เฉินผิงอันเอ่ยอย่างจนใจ “อย่าพูดอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่พอให้ใช้จ่าย เงินทองมีเพียงหล่นลงในมือของคนทำการค้าเท่านั้นถึงจะต้องย้ายบ้าน ต้องแวะเวียนไปตามบ้านหลังต่างๆ”
น่าหลันอวี้เตี๋ยกะพริบตาปริบๆ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะร่วมมือทำการค้ากับอาจารย์เฉา มอบเงินให้อาจารย์เฉาเป็นผู้ดูแล วันหน้าพอได้เงินก็ค่อยแบ่งส่วนแบ่งให้ข้าแล้วกัน”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ วางตะเกียบลง โบกมือ “อย่าเลยๆ”
ท่านย่าบรรพจารย์ น่าหลันไฉ่ฮ่วน?
ไม่รู้ว่านางที่ทุกวันนี้อยู่ในใต้หล้าไพศาลจะได้ก่อสำนักตั้งพรรคแล้วหรือยัง
แม่นางน้อยรู้สึกห่อเหี่ยวเล็กน้อย เฉินผิงอันจึงเอ่ยปลอบใจ “ไม่ต้องรีบร้อน วันหน้าหากมีงานที่หาเงินได้จริง ข้าค่อยบอกกับเจ้า”
ระหว่างที่กินอาหาร เฉินผิงอันก็คอยเงี่ยหูฟังคนนอกโต๊ะคุยกัน เพียงแต่ว่าน้อยนักที่พวกเขาจะคุยกันเรื่องบ้านเมือง ส่วนใหญ่เป็นการกระซิบกระซาบกันเรื่องเส้นทางหาเงินทองเสียมากกว่า
คนทั้งกลุ่มไปขึ้นเรือตระกูลเซียนที่ท่าหวงฮวาตรงเวลา เฉินผิงอันจัดการกับเด็กทั้งสองกลุ่มเรียบร้อยแล้วก็ไปนั่งนิ่งๆ อยู่ในห้องตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนจะปลด ‘งอบไม้ไผ่’ ลงแล้วเดินไปที่หัวเรือเพียงลำพัง
เพียงไม่นานป๋ายเสวียนก็ปรากฏตัว มาอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ใช้เสียงในใจถามว่า “ทำไมถึงไม่ให้พวกเราหลบอยู่ในถ้ำสวรรค์เล็ก เมื่อเป็นเช่นนี้อาจารย์เฉาก็จะกลับบ้านเกิดได้เร็วยิ่งกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?”
เฉินผิงอันอธิบายอย่างอดทน “หากข้าเร่งเดินทางเพียงลำพัง ทะยานลมไปยังแจกันสมบัติทวีป ขอแค่เจอเรื่องไม่คาดฝันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ เอาแต่เดินเร็วๆ อยู่บนภูเขาก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะไปถึงได้เร็ว ไปพร้อมกับเรือข้ามฟาก เรื่องไม่คาดฝันมีเยอะมาก ก็จะคอยหลบเลี่ยงเอาเอง เดินบนเส้นทางทะเล ปีศาจใหญ่ซ่อนตัวอยู่เยอะยิ่งกว่า ก็เหมือนอย่างหอยกาบใหญ่ตัวนั้น เดินบนเส้นทางบก แม้จะบอกว่าต้องเดินผ่านขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป ทว่ากลับมีความมั่นคงมากกว่า แล้วนับประสาอะไรกับที่ใบถงทวีปแห่งนี้ ข้าเองก็มีสหายอยู่ไม่น้อย ต้องไปพบหน้าพวกเขาสักหน่อย”
ป๋ายเสวียนพยักหน้า เขย่งปลายเท้าเอาสองมือจับราวรั้ว สีหน้ากลัดกลุ้มเป็นกังวลเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่งก็เป็นฝ่ายเปิดปากเอ่ยว่า “อาจารย์เฉา กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของข้าธรรมดามาก ระดับขั้นไม่สูง ดังนั้นผู้อาวุโสจึงบอกว่าข้าคงประสบความสำเร็จได้ไม่สูงมากนัก อย่างมากสุดก็คือเซียนดิน เป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดยังต้องอาศัยโชคมหาศาล นั่นยังอยู่ที่บ้านเกิดด้วย มาถึงที่นี่แล้ว ก็ไม่แน่ว่าชั่วชีวิตนี้อาจหยุดอยู่แค่ที่ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองเท่านั้น”
เกี่ยวกับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของตัวเอง เฉินผิงอันไม่ได้จงใจสอบถามเด็กๆ ทุกคน พวกเด็กๆ เองก็ไม่ได้พูดถึง
แต่เฉินผิงอันที่รับดูแลคฤหาสน์หลบร้อนด้วยสถานะของอิ่นกวาน ครานั้นที่อยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่เคยได้ทำการประเมินกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ เพียงแต่ว่าใช้วิธีการคัดเลือก วัตถุแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่ที่มีคุณประโยชน์มาก มีพลังพิฆาตมหาศาล ช่วยผู้ฝึกกระบี่ยามจับคู่เข่นฆ่าได้มาก ระดับขั้นกลับไม่สูงเท่ากระบี่บินที่แสดงฝีมือในสนามรบที่เหมาะสมได้
เด็กชายอยู่ว่างไม่มีอะไรทำจึงเอาศีรษะโขกกับราวรั้วเบาๆ
เฉินผิงอันวางสองมือทับซ้อนกัน ฟุบตัวอยู่บนราว ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฝึกตนคือเรื่องใต้ฝ่าเท้าในทุกๆ วัน หลายปีให้หลังจะยืนอยู่ที่ไหนก็เป็นเรื่องของอนาคต ในเมื่อถูกกำหนดมาแล้วว่าเป็นเรื่องที่ตอนนี้คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่สู้วันหน้าค่อยกลัดกลุ้มใหม่ ถึงอย่างไรตอนนั้นก็ยังมีเหล้าให้ดื่ม ที่อาจารย์เฉาอย่างอื่นมีไม่มาก แต่สุรานั้นไม่มีทางขาดอย่างแน่นอน”
ป๋ายเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ข้ายังนึกว่าอาจารย์เฉาจะเอาถ้อยคำไพเราะมาปลอบใจคนเสียอีก”
เฉินผิงอันเอ่ยหยอกล้อ “คำพูดดีๆ ก็มี กระบุงใหญ่หลายกระบุงยังบรรจุได้ไม่หมดเลย”
ป๋ายเสวียนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะทอดถอนใจเอ่ยว่า “มาคุยกับอาจารย์เฉาเป็นการส่วนตัว พอกลับไปคงจะเป็นเพื่อนกับพวกอวี้ชิงจางไม่ได้แล้วล่ะ”
เฉินผิงอันเพียงยิ้มรับ ไม่เอ่ยอะไร
ป๋ายเสวียนประหลาดใจ “อาจารย์เฉาไม่แปลกใจบ้างหรือ?”
เฉินผิงอันทอดสายตามองไปไกล “พอจะเดาได้คร่าวๆ แล้ว ผู้ฝึกกระบี่กลุ่มที่ต่อให้ต้องทุ่มด้วยชีวิตก็จะช่วยเซียนกระบี่ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจใหญ่ให้ได้ในปีนั้น ข้าขัดขวางไม่ยอมให้พวกเขาออกไป ค่อนข้างทำให้คนเสียใจ ข้าเดาว่าผู้ฝึกกระบี่ในกลุ่มนั้นก็น่าจะมีคนที่เป็นผู้อาวุโสหรือไม่ก็อาจารย์ของพวกอวี้ชิงจาง”
ป๋ายเสวียนยิ่งหลากใจมากกว่าเดิม “ท่านไม่รังเกียจที่พวกอวี้ชิงจางไม่รู้จักดีชั่วสักนิดเลยหรือ? คนโง่ก็ยังรู้ว่าท่านทำเพราะหวังดีต่อกำแพงเมืองปราณกระบี่นะ”
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “ใครบอกว่าทำเรื่องดีแล้วจะไม่ทำให้คนเสียใจล่ะ? หลายๆ ครั้งกลับยิ่งทำให้คนเสียใจมากกว่าเดิม”
ป๋ายเสวียนส่ายหน้า “ถึงอย่างไรข้าก็รู้สึกว่าพวกอวี้ชิงจางทำไม่ถูก”
เฉินผิงอันไม่ยินดีจะพูดเรื่องนี้ให้มากความ
ป๋ายเสวียนพึมพำกับตัวเองว่า “อาจารย์ของอาจารย์ข้าก็คือหนึ่งในผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนั้น หลังจากบรรพจารย์ตายไป อาจารย์ก็ไม่เคยพูดจาร้ายๆ ถึงใต้เท้าอิ่นกวานแม้แต่ครึ่งคำ แล้วก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ข้าเป็นอิ่นกวานน้อยๆ กลับยังชมว่าข้ามีปณิธานยิ่งใหญ่ด้วย”
เฉินผิงอันยื่นมือไปตบศีรษะเด็กชายเบาๆ “อาจารย์ของเจ้าร้ายกาจมาก”
ป๋ายเสวียนแหงนหน้ายิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นวันหน้าอาจารย์เฉาเจอกับเฉินหลี่ก็ปรึกษากับเขาหน่อยเถอะ ให้เขาเอาตำแหน่งอิ่นกวานน้อยมอบให้ข้าได้ไหม?”
เฉินผิงอันเอ่ย “เจอกันแล้วค่อยว่ากัน”
ป๋ายเสวียนบ่น “บัณฑิตทำอะไรไม่คล่องแคล่วฉับไว วกวนอ้อมค้อม เอาแต่พูดถ้อยคำคลุมเครือที่ได้ผลประโยชน์ไปหมดโดยไม่เสียเปรียบใดๆ”
เฉินผิงอันหันตัวมาหา พยักหน้า “ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ ต้องเปลี่ยนสักหน่อย ดังนั้นตอนนี้จะให้คำตอบแก่เจ้าเลยแล้วกัน ไม่ได้”
ป๋ายเสวียนเบิกตากว้าง ถอนหายใจ เอาสองมือไพล่หลัง เดินกลับไปยังที่พักเพียงลำพัง ทิ้งให้อาจารย์เฉาคนใจแคบขี้เหนียวยืนกินลมไปเพียงลำพัง
ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศอุ่นขึ้นแต่ก็ยังหนาวเย็น ทว่าลมวสันต์กลับโชยเต็มภูเขาที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน บุปผาประชันกันเบ่งบาน โลกมนุษย์ร่วมใจขอบคุณตงจวิน
คนชุดเขียว ห้อยดาบรัดน้ำเต้าบรรจุเหล้า ก้มหน้าลงมองพื้นดิน เนิ่นนานก็ยังไม่ถอนสายตากลับมา
เฉินผิงอันพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของตน ตอนนี้จะเลื่อนเป็นขอบเขตร่างทองแล้วหรือยัง? ถ้าอย่างนั้นตัวของนาง…จะสูงเท่าเหอกูแล้วหรือยัง?
เฉินผิงอันฟุบตัวอยู่บนราวรั้ว ยิ้มจนตาหยี มุมปากตวัดโค้งขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!