“นี่น่าจะเป็นความจริงแล้ว”
เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับ “หากไม่ได้ควบรวมภูเขาไท่ผิงและยอดเขาเทียนแจว๋เข้าไปด้วย เปลี่ยนเป็นภูเขาสองลูกอื่นเข้ามาแทนที่ ก็ได้แต่ถือว่าเป็นเจ็ดสำแดงสองอำพรางที่ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ต่อให้รวบรวมสถานการณ์ใหญ่กฎฟ้าปรากฎการณ์ดินของเป่ยโต่วเก้าดวงดาวได้ครบถ้วน ก็ยังคงขาดอยู่อีกเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรอารามจินติ่งก็มีแค่แห่งเดียว รากฐานยังไม่ถือว่าแน่นหนามากพอ”
“แค่นี้ก็น่าตะลึงพรึงเพริดมากแล้ว ตู้หันหลิงเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตก่อกำเนิดคนหนึ่ง อารามจินติ่งคือตัวสำรองสำนัก ก็กล้าคิดกล้าทำถึงเพียงนี้แล้ว ร้ายกาจ ร้ายกาจ”
เฉินผิงอันจุ๊ปากพูด “ตู้หันหลิงไม่เสียแรงที่เป็นราชันบนภูเขาของใบถงทวีปพวกเจ้า เป็นทั้งผู้พิชิตในกลียุค แล้วยังรักษาตัวรอดปลอดภัย ทั้งยังเป็นวีรบุรุษผู้กล้าที่จะปกครองโลก สามารถลุกผงาดขึ้นมาตามสถานการณ์ได้ นักพรตเป่าเจินและเส้ายวนหรานช่างโชคดียิ่งนักที่ได้มาเจอกับเจ้าอารามที่เป็นเช่นนี้”
เจียงซ่างเจินเอ่ยอย่างปลงอนิจจัง “ข้ากับเจ้าขุนเขา ความคิดเห็นของวีรบุรุษค่อนข้างจะเหมือนกัน”
ชุยตงซานเหลือกตามองบน
เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้า “ภูเขาไท่ผิง อารามจินติ่งและเสี่ยวหลงชิวอย่าเพิ่งไปคิดถึงเลย ส่วนทางฝั่งของตำหนักพยัคฆ์เขียวอารามเทียนแจว๋ล่ะ? เทพเซียนผู้เฒ่าลู่ได้ฉวยโอกาสเปลี่ยนภูเขาลูกที่ใหญ่กว่าเดิมหรือไม่?”
เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “ลู่ยงคือสหายเก่าแก่ของพวกเรานะ เขาเป็นคนที่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในวันวาน อีกทั้งทุกวันนี้ยังเป็นเทพเซียนผู้เฒ่าจำนวนน้อยนิดที่สามารถสวมชุดแพรจากทวีปอื่นกลับคืนมายังบ้านเกิดได้อีกด้วย กอดขาใหญ่สองข้างอย่างกองทัพม้าเหล็กต้าหลีและอ๋องเจ้าเมืองซ่งมู่เอาไว้ได้ ไม่น่าจะเป็นพันธมิตรกับอารามจินติ่งหรอก”
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ หรี่ตาเอ่ย “ซูคือฟ้า เสวียนคือดิน จีคือคน เฉวียนคือเวลา หนึ่งในนั้นคือเทียนเฉวียนที่มืดที่สุด เหวินฉวี่คือจุดเชื่อมโยงระหว่างตัวกระบวยกับด้ามกระบวยพอดี” (ดาวเป่ยโต่วหรือดาวกระบวยใหญ่เจ็ดดวง เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวของดาวหมีใหญ่)
เจียงซ่างเจินยิ้มถาม “เจ้าขุนเขามีความแค้นกับอารามจินติ่งหรือ?”
ความคิดของเฉินผิงอันก้าวกระโดดอย่างยิ่ง เขาย้อนถามว่า “ราชวงศ์ต้าเฉวียนมีเมืองแห่งหนึ่งมีชื่อว่าเมืองฉีเฮ้อ เล่าลือกันว่าในยุคโบราณมีเซียนขี่กระเรียนบินทะยาน อันที่จริงก็คือภูเขาเล็กลูกหนึ่ง อาณาเขตรอบด้าน ทุกชุ่นล้วนเป็นทอง มีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ผู้เฒ่าหนีหรือไม่?”
ปีนั้นตอนที่อยู่ในเมืองฉีเฮ้อยังเคยมีมรสุมที่ผู้ฝึกยุทธเด็กหนุ่มยืมดาบจากศาลด้วย
แน่นอนว่าก็เคยเจอกับเทพแห่งผืนดินที่เข้าใจเรื่องราวทางโลกและความรู้สึกของมนุษย์ดีอย่างยิ่ง ตอนนั้นเฉินผิงอันอยากจะมอบเงินร้อนน้อยเหรียญหนึ่งให้เป็นค่าตอบแทน เพียงแต่ว่าอาจารย์ผู้เฒ่าไม่ได้รับเอาไว้
ส่วนลูกศิษย์ผู้สืบทอดของตู้หันหลิง นักพรตเป่าเจินแห่งยอดเขาอิ่นเมี่ยว รวมไปถึงศิษย์หลานอย่างเส้ายวนหราน คู่อาจารย์และศิษย์ที่เป็นผู้ถวายงานของต้าเฉวียนสองคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเฉินผิงอัน อาจารย์และศิษย์สองคนเคยรับหน้าที่ช่วยฮ่องเต้สกุลหลิวจับตามองกองทัพชายแดนตระกูลเหยา เพียงแต่ว่าตอนนั้นเฉินผิงอันยังไม่รู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนนักพรตเป่าเจินได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ถวายงาน ปิดด่านฝึกตนอยู่ในอารามจินติ่งแล้ว แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตประตูมังกรไปได้ แต่ลูกศิษย์อย่างเส้ายวนหรานกลับเป็นผู้ถวายงานลำดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเฉวียนแล้ว เป็นเซียนดินโอสถทองที่อายุน้อยคนหนึ่ง
เจียงซ่างเจินปรบมือหัวเราะร่า “เรื่องนี้เจ้าขุนเขาก็เดาได้ด้วยหรือ!”
เป็นอาจารย์หนีจากพื้นที่มงคลดอกบัวจริง เพราะท่วงทำนองที่เหลืออยู่ของภาพบรรยากาศในการ ‘บินทะยาน’ มาถึงใต้หล้าไพศาลนั้น ถึงได้สร้างซากปรักเซียนเหรินที่โลกยุคหลังพากันพูดถึงอย่างออกรสอกชาติขึ้นมา
เฉินผิงอันกล่าว “ปีนั้นราชวงศ์ต้าเฉวียนถูกคนล้อมฆ่า หลังจบเรื่องมักจะรู้สึกว่าไม่ค่อยปกติสักเท่าไร ข้าสงสัยว่าอันที่จริงอารามจินติ่งเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้ไม่ปรากฏตัว พอมาเชื่อมโยงกับสถานการณ์ของใบถงทวีปในทุกวันนี้ หลังจากสงครามใหญ่ผ่านพ้นไป ตู้หันหลิงถึงขั้นสามารถคัดสรรภูเขาออกมาได้เจ็ดลูก นำมาใช้สร้างค่ายกลใหญ่ ข้าถึงกับสงสัยเจ้าอารามผู้เฒ่าท่านนี้ของพวกเราเสียแล้วว่าปีนั้นเขาได้แอบสมคบคิดกับกระโจมทัพของใต้หล้าเปลี่ยวร้างหรือไม่”
เจียงซ่างเจินกล่าว “แน่นอนว่าสามารถเดาเช่นนี้ได้ แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ เบาะแสสักนิดก็ไม่มี”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “วางใจเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้โง่ ไม่มีทางเป็นศัตรูกับผู้ฝึกตนครึ่งหนึ่งของใบถงทวีปเพียงเพราะตู้หันหลิงที่ยังไม่เคยเจอหน้ากันหรอก”
ตู้หันหลิงในทุกวันนี้ขอบเขตไม่สูง แต่กลับเป็นศูนย์รวมใจคนของผู้ฝึกตนบนภูเขาของใบถงทวีป เป็นศัตรูกับอารามจินติ่งก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับพันธมิตรใบท้อทั้งหมด
เฉินผิงอันเอ่ยถาม “มีภาพสำเนาของภาพขุนเขาสายน้ำนี้หรือไม่ ข้าต้องดูให้มากอีกหน่อย การเลือกที่ตั้งของสำนักเบื้องล่างเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญมาก”
เชื่อว่าเจียงซ่างเจินน่าจะคาดเดาความคิดของตนออกแล้ว แล้วนับประสาอะไรที่กับผู้ถวายงานบ้านตนคนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังกัน
ไม่แน่ว่าก่อนหน้านี้การที่เย่อวิ๋นอวิ๋นปรากฏตัวที่หาดหินหวงเฮ้อ ก็ยังเป็นการกระทำด้วยความตั้งใจของเจียงซ่างเจิน เป็นการวางเส้นสายเชื่อมสะพานความสัมพันธ์ระหว่างภูเขาลั่วพั่วกับภูเขาผูซาน
เจียงซ่างเจินกล่าว “หากมีภาพสำเนาของภูเขาสายน้ำจะค่อนข้างเป็นการละเมิดข้อห้ามแล้ว แต่ข้าสามารถให้คนรีบคัดลอกออกมาให้ได้”
เฉินผิงอันจึงกลืนประโยคหนึ่งกลับลงท้อง เดิมทีอยากพูดว่าตนสามารถควักเงินซื้อได้
คนทั้งกลุ่มออกไปจากอาณาเขตของภูเขาเหล่าจวินด้วยกัน ทะยานลมไปยังภูเขาเยี่ยนซานที่อยู่ห่างไปประมาณสิบกว่าลี้ เฉินผิงอันทำตามสัญญา ไม่ได้ขึ้นไปกวาดภูเขาจนเกลี้ยง เพียงแค่รอคอยอยู่ที่ตีนเขาอย่างอดทน
ชุยตงซานได้รับคำเตือนประโยคหนึ่งจากเสียงในใจของอาจารย์ตนก็พลันเปิดปากพูดเสียงดังว่า “อาจารย์ แม่นางคนหนึ่งที่ชื่อว่าเซอเยว่ ทุกวันนี้เข้าพักที่ร้านตีเหล็กริมลำคลองหลงซวีแล้ว ดูเหมือนว่าจะสนิทสนมกับหลิวเสี้ยนหยางอย่างมาก”
เฉินผิงอันหันหน้ากลับมามองเจียงซ่างเจิน
เดิมทีเฉินผิงอันนึกว่าเซอเยว่ผู้นั้นเพียงแค่เคยไปบริเวณใกล้เคียงกับบ้านเกิด คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นถึงขั้นนี้ ด้วยนิสัยของหลิวเสี้ยนหยาง ไม่ว่ามีอะไรแล้วหรือว่ายังไม่มีอะไรกับเซอเยว่ชั่วคราว รอกระทั่งตนกลับไปถึงภูเขาลั่วพั่ว จะเจอเรื่องดีๆ ได้หรือ?
เจียงซ่างเจินแกล้งโง่ โบกมือเป็นวงกว้าง พูดอย่างคนที่ทำความดีชดใช้ความผิดว่า “ขึ้นเขา! ข้ารู้จักถ้ำเก่าสองแห่งที่ซ่อนวัสดุทำหินฝนหมึกที่ดีเยี่ยมเอาไว้”
เฉินผิงอันยื่นมือออกไป
เจียงซ่างเจินถามอย่างสงสัย “เจ้าขุนเขา นี่คือ?”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ขอยืมวัตถุจื่อชื่อจากเจ้าสักสองสามชิ้นน่ะสิ”
เจียงซ่างเจินยอมรับชะตากรรม เริ่มตรวจสอบชายแขนเสื้อ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เฉินผิงอันจะเอ่ยว่า “ตงซาน สกัดกั้นฟ้าดิน”
ชุยตงซานรีบใช้กระบี่บินจินสุ้ยวาดบ่อสายฟ้าสีทองบ่อหนึ่งขึ้นมาทันใด เฉินผิงอันเอาคราบเซียนเหรินของหันอวี้ซู่ออกมาจากชายแขนเสื้อ เจียงซ่างเจินหัวเราะร่า เก็บใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อชิ้นหนึ่งที่อยู่ในจักรวาลชายแขนเสื้อ การท่องยุทธภพต่อจากนี้ก็จะมีเนื้อหนังมังสาที่ดีเยี่ยมเพิ่มมาอีกชิ้นหนึ่งแล้ว
เฉินผิงอันเอ่ยเตือนว่า “ในช่วงเวลาสำคัญบางอย่างที่เจ้ารู้สึกว่าโอกาสเหมาะสมก็ให้ปรากฎตัวด้วยโฉมหน้าของหันอวี้ซู่ครั้งหนึ่ง อีกทั้งต้องอยู่ในถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลด้วย ห้ามปรากฏตัวในใต้หล้าไพศาลเด็ดขาด เวลานานวันเข้า ทางฝั่งของศาลบรรพจารย์สำนักว่านเหยาและทางฝั่งของหันเจี้ยงซู่จะต้องเกิดความสงสัยอย่างแน่นอน ตกลงกันไว้ก่อนว่า เรื่องนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ถือว่าข้าติดค้างน้ำใจเจ้าครั้งหนึ่ง ส่วนคราบร่างเซียนเหรินร่างนี้ รวมไปถึงวิชาหมัดครึ่งบทนั้น ล้วนถือว่าเป็นค่าตอบแทนแล้ว”
เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร”
สุดท้ายแล้วเฉินผิงอันก็ไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขาเยี่ยนซาน พวกเผยเฉียนลงจากภูเขามาด้วยผลเก็บเกี่ยวเต็มไม้เต็มมือ
น่าหลันอวี้เตี๋ยกระโดดโลดเต้นลงจากเขามาตลอดทาง พอมาถึงประตูภูเขาก็จงใจพูดบ่นให้ฟังว่า “เหตุใดพี่หญิงเผยถึงได้ยากจนขนาดนี้ล่ะ ไม่มีวัตถุฟางชุ่นติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว”
เผยเฉียนหัวเราะร่วนพลางพยักหน้ารับ
เจียงซ่างเจินทำสีหน้ากระจ่างแจ้ง
เฉินผิงอันนวดคลึงหว่างคิ้ว แม่นางน้อยวาดงูเติมขาเสียแล้ว ประสบการณ์ในยุทธภพยังตื้นเขินไปสักหน่อย
กลับไปที่ยอดเขาอวิ๋นจี๋ด้วยกัน เจียงซ่างเจินเอ่ยขอตัวจากไป ไปให้คนคัดลอกภาพขุนเขาสายน้ำ ชุยตงซานตามไปร่วมวงความครึกครื้นด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!