กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 746

สรุปบท บทที่ 746.1 อยากย้ายภูเขา: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 746.1 อยากย้ายภูเขา – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 746.1 อยากย้ายภูเขา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ชุยฉานพลันยิ้มเอ่ย “เหรียญทองแดงแก่นทองสามเหรียญที่สุสานเทพเซียน ข้าช่วยเก็บไว้ให้เจ้ามานานแล้ว”

นี่เท่ากับว่าขานรับกับประโยคที่ว่า ‘ห้องมืดพันปีเพียงตะเกียงหนึ่งดวงก็สว่างไสว’ อยู่ไกลๆ แล้วยังสร้างวิธีเทพเซียนที่ ‘แม้แสงสว่างจะดับสิ้น แต่ตะเกียงยังคงอยู่’ ขึ้นมาด้วย

บนเส้นทางของชีวิตคน บางทีการทำความดีอาจมีการแบ่งเล็กใหญ่ หรือถึงขั้นอาจถูกสงสัยว่าเป็นการกระทำที่จอมปลอม มีเพียงจิตใจที่บริสุทธิ์ดีงามเท่านั้นที่ไม่มีการแบ่งสูงต่ำ

อยู่ดีๆ ชุยฉานก็นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา วิญญูชนคิดอบรมบ่มเพาะตน ไม่มีอะไรสูงส่งไปกว่าความจริงใจ เมื่อจริงใจก็ไม่มีเรื่องอื่นใดอีกแล้ว ขอเพียงยึดหลักเมตตาธรรม ประพฤติตนอย่างมีคุณธรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงผู้คุณ นี่เรียกว่าคุณธรรมฟ้า

เพียงแค่ไม่กี่ประโยคกลับเปิดโปงเรื่องใหญ่สามเรื่องอย่าง ‘จริงใจ’ ‘ยึดหลักเมตตาธรรม’ ‘คุณธรรมฟ้า’ ได้แล้ว

เพียงแต่ว่าซิ่วไฉเฒ่าอธิบายเหตุผลมากเกินไป คำพูดดีๆ มีมากมายเกินกว่าจะนับได้หมด ซุกซ่อนอยู่ภายใน จึงทำให้ประโยคนี้ไม่สะดุดตามากถึงเพียงนั้น

ตอนที่ซิ่วไฉเฒ่ายังไร้ชื่อเสียงอยู่ในหมู่ชาวบ้านก็เคยพร่ำพูดประโยคนี้ให้กับพวกลูกศิษย์ที่แรกเริ่มสุดต่างมีชีวิตพึ่งพากันและกันฟังอยู่หลายรอบ สุดท้ายกว่าจะย้ายมันพร้อมกับหลักการเหตุผลข้ออื่นไปไว้บนตำราที่มีกลิ่นน้ำหมึกหอมอ่อนจาง เอาไปจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม ขายแลกเงินมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย อันที่จริงตอนนั้นขนาดซิ่วไฉเฒ่ายังรู้สึกว่าพ่อค้าร้านหนังสือน้ำเข้าสมองไปแล้วหรือไร ถึงขั้นยินดีจัดพิมพ์ความรู้ในท้องที่ไม่เหมาะกับเวลาและโอกาสของตนออกมา ในความเป็นจริงแล้วพ่อค้าร้านหนังสือนั่นก็รู้สึกเหมือนกันว่าจะต้องขายไม่ออก จะต้องขาดทุนแน่นอน แต่เป็นใครบางคนที่ทั้งไปพูดเกลี้ยกล่อมและพูดข่มขู่ บวกกับการยุยงให้ดื่มเหล้ามื้อหนึ่งจากลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเหวินเซิ่งในอนาคต ถึงได้ยอมจัดพิมพ์ออกมาสามร้อยเล่มด้วยความเวทนา และในทางส่วนตัว ลำพังเพียงแค่ลูกศิษย์ทั้งหลายในโรงเรียนก็ควักเงินของตัวเองแอบซื้อไปแล้วถึงสามสิบเล่ม แล้วยังสามารถยุยงให้อาเหลียงที่มือเติบใจกว้างซื้อไปทีเดียวห้าสิบเล่มได้สำเร็จ ตอนนั้นลูกศิษย์ใหญ่ของโรงเรียนทุ่มเทแรงกายแรงใจมากที่สุด ใช้ผลประโยชน์หลอกล่ออาเหลียง บอกว่านี่คือหนังสือหายากที่จัดพิมพ์เป็นครั้งแรก พิมพ์แค่สามร้อยเล่มเท่านั้น แต่ละเล่มเรียกได้ว่ามีเพียงเล่มเดียว วันหน้ารอให้ซิ่วไฉเฒ่ามีชื่อเสียงเมื่อไหร่ อย่างน้อยราคาต้องสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ตอนนั้นลูกศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดในโรงเรียนใช้ชาต่างสุรา บอกว่าจะดื่มกับอาเหลียงหนึ่งถ้วย แล้วยังบอกให้อาเหลียงรอก่อน วันหน้าเมื่อตนอายุมากแล้ว สะสมใบไม้สีทองได้สักสองสามแผ่นกับเงินก้อนใหญ่อีกหลายๆ ก้อนได้เมื่อไหร่ ก็จะออกไปท่องยุทธภพ ถึงเวลานั้นค่อยมาดื่มเหล้ากันใหม่ ทิ้งน้ำชาแม่งไปเลย ไม่เห็นจะมีรสชาติ ในนิยายยุทธภพบอกว่าวีรบุรุษผู้กล้าไม่ดื่มชา มีแต่จะดื่มเหล้าชามใหญ่ ใช้จอกเหล้ายังไม่ได้เลย

นั่นเป็นช่วงเวลาที่อาจารย์และลูกศิษย์สายเหวินเซิ่งขาดแคลนเงินทอง ชักหน้าไม่ถึงหลังมากที่สุด

บรรดาศิษย์พี่ทั้งหลายดื่มเหล้ากับอาเหลียงจอมเสเพลไร้พันธนาการ เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ก่อนหน้านั้น ชุยฉานได้ไปดื่มเหล้ากับเจ้าอ้วนพ่อค้าหนังสือที่ใบหน้าแดงปลั่งเพียงลำพัง ชุยฉานรู้สึกว่าชีวิตนี้ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอยู่บนโต๊ะเหล้า ไม่เคยต้องวางตัวต่ำต้อยขนาดนั้นมาก่อน

ราวกับว่าชุยฉานได้เบิกเอาสีหน้า ถ้อยคำประจบสอพลอของทั้งชีวิตมาใช้ล่วงหน้ากับสุรามื้อนั้นไปหมดแล้ว คนหนุ่มยืน เจ้าอ้วนที่ในกระเป๋ามีเงินเหม็นๆ นั่ง บัณฑิตหนุ่มใช้สองมือถือจอกเหล้า ดื่มจอกแล้วจอกเล่า คนผู้นั้นถึงได้หัวเราะร่ายอมยกจอกเหล้าขึ้นจิบหนึ่งคำแล้ววางจอกสุราหันไปคีบกับแกล้มกินแทน

จนถึงทุกวันนี้ซิ่วไฉเฒ่าก็อาจจะยังไม่เคยรู้เรื่องนี้ หรืออาจจะรู้เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งพวกนี้แล้ว เพียงแต่ติดที่มาดของอาจารย์ ต้องพิถีพิถันเรื่องความสุภาพมีมารยาทของบัณฑิต จึงไม่สะดวกจะพูดอะไร ถึงอย่างไรก็ติดค้างคำขอบคุณลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาไว้คราหนึ่ง แล้วก็ติดค้างอยู่เช่นนั้นมาโดยตลอด หรือบางทีการที่อาจารย์ช่วยถ่ายทอดความรู้ไขข้อข้องใจให้ลูกศิษย์ ส่วนลูกศิษย์ก็ช่วยคลายทุกข์กำจัดความกังวลให้อาจารย์ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลตามหลักฟ้าดิน ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายพูดอะไรมากเกินแม้แต่ครึ่งคำอยู่แล้ว

เฉินผิงอันได้ยินประโยคนี้ถึงได้หลับตาลงช้าๆ เส้นเอ็นหัวใจที่ขึงตึงมาโดยตลอดพลันคลายตัวผ่อนคลายลงได้อย่างสิ้นเชิง ความเหนื่อยล้าปรากฎบนใบหน้าหมดสิ้น เขาอยากจะนอนหลับดีๆ สักตื่น อยากจะนอนหลับให้สนิท หลับไปสักหลายวันหลายคืน ต่อให้ส่งเสียงกรนดังสนั่นเหมือนฟ้าร้องก็ไม่สนใจอีกแล้ว

หิมะใหญ่ปลิวปราย แต่กลับไม่หล่นลงบนหัวกำแพงที่คนทั้งสองอยู่ ประหนึ่งเซียนเหรินฝึกตนอยู่ในภูเขา ร้อนไม่มาหนาวไม่เยือน เป็นเหตุให้ในภูเขาไม่รับรู้อากาศร้อนหนาว

ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันยังกังวลว่าจะมีหนึ่งในหมื่นที่ไม่คาดฝัน หากชุยฉานผู้นี้ยังคงเป็นวิธีการของโจวมี่ล่ะ ถ้าอย่างนั้นการที่ไม่หลับไม่พักผ่อน ไม่กินไม่ดื่มมาสิบกว่าปีนี้จะไม่เท่ากับสูญเปล่าทั้งหมดหรอกหรือ

เฉินผิงอันไม่รู้เลยว่าโจวมี่ที่อยู่นอกกำแพงเมืองปราณกระบี่ครึ่งแห่งนี้มีเป้าหมายอะไรกับตนกันแน่ แต่เหตุผลก็เรียบง่ายยิ่ง สามารถทำให้มหาสมุทรความรู้ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างวางแผนเล่นงานตนได้ขนาดนี้ แผนการนั้นต้องยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน

เรื่องซับซ้อนให้คิดไปในทางเรียบง่าย ให้แยกแยะ ให้ตัดแบ่ง ก็เหมือนหนึ่งกระบี่ที่ทลายหมื่นอาคม คิดเรื่องเรียบง่ายไปในทางซับซ้อน ให้ชดเชย ให้เสริมสร้าง ให้สร้างฟ้าดินขนาดเล็ก

เรื่องเงินเหรียญทองแดงสามเหรียญที่เฉินผิงอันเก็บซ่อนไว้ในบ้านเกิดยามเยาว์วัย เขาเก็บไว้เป็นความลับไม่เคยบอกใคร ต่อให้โจวมี่ชาติสุนัขผู้นั้นมีวิชาอภินิหารกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดก็ไม่อาจรู้เรื่องนี้ได้

ซิ่วหู่เชี่ยวชาญการมองนิสัยใจคอผู้คนให้ปรุโปร่งอย่างแท้จริง เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้เฉินผิงอันคลายการป้องกันทางใจลงได้

ชุยฉานหันหน้ามาเหลือบตามองเฉินผิงอันที่นอนอยู่บนพื้นแล้วเอ่ยว่า “ตอนอายุยังน้อยก็มีชื่อเสียงเลื่องลือ ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ง่ายที่จะทำให้คนหลงตัวเอง ไม่ใช่เข้าใจตัวเอง”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับแสดงว่าเห็นด้วย เดิมทีก็เป็นหลักการที่จะผิดหรือถูกก็ได้อยู่แล้ว เพียงแต่พอชุยฉานเป็นคนพูดกลับค่อนข้างจะมีเหตุผล หลักการเหตุผลหลายอย่าง มองดูเหมือนว่าคนนอกแค่พูดกับเจ้าคำสองคำ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเขาที่เอาชีวิตทั้งชีวิตมาอธิบายให้ฟัง จะมีประโยชน์หรือไม่ก็รับฟังไว้ก่อน ไม่ต้องจ่ายเงินสักหน่อย หากได้กำไร ก็เหมือนได้ดื่มสุราชามหนึ่งเปล่าๆ โดยไม่ต้องจ่ายเงิน

เฉินผิงอันรู้ว่าซิ่วหู่ผู้นี้พูดถึงบันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนั้น เพียงแต่ในใจยังอดขุ่นเคืองไม่ได้ “เดินไปบนทางสุดโต่งอีกทางหนึ่ง ทำลายชื่อเสียงของข้าเสียจนป่นปี้ นี่ก็ดีแล้วหรือ?”

เฉินผิงอันไม่ได้กังวลว่าชื่อเสียงของตัวเองจะเสียหายอะไร เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องนอกกาย เพียงแต่ว่าบนภูเขาลั่วพั่วยังมีเด็กๆ ที่ความคิดซื่อบริสุทธิ์อยู่มากมายถึงเพียงนั้น หากพวกเขาได้อ่านบันทึกท่องเที่ยวที่มีแต่มลพิษสกปรกชั่วร้ายพวกนั้นเข้า จะไม่เสียใจแย่หรอกหรือ คาดว่าวันหน้าพอกลับไปถึงบนภูเขาบ้านตน คงจะมีแม่นางคนหนึ่งที่ยิ่งมีเหตุผลให้เดินอ้อมผ่านตนไปแล้ว

ชุยฉานยิ้มเอ่ย “อย่างไรชื่อเสียงเจ้าก็ดีว่าซานจวินเว่ยป้อ”

เฉินผิงอันลืมตาขึ้น รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ถามอย่างสงสัย “ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ชุยฉานกล่าว “แค่กลับไปก็รู้แล้ว ไม่ต้องถามข้า”

จู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าชุยฉานกำลังจ้องมองตน

เฉินผิงอันจึงเอ่ยว่า “เป่าผิงชอบสวมชุดสีแดงมาตั้งแต่เด็ก ข้าจึงระวังเรื่องนี้มานานแล้ว บนจดหมายสองฉบับที่ในอดีตเคยให้คนนำไปส่งต่อก็เคยเอ่ยเตือนไว้แล้ว”

จดหมายทั้งสองฉบับต่างก็บอกเตือนเรื่องนี้ ฉบับหนึ่งให้เหนี่ยนซินมอบให้กับหนิงเหยา อีกฉบับหนึ่งมอบให้กับลูกศิษย์เฉาฉิงหล่าง ว่าที่เจ้าขุนเขาภูเขาลั่วพั่วในใจของเฉินผิงอัน จากนั้นจึงให้เฉาฉิงหล่างเป็นคนไปพูดเรื่องนี้กับหลี่ซีเซิ่งด้วยตัวเอง

ชุยฉานกล่าว “มีแค่เรื่องนี้หรือ?”

เห็นได้ชัดว่าในสายตาของชุยฉาน เฉินผิงอันทำแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น อยู่ไกลเกินกว่าคำว่าพอมากนัก

เฉินผิงอันกังขาไม่เข้าใจ

ชุยฉานเริ่มไม่สบอารมณ์นิดๆ เอ่ยเตือนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “ชื่อของเฉาฉิงหล่าง”

เฉินผิงอันยิ่งขมวดคิ้วเป็นปม เจ้านี่อมพะนำอะไรอยู่กันแน่

“พิศกายมิใช่กาย คันฉ่องคล้ายจันทราในน้ำ พิศใจไร้รูปลักษณ์ แสงสว่างเจิดจ้า”

ชุยฉานส่ายหน้าคล้ายจะผิดหวังเล็กน้อย แหงนหน้ามองดวงจันทร์สองดวงของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “แสงสะท้อนยามคับขัน สาดส่องแรงกล้า เมฆสลายฟ้าใส ตะวันแผดกระจ่างจ้า! ข้ายังนึกว่าเจ้าออกจากบ้านเกิดเดินทางไกลมานหลายปีขนาดนี้ ข้างกายมีลูกศิษย์ชื่อ ‘ฉิงหล่าง’ คนหนึ่งแล้ว กำแพงเมืองปราณกระบี่ยังมีอริยะลัทธิพุทธเฝ้าพิทักษ์ม่านฟ้า ไม่ว่าอย่างไรอ่านตำราก็น่าจะอ่านมาถึงจุดนี้แล้ว ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าพลิกเปิดตำราไปมา สรุปแล้วอ่านอะไรไปบ้างกันแน่”

เฉินผิงอันคล้ายจะเข้าใจแล้ว แล้วก็ไม่ถือสาคำพูดประชดประชันของชุยฉาน

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!