว่าในฟ้าดินมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเท่านั้นที่ถึงจะเป็นผู้นำของหมื่นสรรพสิ่ง? หากไม่เป็นเพราะเส้นทางใหญ่บางเส้นใต้ฝ่าเท้าของข้า ตัวข้าเองไม่ยินดี ไม่กล้า แล้วก็ไม่อาจเดินไปได้ไกล ไม่อย่างนั้นบนโลกใบนี้ก็มีขอบเขตสิบห้าที่ผลัดเปลี่ยนฟ้าดินอีกครั้งปรากฏเพิ่มมาคนหนึ่งแล้ว เจ้าอาจจะบอกว่าบรรพจารย์ของสามลัทธิไม่มีทางปล่อยให้ข้าสมปรารถนา ถ้าอย่างนั้นหากข้าเป็นรองเจ้าลัทธิของศาลบุ๋นก่อนแล้วค่อยไปนอกฟ้าเล่า? หรือไม่ก็ถือโอกาสในนอกประสานกับเจี่ยเซิงไปเสียเลย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!