ผู้ดูแลคนนั้นกุมหมัดเอ่ยว่า “ล่วงเกินแล้ว เชิญขึ้นเรือ”
เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะกลับคืน ยิ้มเอ่ยว่า “ลมบนภูเขาแรง ระวังไว้ก่อนย่อมขับเรืออย่างปลอดภัยได้นานเป็นหมื่นปี”
หากเฉินผิงอันปรากฏตัวด้วยชุดสีเขียวนี้ก่อน คาดว่าคืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้ขึ้นเรือเด็ดขาด
นี่ก็คือใจคน
ผู้ดูแลคนนั้นคลี่ยิ้ม
นับว่าเป็นคนที่พูดเป็น
เฉินผิงอันขอห้องพักสามห้องจากเรือข้ามฟาก ของเฉินผิงอันเองหนึ่งห้อง แม่นางน้อยกับเด็กผู้ชายแยกกันอยู่คนละห้อง
เฉินผิงอันมีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว ห้องต้องอยู่ติดกัน เงินเทพเซียนนั้นพูดได้ง่าย เชิญเปิดราคามาได้ตามสบาย ส่วนข้อที่ว่าเรือข้ามฟากไฉ่อีต้องปรึกษากับลูกค้าเพื่อหาห้องว่างมาให้พวกเขาหรือไม่ เฉินผิงอันแค่ใช้เงินชดเชยให้เหล่าเซียนซือก็พอแล้ว คงจะปล่อยให้พวกเซียนซือต้องย้ายห้องกันเปล่าๆ ทำให้เรือข้ามฟากต้องลำบากใจไม่ได้
ใต้หล้านี้คนแซ่เฉียน (เงิน) นั้นมีมากที่สุด
ธุระนับว่าจัดการได้ราบรื่น หนึ่งเพราะเงินเทพเซียนบนภูเขาทุกวันนี้ยิ่งมีค่ามากขึ้น นอกจากนี้เรือข้ามฟากไฉ่อีก็ตั้งใจจะยอมถอยให้ด้วยหลายส่วน ทำการค้าบนภูเขา ระมัดระวังขับเรือได้นานหมื่นปี แน่นอนว่าไม่ผิด ทว่าคำเอ่ยที่ว่า ‘บนภูเขาลมแรง’ นั้นกลับยิ่งเป็นสัจธรรมที่แท้จริง
เฉินผิงอันยกสองนิ้วทำมุทรากระบี่ โคจรวัตถุแห่งชะตาชีวิตธาตุทองหนึ่งในห้าธาตุในเวลาเดียวกัน วาดบ่อกระบี่สีทองแห่งหนึ่งโอบล้อมห้องทั้งสองเอาไว้
หลีกเลี่ยงไม่ให้เวลาที่พวกเด็กๆ คุยเล่นกันไม่ทันรู้ตัวถูกพวกสอดรู้สอดเห็นบนเรือข้ามฟากที่กินอิ่มว่างงานไม่มีอะไรทำใช้เวทลับมาลอบสำรวจ
เดิมทีเฉินผิงอันยังอยากจะหยิบยันต์อีกสองสามแผ่นออกมาแปะไว้บนหน้าต่างและบานประตู แต่ก็แค่คิดแล้วล้มเลิกไป พวกเด็กๆ จะได้ไม่รู้สึกว่าถูกควบคุมมากเกินไป
เรือข้ามฟากแห่งนี้จะไปจอดเทียบท่าที่ท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่งทางทิศใต้สุดของใบถงทวีป ห่างจากสำนักกุยหยกไม่ถือว่าไกลนัก
เฉินผิงอันกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง สั่งเหล้าหมักตระกูลเซียนที่มีเฉพาะบนเรือไฉ่อีมาหนึ่งกา ดื่มไปครึ่งกาแล้วก็ใช้นิ้วแต้มสุรา เขียนตัวอักษรหนึ่งบรรทัดลงไปบนโต๊ะ ‘แม่น้ำใสมหาสมุทรสงบ ผลเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์’
คราวก่อนที่ไปเยือนใบถงทวีป เรือข้ามทวีปที่โดยสารคือปลาวาฬกลืนสมบัติที่ครอบครองพื้นที่ลับหลายแห่ง
ทุกวันนี้ภูเขาห้อยหัวไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ลู่ไถเองก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
หากลู่ไถใช้สถานะของ ‘หลิวไฉ’ ปรากฏตัวที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ จะต้องเป็นดั่งการเพิ่มน้ำค้างแข็งลงบนหิมะสำหรับสภาพจิตใจของเฉินผิงอัน แต่ในเมื่อตอนนี้ได้กลับบ้านเกิดแล้ว เฉินผิงอันก็ไม่ต้องถึงขั้นกลัวหัวหดถึงเพียงนั้นอีกแล้ว
เฉินผิงอันแปะยันต์ชำระสิ่งสกปรกไว้บนหน้าต่างด้วยความเคยชิน แล้วจึงเริ่มเดินนิ่ง ต้องพยายามทำความคุ้นเคยกับการสยบกำราบทางมหามรรคาของฟ้าดินแห่งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
นี่ก็คือโรคภัยที่การผสานรวมกับกำแพงเมืองปราณกระบี่ทิ้งไว้ให้ในภายหลัง อยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างจะถูกสยบกำราบ มาถึงใต้หล้าไพศาลก็เป็นเช่นเดียวกัน
สำหรับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวแล้วกลับถือว่าเป็นเรื่องดีใหญ่เทียมฟ้า อย่าว่าแต่เดินนิ่งหรือประลองฝีมือกับคนอื่นเลย ทุกลมหายใจล้วนถือเป็นการฝึกหมัดทั้งสิ้น
ทว่าสำหรับผู้ฝึกตนแล้ว สภาพการณ์จะค่อนข้างกระอักกระอ่วนแล้ว หากเฉินผิงอันไม่มีพื้นฐานของผู้ฝึกยุทธ มีเพียงสถานะของผู้ฝึกกระบี่ คาดว่าเวลานี้คงต้องนอนหมอบอยู่กับพื้นไปแล้ว เพียงแต่ว่าขอแค่ทำความคุ้นเคยกับการโคจรของมหามรรคาในใต้หล้าไพศาลได้ ผลกระทบก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แต่หากต้องเข่นฆ่าเอาชีวิตกับผู้อื่น เรื่องไม่คาดฝันจะมีมากมาย พูดง่ายๆ ก็คือทุกวันนี้เท่ากับว่าเฉินผิงอันเป็นผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจครึ่งตัวที่มาอยู่ในฟ้าดินเล็กของอริยะแห่งใต้หล้าไพศาล
เฉินผิงอันหลับตาลง กึ่งหลับกึ่งตื่น เดินนิ่งไปอย่างเนิบช้า หลายปีที่เฝ้าประตูอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ อาศัยการขัดเกลาอย่างเชื่องช้า ฝึกหมัดไปได้สามล้านกว่าหมัด
คิดว่าก่อนจะกลับไปถึงภูเขาลั่วพั่วจะฝึกอีกห้าแสนหมัด
ดังนั้นการฝึกหมัดสิบล้านครั้งที่เมื่อก่อนแม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าคิดก็น่าจะมีความหวังอยู่มาก
เด็กสองกลุ่มที่อยู่ในห้องซ้ายขวา ตอนนี้ยังไม่มีใครเดินออกมาจากห้อง เฉินผิงอันจึงฝึกเดินนิ่งอย่างสงบต่อไป
ช่วงเช้าตรู่ เรือข้ามฟากไฉ่อีค่อยๆ จอดสนิท บอกว่าต้องผ่านลานเก็บไข่มุกขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะหลูฮวา จึงจะหยุดพักหนึ่งชั่วยาม สามารถซื้อหาไข่มุกสีสันต่างๆ มาจากผู้ฝึกตนเกาะหลูฮวาได้
ผู้โดยสารเรือข้ามฟากที่ขอแค่มียันต์กระบี่ไผ่เขียวอยู่ในมือก็สามารถทะยานลมไปยังท่าเรือตระกูลเซียนที่สร้างขึ้นชั่วคราวในลานเก็บไข่มุกได้ แต่ทางฝั่งของเรือข้ามฟากนี้จะมีคนนำทางไปให้ ไม่ว่าใครก็ห้ามออกไปท่องเที่ยวเพียงลำพังโดยพลการ ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้คิดจะกลับขึ้นเรือมาใหม่ ในเมื่อชอบเดินเที่ยวเล่นส่งเดชนักก็เดินคนเดียวไปถึงใบถงทวีปเลยแล้วกัน
เฉินผิงอันเดินออกมาจากห้อง ไปที่หัวเรือ แต่กลับไม่คิดจะไปยังลานเก็บไข่มุก เพียงแค่ยืนอยู่ตรงหัวเรือ ด้วยอยากฟังพวกผู้ฝึกตนพูดคุยกัน
ก่อนหน้านี้เขาอยากซื้อรายงานขุนเขาสายน้ำสักหลายๆ ฉบับ ทางฝั่งของเรือข้ามฟากก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วฉับไวว่าไม่มี หากมีเงินเยอะ ผู้ดูแลของเรือข้ามฟากที่ฝีมือการเขียนตัวอักษรบรรจงเล็กจานฮวาเลิศล้ำก็สามารถเขียนให้เขาได้ฉบับหนึ่ง ไม่แพง แค่เงินเทพเซียนเหรียญเดียวเท่านั้น เงินฝนธัญพืช
นี่เป็นการแสดงออกชัดเจนว่าต้องการรังแกผู้ฝึกตนของใบถงทวีป
เก้าทวีปของไพศาล ชื่อเสียงของผู้ฝึกตนใบถงทวีปฉ่าวโฉ่ไปทั่วทุกหัวถนนแล้ว
ไม่ไปใช้จ่ายเงินเทพเซียนที่ลานเก็บไข่มุก บนเรือข้ามฟากไฉ่อีก็มีเรื่องบนภูเขาที่มากพอจะผ่อนคลายอารมณ์ให้ทำ
ตำแหน่งที่เรือข้ามฟากลอยตัวจอดอยู่มีความพิถีพิถันอย่างยิ่ง จุดลึกเบื้องล่างคือสถานที่ที่กระแสน้ำเส้นหนึ่งในมหาสมุทรต้องไหลผ่าน สามารถตกปลาในกระแสน้ำได้ หากโชคดียังอาจได้เจอกับเผ่าพันธุ์น้ำหายากอีกด้วย
เพียงแต่ว่าคิดจะเสพสุขกับความบันเทิงในการเป็นชาวประมงนี้ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ต้องเช่าเบ็ดตกปลาไผ่เขียวที่สร้างขึ้นด้วยวิชาลับของตระกูลเซียนมาจากเรือข้ามฟาก หนึ่งเหรียญเงินร้อนน้อยตกได้ครึ่งชั่วยาม
เฉินผิงอันเห็นว่าตรงราวรั้วมีชาวประมงจับกลุ่มกันสองสามคนอยู่ก่อนแล้ว จึงจ่ายเงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญ ไปนั่งอยู่บนราวรั้วทำท่าทางเหมือนพวกเขา โยนคันเบ็ดลงไปในทะเล เส้นเอ็นที่ใช้ยาวมาก มีเหยื่อให้โถเล็กๆ ที่ในที่สุดก็ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นคัมภีร์การทำการค้าเล่มนี้ของเรือข้ามฟากก็เรียกว่าใจดำอำมหิตเกินไปหน่อยแล้ว
เฉินผิงอันถอนหายใจ เมื่อก่อนชุยตงซานมักจะพูดจาเหลวไหลอยู่ข้างกายตนเป็นประจำ บอกว่าตัวอักษรดำบนกระดาษขาวมีความหมายลึกล้ำ ตัวอักษรทุกตัวล้วนเป็นเงาหนึ่งเงา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!