เหยาเซียนจือมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็ยังมองอะไรไม่ออก จึงตั้งใจดื่มเหล้าของตัวเองไป ไม่คิดอะไรทั้งนั้น กลับกลายเป็นว่าเริ่มง่วงเสียแล้ว
เฉินผิงอันกล่าว “ง่วงก็กลับไปนอนหลับในห้อง”
เหยาเซียนจือส่ายหน้า “หลับอะไรกัน ไม่มีสตรีคอยอุ่นผ้าห่มให้เสียหน่อย”
เฉินผิงอันเหล่ตามองชายฉกรรจ์เนื้อตัวสกปรกใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา
เหยาเซียนจือหน้าแดงเล็กน้อย “อาจารย์เฉิน อายุของข้าไม่ถือว่าน้อยแล้วจริงๆ แล้วก็ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย จะไม่ยอมให้ข้าพูดจาสัปดนบ้างเลยหรือ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นรู้รสชาติของชายโสดขึ้นคานแล้วหรือยัง?”
เหยาเซียนจือทอดถอนใจ ดื่มเหล้าของตัวเองต่อไป เมื่อก่อนอาจารย์เฉินไม่ได้เป็นแบบนี้จริงๆ นะ
ส่วนเฉินผิงอันก็จับจ้องมองโต๊ะที่ว่างเปล่าไร้สิ่งใดต่อไป
แม้จะบอกว่าฝีมือการเล่นหมากล้อมห่วยแตก แต่ก็พอจะเข้าใจหลักการอยู่บ้าง อีกทั้งช่วงเวลาหลายปีที่อยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ได้คิดอะไรไปไม่น้อย
สำนักเบื้องล่างเลือกที่ตั้งเป็นใบถงทวีป ปกป้องภูเขาไท่ผิง รวมไปถึงยอดเขาเทียนแจว๋ที่จะไปเยี่ยมเยือนภายหลัง ยึดครองตำแหน่ง ‘เทียนเฉวียน’ สะบั้นเจ็ดสำแดงสองอำพรางของอารามจินติ่ง
ตามหลักในการเล่นหมากล้อม นี่ถือว่าเป็นการลงมือตำแหน่งดวงดาว (จุดตัดบนกระดานหมากล้อม มีทั้งหมดเก้าจุด) มีตำแหน่งบนกระดานหมากสูง ก็ต้องให้ความสำคัญกับการช่วงชิงกองกำลัง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการโอบล้อมพื้นที่ว่าง
ได้เจอหลิวจงที่ราชวงศ์ต้าเฉวียนโดยบังเอิญ รวมถึงการเป็นฝ่ายแสดงความเป็นมิตรต่อเรือนอวิ๋นฉ่าวภูเขาผูซานก่อนหน้านี้ ปล่อยผู้ถวายงานก่อกำเนิดของเสี่ยวหลงชิวไป รวมไปถึงไต้หยวนที่เป็นโอสถทอง ขณะเดียวกันก็ให้เจียงซ่างเจินช่วยเหลือ เป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายมีชีวิตรอดและยิ่งรู้จักถนอมชีวิตมากกว่าเดิม ถึงขั้นเข้าใจผิดคิดว่าได้ผูกมิตรกับสำนักกุยหยกแล้ว
สิ่งเหล่านี้ล้วนถือเป็นการเล่นแบบตาน้อย (ตำแหน่งมุมของกระดาน ทุกมุมจะมีตาน้อยสองจุด บนกระดานจึงมีตาน้อยแปดจุด) ตามหลักของการเล่นหมากล้อม ช่วงชิงพื้นที่มาในเวลาที่เหมาะสม
ดวงดาวหรือตาน้อย อันที่จริงทั้งสองอย่างนี้ล้วนสอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่ามุมทองขอบเงินหนังท้องหญ้า (หมายถึงตำแหน่งที่วางเม็ดหมากบนกระดานไม่เหมือนกัน ประสิทธิผลที่ได้ย่อมไม่เหมือนกัน หมากจะล้อมบนมุมมากที่สุด ตรงริมขอบรองลงมา พื้นที่ใจกลางล้อมได้ยากที่สุด) สิ่งที่นักเล่นหมากล้อมต้องการในท้ายที่สุดล้วนเป็นการเข้าสู่ใจกลางช่วงชิงพื้นที่หน้าตรงกว้างขวางหลังจากได้วางหมากก่อน
ส่วนหลูอิงผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของอารามจินติ่งนั้นถือว่าเป็นการรื้อมุมสูงที่เฉินผิงอันเดินหมากไปตามวาสนา แล้วถือโอกาสนำมาให้ข้าใช้งาน ตามหลักของการเล่นหมากล้อมทั่วไป นี่เรียกได้ว่าพบเจอกันบนทางแคบ กองกำลังปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ จิตสังหารเอ่อท้น เพียงแต่ว่าเฉินผิงอันใช้วิธีนี้อย่างหลบซ่อน ดังนั้นเฉินผิงอันจึงมีเพียงข้อเรียกร้องเดียวต่อหลูอิง ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รอให้ถึงเวลาที่ต้องการเมื่อไหร่ เขาก็จะไปหาหลูอิงเอง ขอแค่ตัวหลูอิงไม่เสียสติรนหาที่ตายเอง เฉินผิงอันก็สามารถให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่รอดบนกระดานหมากได้
แต่กับสกุลเหยาต้าเฉวียน ในอนาคตเรื่องที่ภูเขาลั่วพั่วจะเลือกที่ตั้งอยู่ในใบถงทวีป ในบางระดับกลับจำเป็นต้องให้เฉินผิงอันทำการตัดแบ่งและกำหนดขอบเขตให้แน่ชัด มีเพียงเหยาเซียนจือที่อยู่ข้างกายเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ มิตรภาพส่วนมิตรภาพ สหายส่วนสหาย ผลประโยชน์เป็นเรื่องของผลประโยชน์ การค้าขายก็คือการค้าขาย มิตรภาพบางอย่างอันที่จริงก็สามารถนำมาทำการค้าได้ดี ถึงขั้นที่ว่ายังทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่เฉินผิงอันกลับหวังให้มิตรภาพระหว่างเขากับสกุลเหยาต้าเฉวียนบริสุทธิ์สักหน่อย แน่นอนว่าหากเหยาเซียนจือเป็นฮ่องเต้ของต้าเฉวียน ไม่ใช่สตรีอย่างเหยาจิ้นจือ หรือต่อให้เป็นเหยาหลิ่งจือ นั่นก็คนละเรื่องกันแล้ว ปีนั้นเฉินผิงอันมึนๆ งงๆ ไม่รู้ประสา ไม่รู้ถึงความร้ายกาจของเหยาจิ้นจือ อันที่จริงภายหลังที่ได้ท่องยุทธภพไกลกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามอยู่บนโต๊ะสุราของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เมื่อเถ้าแก่รองดื่มเหล้าไปมากพอ ยิ่งคิดมากเท่าไรเขาก็ยิ่งหวาดผวาในภายหลังมากเท่านั้น
เฉินผิงอันยื่นฝ่ามือออกมาปาดหนึ่งที คล้ายผลักให้สถานการณ์หมากบนกระดานกระจายออก ลังเลไปชั่วขณะหนึ่งก็เอ่ยว่า “เซียนจือ หลิวฉงกับหลิวเม่า ข้าสามารถพบใครได้?”
เหยาเซียนจือกล่าว “หลิวฉงไม่อาจพบ ไม่มีคำอนุญาตจากฮ่องเต้ พี่สาวข้าก็ไม่สามารถไปที่คุกน้ำแห่งนั้นได้ แต่นักพรตหลงโจวผู้นั้น มีข้านำทางให้ สามารถไปพบเจอได้ตามใจ”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นรออีกเดี๋ยวพวกเราไปพบองค์ชายสามที่ตั้งใจฝึกตนเป็นเทพเซียนกัน”
เหยาเซียนจือแกว่งกาเหล้า “ไปตอนนี้เลยหรือ?”
เฉินผิงอันมองสีท้องฟ้า “รอให้มืดก่อนค่อยว่ากัน”
เหยาเซียนจือถามอย่างใคร่รู้ “เป็นข้อพิถีพิถันบนภูเขา?”
เฉินผิงอันเอ่ยเสียงขุ่น “เดินทางยามค่ำคืนง่ายจะพบเจอผี ถือว่าเป็นข้อพิถีพิถันด้วยหรือไม่?”
เหยาเซียนจือยกกาเหล้าขึ้น
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน เริ่มเดินนิ่งหกก้าว
อันที่จริงเฉินผิงอันไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่แสดงออกภายนอกเลยสักนิด
เขากังวลว่าหลังความฝันที่สามที่ถ้ำแห่งโชควาสนาของตน นี่จะเป็นสถานการณ์ถามใจของ ‘ฝันครั้งแรก’ หลังจากตนตื่นขึ้นมา แต่ตนกลับมาอยู่ในสถานการณ์โดยที่ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย และสกุลเหยาต้าเฉวียนก็คือกุญแจสำคัญ
ยกตัวอย่างเช่นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ชุยฉานเคยได้สัมผัสกับเฝ่ยหรานมือกระบี่จริง ฝ่ายเฝ่ยหรานก็ได้ทิ้งแผนการซุ่มโจมตีและทางหนีทีไล่เอาไว้ในนครเซิ่นจิ่ง แบบนั้นจะยิ่งเป็นปัญหายุ่งยาก ยิ่งไม่อาจคลี่คลายได้มากกว่าเดิม
หรือยกตัวอย่างว่าเหยาจิ้นจือฮ่องเต้หญิงแห่งต้าเฉวียนเคยสัมผัสกับเฝ่ยหรานเป็นการส่วนตัวมาก่อน ถึงขั้นที่ว่าเคยลงนามทำสัญญากันอย่างลับๆ ซึ่งกระโจมทัพบางแห่งได้ทำการบันทึกเอาไว้
ถ้าเช่นนั้นการที่ทุกวันนี้ราชวงศ์ต้าเฉวียนและสกุลเหยามีชื่อเสียงเลื่องลือ ก็จะกลายมาเป็นชื่อเสียงฉาวโฉ่ของลูกศิษย์คนสุดท้ายสายเหวินเซิ่งในอนาคต ต่อให้มีร้อยปากก็ยากจะแก้ตัว
เกาซื่อเจินเซินกั๋วกง อ๋องเจ้าเมืองสองท่าน หรือไม่ก็ ‘ยอดฝีมือที่ซ่อนตัว’ คนใดคนหนึ่งซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังซุ่มจำศีลอยู่ ล้วนอาจกลายเป็นตัวแปรอย่างใดอย่างหนึ่ง เปลี่ยนมาเป็นตัวแปรของเฉินผิงอัน จากนั้นค่อยถูกใจคนแปรสภาพให้เป็นตัวแปรของตลอดทั้งสายเหวินเซิ่ง
หากชุยฉานเลือกจะประลองฝีมือหมากล้อมกับใคร มีเรื่องอะไรบ้างที่เขาทำไม่ได้? คำว่าปกป้องมรรคา ช่วยขัดเกลาจิตแห่งมรรคาของชุยฉาน ใครเล่าจะยินดีแบกรับไว้ถึงสองรอบ?
หากพูดอย่างชุยฉาน ก็คงจะเอ่ยประมาณว่า แม้แต่ระดับของการถามใจเล็กน้อยแค่นี้ สถานการณ์หมากที่ไม่ถือว่าซับซ้อนแค่นี้ก็ยังผ่านไปไม่ได้ หาทางออกไม่ได้หรือ? เจ้าเฉินผิงอันเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของสายเหวินเซิ่งได้อย่างไร?
มารดามันเถอะ ซิ่วหู่ทำไมเจ้าไม่ถามใจตัวเองดูบ้างว่าในใต้หล้านี้มีใครเขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่อย่างเจ้าบ้างไหม?
การทุ่มเทของอาจารย์ ผสานมรรคากับขุนเขาสายน้ำสามทวีป
การวางแผนของศิษย์พี่ชุยฉาน ช่วยค้ำผืนฟ้าที่กำลังจะถล่มลงมาให้แก่ไพศาล
การออกกระบี่ของศิษย์พี่จั่วโย่ว หนึ่งแสงกระบี่เยียบเย็นไปทั้งใต้หล้า
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เฉินผิงอันที่เป็นศิษย์น้องเล็กผู้ซึ่ง ‘ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำมากที่สุด’ หลังจากที่เขาปรากฎตัวในใต้หล้าไพศาลยามที่วิถีทางโลกสงบสุข ร่มเงาเย็นสบายของสายบุ๋นที่ได้ดื่มด่ำมาเพิ่มเติมทั้งหมด จะต้องกลายเป็นว่าเพราะความไม่ระวังของเฉินผิงอันคนเดียว เดือดร้อนให้ตลอดทั้งสายบุ๋นจมดิ่งลงไปในบ่อโคลนอีกครั้ง ต่อให้ทางฝั่งศาลบุ๋นจะไม่มีความกังขาใดๆ ทว่าทั้งบนและล่างภูเขากลับจะเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ มีแต่จะแต่งบันทึกขุนเขาสายน้ำที่เนื้อหาเท็จเก้าส่วนจริงหนึ่งส่วนขึ้นมาส่งเดชเพิ่มอีกเล่ม เฉินผิงอันที่ชอบรักหยกถนอมบุปผา ผู้เชี่ยวชาญการสร้างชื่อเสียงจอมปลอม มีแต่จะยิ่งทนมองมิได้
เฉินผิงอันไม่มีทางยอมให้ตัวเองกลายเป็นเงาดำใต้โคมไฟอีกเด็ดขาด
อันที่จริงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพจิตใจอันน้อยนิดของเหยาหลิ่งจือ เฉินผิงอันล้วนเห็นอยู่ในสายตา ก็แค่ไม่ได้เปิดโปงต่อหน้าเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องที่เหยาหลิ่งจือส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังชายแดนทิศใต้ ต้องไม่เรียบง่ายอย่างแน่นอน
และการที่เฉินผิงอันไม่ได้ขัดขวางไม่ให้เหนียงเนียงเทพวารีลำคลองม่ายเหอเปิดเผยสถานะสายเหวินเซิ่งของตน อันที่จริงก็เป็นการหยั่งเชิงอย่างหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!