ก่อนจะออกมาจากพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา เฉินผิงอันพาเผยเฉียนไปเยือนหาดหินหวงเฮ้อมารอบหนึ่ง เป็นฝ่ายแวะไปเยี่ยมเยือนเย่อวิ๋นอวิ๋นด้วยตัวเอง
เฉินผิงอันสวมหน้ากากของชายวัยกลางคน ปักปิ่นหยกบนมวยผม สวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียว เก็บดาบแคบและน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงไป ตรงเอวห้อยแค่ป้ายถือศีลชิ้นเดียวเท่านั้น
ส่วนเผยเฉียนนั้นสวมชุดสีดำสะอาดเอี่ยมคล่องตัว ถึงกับเป็นชุดคลุมอาคมตัวหนึ่งที่เอามาใช้อำพรางปณิธานหมัดบนร่าง
นางมวยผมหางม้าให้เป็นก้อนกลมกลางกระหม่อม เปิดหน้าผากนูนสูง มองดูแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ชุยตงซานไปเดินเล่นเตร็ดเตร่กับเจียงซ่างเจิน ไม่รู้ว่าไปยุ่งทำอะไรอยู่ตรงไหน เฉินผิงอันจึงไม่ได้เรียกเขามาด้วย
ตรงเอวห้อยป้ายถือศีลสามารถมองข้ามตราผนึกขุนเขาสายน้ำไปได้ ผู้ฝึกตนบนหอเรือนสูงแห่งหนึ่งใช้ดวงจิตมองสำรวจไปรอบด้าน เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นป้ายถือศีลของจริงจึงไม่ได้มองประเมินคนทั้งสองต่อ
เฉินผิงอันพาเผยเฉียนเดินเข้าไปในหาดหินหวงเอ้อสถานที่ประกอบพิธีกรรมในเปลือกหอยแห่งนั้น ถนนใหญ่กว้างขวาง เรือนประตูสูงตั้งเรียงรายติดกัน ทำให้เฉินผิงอันเหม่อลอยไปชั่วขณะ
พอหาที่พักของเย่อวิ๋นอวิ๋นเจอ เฉินผิงอันก็จับห่วงเคาะประตูใบหน้าสัตว์เคาะลงเบาๆ สามที สาวงามยันต์หน้าตาละมุนละไม สายตาใสกระจ่างคนหนึ่งมาเปิดประตูให้ ยอบตัวคารวะแขกทั้งสอง เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เซียนซือทั้งสองท่านโปรดตามข้ามา”
นางได้รับคำสั่งจากเย่อวิ๋นอวิ๋นมาแล้วจึงพาอาจารย์และศิษย์สองคนเดินลอดผ่านระเบียง หนึ่งก้าวหนึ่งทัศนียภาพ ขยับก้าวเปลี่ยนทิวทัศน์ ในสายตานอกจากทัศนียภาพอันงดงามแล้ว อันที่จริงที่มากไปกว่านั้นก็คือเงินเทพเซียน
ในจวนน้อยใหญ่ของหาดหินหวงเฮ้อ สาวงามหุ่นเชิดจากยันต์ทั้งสามร้อยกว่าตนล้วนมาจากอวี้จือก่าง ว่ากันว่าลำพังเพียงแค่การค้าครั้งนี้ก็เคยทำให้อวี้จือก่างได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ อวี้จือก่างพบเจอกับหายนะที่มาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวครั้งนั้นทำให้ควันธูปขาดสะบั้นไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นสาวงามยันต์ที่หอซูอี๋ของอวี้จือก่างสร้างขึ้นด้วยวิชาลับจึงหายสาบสูญไปนับแต่นี้
สาวงามหนังจิ้งจอกของสกุลสวี่นครลมเย็นแจกันสมบัติทวีปก็ดูเหมือนว่าอยู่ดีๆ ก็หายไปเช่นกัน นครลมเย็นป่าวประกาศแก่โลกภายนอกว่าแคว้นหูจำเป็นต้องปิดผนึกร้อยปี ทำให้พรรคตระกูลเซียนไม่น้อยเสียดายอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังบนภูเขาที่เชี่ยวชาญด้านการทำการค้าของแจกันสมบัติทวีปที่ยิ่งรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง ไม่อย่างนั้นหากนำมาขายต่อให้กับใบถงทวีปด้วยราคาสูง ย่อมต้องได้กำไรสูงมาก
เผยเฉียนขมวดคิ้วน้อยๆ รวมเสียงให้เป็นเส้นพูดคุยอย่างลับๆ ว่า “อาจารย์พ่อ มาดของหวงอีอวิ๋นค่อนข้างจะใหญ่ไปสักหน่อย”
หากไปอยู่บนภูเขาลั่วพั่วบ้านตนย่อมไม่มีทางรับรองแขกอย่างขอไปทีเช่นนี้แน่นอน
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “ข้าว่ามาดของเจ้าเองก็ไม่เล็กเลยนะ”
เผยเฉียนกล่าวอย่างอัดอั้น “หากข้ามาเคาะประตูคนเดียว ต่อให้ทางฝั่งนี้ไม่ยอมเปิดประตูก็ยังไม่เป็นไร แต่อาจารย์พ่ออุตส่าห์มาเยือนถึงที่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเย่อวิ๋นอวิ๋นก็ควรจะโผล่หน้ามาบ้าง ตัวเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทาง ไม่มีความใจกว้างเอาเสียเลย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ออกมาอยู่ข้างนอก ฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ อย่าเห็นตัวเองสำคัญเกินไปนัก”
เผยเฉียนรู้สึกอยุติธรรมต่ออาจารย์พ่อ ผลกลับกลายเป็นว่าถูกสั่งสอนไปหนึ่งรอบ แต่นางกลับอารมณ์ดีอย่างมาก
สาวงามยันต์พาสองอาจารย์และศิษย์เดินมาถึงเรือนหลังหนึ่งที่เงียบสงบ ตรงประตูวงเดือนเห็นเงาต้นไผ่ไหวพะเยิบพะยาบอยู่ด้านใน นางยิ้มเอ่ย “ถึงแล้ว”
เฉินผิงอันเอ่ยขอบคุณนางหนึ่งคำ ครั้นจึงฉีกหน้ากากออก ปรากฏตัวด้วยโฉมหน้าที่แท้จริง เดินผ่านทางสายเล็กที่มีต้นไผ่เรียงราย การมองเห็นพลันเปิดกว้าง มีสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่งที่ด้านหน้ากว้างเก้าห้อง หลังคาปูด้วยกระเบื้องแก้วใสสีมรกต เพียงแต่ว่าไม่อาจทัดเทียมกับกระเบื้องแก้วใสที่เฉินผิงอันเก็บจากอุตรกุรุทวีปในปีนั้นได้ ภายหลังตอนที่อยู่ในถ้ำสวรรค์เล็กวังมังกร เฉินผิงอันยังอาศัยกระเบื้องแก้วใสเหล่านั้นทำการค้าที่สามารถหักคำนวณเป็นเงินฝนธัญพืชกับฮว่อหลงเจินเหริน ได้ส่วนลดห้าส่วน ดูเหมือนว่าฮว่อหลงเจินเหรินจะเอาไปขายต่อให้กับหอแก้วใสของนครจักรพรรดิขาว
ดังนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่าวาสนากับผู้อาวุโสนี้ไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้าจริงๆ
เรือนหลังนี้ใหญ่มาก สามารถเอามาใช้เป็นลานประลองยุทธได้เลย เซวียไหวกำลังประลองฝีมืออยู่กับกวอป๋ายลู่ เซวียไหวเป็นขอบเขตเดินทางไกล ดังนั้นจึงกดขอบเขตไว้หนึ่งขั้น
กวอป๋ายลู่อายุยี่สิบปี เพิ่งเลื่อนเป็นขอบเขตร่างทองได้ไม่นาน แต่กลับได้เลื่อนจากขั้นหกและขั้นเจ็ดด้วยคำว่าแข็งแกร่งที่สุดติดต่อกัน
ดังนั้นการถามหมัดของทั้งสองฝ่ายจึงไม่ถือว่าใครรังแกใคร
เย่อวิ๋นอวิ๋นยืนอยู่ใต้ชายคา กำลังชี้แนะการออกหมัดของคนทั้งสอง
เย่เสวียนจีผู้ฝึกตนหญิงที่เป็นลูกหลานสกุลเย่ภูเขาผูซานยืนอยู่ด้านข้าง บนร่างสวมชุดกระโปรงเซียนมังกรสาว บนข้อมือสวมกำไลไข่มุกบนฝ่ามือที่หล่อหลอมมาจากไข่มุกฉิวของหลุมน้ำลู่
มิน่าเล่าเจียงซ่างเจินถึงได้มีความสัมพันธ์อันดีกับเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซาน
เฉินผิงอันหยุดอยู่ที่หน้าประตูลานบ้าน กุมหมัดคารวะ
เย่อวิ๋นอวิ๋นกุมหมัดคารวะกลับคืน
เฉินผิงอันไม่ได้เดินอ้อมผ่านคนทั้งสองที่ประลองยุทธกันอยู่ในลานไปยังใต้ชายคา แต่หยุดเท้าอยู่แค่ตรงนี้ไม่เดินต่อ พอเก็บหมัดมาแล้วก็ผายฝ่ามือเบาๆ บอกเป็นนัยให้เย่อวิ๋นอวิ๋นชี้แนะวิชาหมัดแก่ผู้เยาว์ทั้งสองต่อไป
เย่อวิ๋นอวิ๋นผงกศีรษะรับ แล้วก็ไม่คิดจะเกรงใจเฉาโม่ผู้นี้
ส่วนข้อที่ว่าผู้ฝึกยุทธจากต่างทวีปสองคนที่เป็นคนนอกยิ่งกว่ากวอป๋ายลู่จะขโมยเรียนวิชาหมัดหรือไม่ เย่อวิ๋นอวิ๋นยังไม่ดูแคลนเฉาโม่ถึงขั้นนั้น
เผยเฉียนไม่ได้มองการประมือของคนทั้งสองอย่างละเอียด สายตาของนางมองไปยังทัศนียภาพรอบด้านมากกว่า
เฉินผิงอันกลับไม่จงใจหลีกเลี่ยงการถามหมัดของทั้งสองฝ่าย โอกาสหาได้ยาก สามารถวิเคราะห์สัจธรรมแห่งหมัดของอู๋ซูอริยะบู๊และเรือนอวิ๋นฉ่าวได้คร่าวๆ แล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีความเกี่ยวข้องกับขอบเขตที่สูง ไม่อย่างนั้นหากไปเจอกับตอนที่เฉินผิงอันยังเป็นแค่ขอบเขตสามขอบเขตห้า คาดว่าขอแค่อีกฝ่ายไม่ถือสา เฉินผิงอันก็คงจะขอให้ทั้งสองฝ่ายออกหมัดช้าลงสักหน่อย ไม่อย่างนั้นตนคงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
ดังนั้นสิ่งที่เฉินผิงอันให้ความสนใจจึงไม่ใช่กระบวนท่าหมัดของสองฝ่าย แต่เป็น ‘ความหมายเล็กน้อย’ บนร่างของผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ความหมายเล็กน้อยนี้แบ่งออกเป็นสองชนิด ชนิดหนึ่งคือความตั้งใจของวิชาหมัดที่มาจากการสืบทอดผ่านอาจารย์ ต้นกำเนิดน้ำเป็นนั้นมาจากไหน อีกชนิดหนึ่งคือนิสัยใจคอของผู้ฝึกยุทธที่เหมือนผืนนาหัวใจหนึ่งผืน เป็นตัวตัดสินว่าผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งจะสามารถรองรับปณิธานหมัดน้ำไหลได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงความกว้างและแคบของเส้นทางวรยุทธใต้ฝ่าเท้าที่ต้องเดินต่อไป ผลสำเร็จในการเรียนวรยุทธจะสูงได้คร่าวๆ เท่าไร ส่วนนอกเหนือจากความหมายเล็กน้อยนี้แล้วก็หนีไม่พ้นระดับความแข็งแกร่งทางร่างกายของผู้ฝึกยุทธ ใช่กระดาษเปียกหรือไม่ อันที่จริงเจอเข้ากับหนึ่งหมัดก็รู้คำตอบได้แล้ว
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจพูดกับเผยเฉียน “ผู้ฝึกยุทธในใต้หล้าที่เรียนหมัดก็มีแค่สองเรื่องคือตีคนอื่นกับโดนคนอื่นตี สิ่งที่แสวงหาในท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้น ‘ข้าปล่อยหมัดมากกว่าเจ้าหนึ่งหมัด’”
เผยเฉียนย่อมต้องฟังเข้าใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!