กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 756

กลับเป็นเด็กหนุ่มชุดขาวที่ตอนนั้นนั่งยองอยู่บนราวรั้วที่อย่าเห็นว่าท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย พูดจาเหลวไหลเต็มปาก เพราะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นเซียนดินทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักอักษรจงแห่งหนึ่งที่อำพรางตัวตนอย่างลึกล้ำ วิธีการที่ใช้เหมือนผู้ฝึกตนอิสระยิ่งกว่าเขาหลูอิงเสียอีก ถึงกับกล้าอาศัยขอบเขตของตัวเองร่ายเวทกักร่างโหยวชีในพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาของเจียงซ่างเจิน นี่ทำให้หลูอิงสนใจมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่ายังมีเจ้าโจวเฝยที่ทำให้หลูอิงเคียดแค้นอยู่ในใจผู้นั้นอีก หลูอิงจึงไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม

ใบถงทวีปในทุกวันนี้มีแต่น้ำขุ่นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มังกรข้ามแม่น้ำก็มีมากมายจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นสำนักว่านเหยาที่มาจากพื้นที่มงคลสามภูเขาแห่งนั้น คู่พ่อลูกเซียนเหรินหันอวี้ซู่ หยกดิบหันเจี้ยงซู่ เจ้าอารามผู้เฒ่าตู้กริ่งเกรงพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

บอกตามตรง ขอแค่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนต่างทวีปที่เดินทางไกลมาถึงที่นี่ สำหรับผู้ฝึกตนในพื้นที่ของใบถงทวีปบ้านตัวเองแล้ว ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นจริงๆ ที่จะเข้าตาเขาหลูอิงได้

ยกตัวอย่างเช่นเจ้าคนที่มีตำแหน่งมากถึงสามตำแหน่ง แต่กลับไม่มีตำแหน่งไหนมีน้ำหนักอย่างแท้จริงเช่นเจ้าคนตรงหน้าผู้นี้ หลูอิงเริ่มค่อยๆ หมดความอดทนแล้ว คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่ยังมีหน้าขยับเส้นสายตามองไปในประตูใหญ่ คงเป็นการบอกเป็นนัยแก่เจินเหรินผู้ถวายงานเช่นตนว่า เหตุใดไม่พาเขาเข้าไปพูดคุยกันด้านในสินะ? หลูอิงหัวเราะเสียงหยันในใจไม่หยุด พริบตานั้นเขาก็ใช้วิชาอภินิหารยิ่งใหญ่ของผู้ฝึกตนก่อกำเนิด พยายามจะแหวกฝ่าเวทอำพรางตาริ้วคลื่นขุนเขาสายน้ำชั้นนั้นไป หลูอิงไม่สนใจสักนิดว่าการกระทำนี้เป็นการละเมิดข้อห้ามหรือไม่ อยากจะอาศัยสิ่งนี้มายืนยันในฝีมือของเค่อชิงใหญ่เฉาให้แน่ใจสักหน่อย

เฉาโม่ผู้นั้นรีบร่ายเวทอำพรางตาขุนเขาสายน้ำขึ้นมาใหม่ทันใด สีหน้าคล้ายจะมีโทสะเล็กน้อย

ในใจหลูอิงมั่นใจได้แล้ว เป็นโอสถทองบนภูเขาที่ขอบเขตพอใช้ได้คนหนึ่งจริงๆ

เฉาโม่สะบัดชายแขนเสื้อเดินลงไปจากบันได แต่จู่ๆ กลับหันหน้ามาเอ่ยว่า “วันหน้าหากเจินเหรินผู้ถวายงานพาคนลงจากภูเขาไปหาประสบการณ์อีกครั้ง ทางที่ดีที่สุดควรเลือกออกจากบ้านตอนกลางวัน”

หลูอิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม รับฟังด้วยความมึนงง เข้าใจผิดคิดว่าเป็นถ้อยคำลี้ลับที่ผู้ฝึกตนบนภูเขาพูดกัน

เผยเฉียนเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เพราะไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดเรื่อง” (คำว่าไม่ช้าก็เร็วมาจากภาษจีนคำว่า 早晚 早 แปลว่าช่วงเช้า 晚 แปลว่าช่วงเย็น)

หลูอิงสีหน้ามืดทะมึน

ขอบเขตไม่สูง ตำแหน่งไม่สูง แต่กลับใจกล้าไม่เบา สมกับมีชาติกำเนิดมาจากเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลจริงๆ คาดว่าคงอาศัยความสัมพันธ์ควันธูปที่ทางศาลบรรพจารย์สะสมมาถึงได้คว้าเอาตำแหน่งผู้ถวายงาน เค่อชิงของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาและของยอดเขาจิ่วอี้สำนักุกยหยกมาได้

ครั้งแรกที่หลูอิงทำท่ายกเท้าจะก้าวข้ามธรณีประตู คนทั้งสองก็รีบก้าวเร็วๆ จากไปทันที ระหว่างนั้นเค่อชิงใหญ่เฉายังขยับป้ายจำศีลที่ผูกไว้ตรงเอวคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้เจตนาไปด้วย

หลูอิงยกเท้ากลับคืน หัวเราะเสียงหยันหนึ่งที พอหันหลังกลับก่อกำเนิดผู้เฒ่าก็พึมพำออกมาหนึ่งประโยค เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลชาติสุนัขพวกนี้ ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนก็เปลี่ยนนิสัยเสียๆ ที่ชอบกินอาจมไม่ได้จริงๆ

บนถนนใหญ่ เฉินผิงอันกับเผยเฉียนต่างก็ได้ยินประโยคพึมพำของหลูอิง เผยเฉียนยิ้มเอ่ย “อาจารย์พ่อ ไอ้หมอนี่ความสามารถในการชวนทะเลาะสูงมากเลยนะ ด่าตัวเองแรงกว่าด่าคนอื่นเสียอีก แพ้ไม่ได้เลย”

เฉินผิงอันกลับขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่กลับไม่มีเบาะแสให้สืบเสาะ

นี่คือลางสังหรณ์ยามที่เจอกับพิรุธ เจอกับหนึ่งในหมื่น ไม่มีเหตุผลให้อธิบาย

หากจะยกเหตุผลมาพูดคุยกัน คาดว่านี่คงเป็นเพราะใต้เท้าอิ่นกวานแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ท่านนี้โดนต่อยตีมาจนชินแล้วจึงค่อนข้างมีความจำที่ดี

เผยเฉียนกล่าว “อาจารย์พ่อ คนผู้นี้จิตแห่งมรรคาสกปรกโสมมนัก อารามจินติ่งเลือกให้หลูอิงรับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง ขนบธรรมเนียมคงไม่ดีไปยังไงแน่”

เฉินผิงอันอืมรับหนึ่งที

หลูอิงหัวเราะเยาะอีกฝ่ายกับสาวงามยันต์ที่อยู่ข้างกาย หลังจากเดินเตร่กลับไปถึงที่พักก็ให้สาวงามจากไป ครู่หนึ่งต่อมาก่อกำเนิดผู้เฒ่าก็พลันนั่งแปะลงไปบนเก้าอี้ในเสี้ยววินาที สองมือจิกกำที่วางแขนเก้าอี้เอาไว้แน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เหงื่อเย็นไหลลงมาตามสันหลัง พึมพำว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร คนผู้นี้ไม่ได้กลับไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วหรอกหรือ?”

ก่อนหน้านี้หลูอิงใช้เวทลับเฉพาะในการทำลายเวทอำพรางตา เดิมทีคิดว่าจะจงใจแหวกหญ้าให้งูตื่น ยืนยันให้แน่ใจว่าเค่อชิงเฉาโม่ผู้นั้นใช่โอสถทองหรือไม่ และถือโอกาสนี้ยลโฉมหน้าที่แท้จริงของสตรีผู้นั้นไปด้วย หากหน้าตางดงาม ไม่มองก็เสียเปล่า

เวทคาถาที่หลูอิงได้มาจากจวนเซียนพื้นที่ลับแห่งหนึ่งนี้ทำให้มองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนผู้หนึ่งได้อย่างชัดเจน

เพียงแต่ว่าภายใต้สถานการณ์ทั่วไป หลูอิงจะไม่เรียกออกมาใช้ง่ายๆ หนึ่งเพราะไม่มีประโยชน์มากนัก ผู้ฝึกตนบนภูเขาโฉมหน้าเป็นอย่างไร ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สิ่งที่สำคัญก็คือทำเนียบวงศ์ตระกูล สถานะ ขอบเขต สมบัติอาคม นอกจากนี้รากฐานในการฝึกตนของหลูอิงเอง การที่เขาสามารถเดินทีละก้าวจนกลายมาเป็นก่อกำเนิดได้นั้น เกินครึ่งล้วนเป็นเพราะโชควาสนา ล้วนมาจากจวนโบราณของพื้นที่ลับที่ปริแตกแห่งนั้น และบัญชีเก่านั้นก็เกี่ยวพันไปถึงคดีโศกนาฎกรรมของสองสำนักที่มีผู้สืบทอดทำเนียบวงศ์ตระกูลหลายสิบตนต้องตายไป ดังนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มชุดขาว และยังมีโจวเฝยที่อยู่ข้างกายหวงอีอวิ๋น หลูอิงจึงยังคงมองว่าตัวเองไม่มีวิชาอภินิหารที่ค่อนข้างเป็นซี่โครงไก่นี้

ไหนเลยจะคิดได้ว่าการมองครั้งนี้กลับทำให้หลูอิงมองเห็นหายนะใหญ่เทียมฟ้า

ปีนั้นตอนที่อยู่ในสถานที่ฝึกตนของเส้ายวนหรานโอสถทองหนุ่มของอารามจินติ่ง หลูอิงเหลือบไปเห็นภาพวาดของบุคคลผู้หนึ่งบนโต๊ะหนังสือโดยบังเอิญ ด้านข้างภาพนั้นเส้ายวนหรานเขียนชื่อไว้สองชื่อ

เฉินอิ่น เฉินผิงอัน

ตอนนั้นเส้ายวนหรานหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย หลูจิงจึงรู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่แน่นอน สุดท้ายทั้งสองฝ่ายวางแผนวางอุบายต่อกัน หลูอิงถึงได้รับคำตอบอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างพร่าเลือนมา สถานะของคนผู้นี้ยากจะคาดเดา ประวัติความเป็นมาแปลกประหลาด เคยก่อลมมรสุมที่ราชวงศ์ต้าเฉวียนมาครั้งหนึ่ง แต่เส้ายวนหรานกลับเอ่ยเพียงว่า เขามั่นใจได้แค่ว่านครเซิ่นจิ่งต้าเฉวียนแค่ถูกล้อมไว้ ไม่โดนโจมตี สามารถรักษาตัวรอดได้ เป็นเพราะเดิมทีคนผู้นี้มองเมืองหลวงแห่งนั้นเป็นของในกระเป๋าของตัวเอง เจ้าเด็กเส้ายวนหรานผู้นั้นก็อำมหิตมากพอ ไม่เพียงแต่ไม่ต้องให้หลูอิงเอ่ยสาบานในใจ เพียงแค่เอ่ยประโยคหนึ่งเพิ่มขึ้นมา แค่นั้นก็ได้ผลยิ่งกว่าการให้หลูอิงสาบานว่าจะรักษาความลับเสียอีก เพราะเส้ายวนหรานบอกว่าคนผู้นี้ เฉินอิ่นและเฉินผิงอันต่างก็เป็นนามแฝง สถานะที่แท้จริงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหนึ่งในสิบคนรุ่นเยาว์ คือผู้นำร้อยเซียนกระบี่แห่งภูเขาทัวเยว่ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เฝ่ยหราน

หลูอิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด

เฝ่ยหราน เฉินอิ่น เฉินผิงอัน

เฉาโม่ ผู้ถวายงานสกุลเจียง? เค่อชิงยอดเขาเสินจ้วน?

เหตุใดสุดท้ายแล้วสำนักกุยหยกถึงได้เป็นเหมือนกับราชวงศ์ต้าเฉวียน แม้จะเจออันตรายแล้วอันตรายอีก แต่สุดท้ายแล้วกลับยืนหยัดตระหง่านไม่ล้มลง? เป็นเพราะว่าภายในเรื่องนี้…?

เหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากของหลูอิงอีกครั้ง เขาไม่คิดจะเช็ดมันอีกแล้ว จิตแห่งมรรคาไม่มั่นคง รู้สึกเพียงว่าไปเดินวนผ่านหน้าประตูผีมารอบหนึ่ง

เอาเป็นว่าข้าผู้อาวุโสไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่พอหันหน้ากลับมาช้าๆ มองไปทางประตูเรือน กลับเห็นหญิงสาวชุดดำที่มวยผมทรงกลมยืนพิงกรอบประตู นางยกสองแขนกอดอก สีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง

หลูอิงกำลังจะลุกขึ้น ด้านหลังก็มีน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มทุ้มดังขึ้นมา “นั่ง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!