กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 761

บทที่ 761.2 ไม่ถูก

หากเผยหมิ่นจับเบาะแสได้ แล้วถ้าหากเขาไม่สนใจค่ายกลกระบี่อีกต่อไป อยู่ดีๆ ก็หาที่ซ่อนตัวของตนพบ เลือกที่จะใช้หนึ่งกระบี่ทำลายหมื่นอาคม เปิดฟ้าดิน มองข้ามแม่น้ำแห่งกาลเวลา สยบนกในกรงไว้ในชั่วพริบตาเดียว ระยะห่างระหว่างตีนเขากับยอดเขานี้ก็ยังมีพื้นที่ให้เฉินผิงอันหลบเลี่ยงหนึ่งกระบี่ได้ ขณะเดียวกันเฉินผิงอันก็ทำเรื่องประหลาดอยู่ตลอดเวลา เขาทิ้งความคิดบางอย่างไว้ตามจุดต่างๆ หลายจุดล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว คล้ายจิตหยินออกเดินทางไกลที่เป็นดั่งภาพมายาไร้ร่องรอย หลบอยู่เบื้องหลังคอย ‘รวบรวมสมาธิ’ จับสังเกตการออกกระบี่ของเผยหมิ่น วิเคราะห์ว่าเผยหมิ่นสามารถอาศัย ‘ริ้วคลื่นความคิด’ ที่เล็กละเอียดนี้มาปล่อยกระบี่ครั้งถัดไป แต่กลับต้องหล่นลงบนความว่างเปล่า

หากไม่เป็นเพราะถูกปรมาจารย์ป้อนหมัดมามาก ตอนอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ได้เจอเซียนกระบี่มามากมาย

ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ทั่วไปคนใด ลำพังเพียงแค่เผชิญหน้ากับชื่อและคำเรียกขานที่ว่าเผยหมิ่นแห่งเวทกระบี่นี้ ไม่ต้องให้เผยหมิ่นปล่อยกระบี่ออกไปอย่างแท้จริง ก็สามารถทำให้จิตแห่งมรรคาของผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งสูญเสียการควบคุมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ไปหลายส่วนแล้ว

ก็เหมือนกับผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งที่วิ่งไปขอประลองวิชาอสนีกับเทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ที่ย่อมต้องรู้สึกใจฝ่อบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ เว้นเสียจากว่าคนผู้นั้นจะเป็นฝูลู่อวี๋เสวียนกับฮว่อหลงเจินเหริน

เผยหมิ่นเอามือหนึ่งไพล่หลัง มือข้างที่ถือกระบี่สะบัดกระบี่ยาวน้ำฝนที่อยู่ในเมืองให้แหลกสลายเบาๆ โบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ปราณกระบี่และน้ำฝนรอบด้านพลันกระจายตัว แผ่ปูออกไปในแนวขวางโดยมียอดเขาที่เผยหมิ่นยืนอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง สกัดกั้นฟ้าดินเล็กของคนหนุ่มผู้นั้น

ปราณกระบี่แผ่กระจายเหมือนริ้วคลื่นในทะเลสาบที่กระเพื่อมเป็นระลอก สุดท้ายปรากฎกระจกขนาดใหญ่ยักษ์บานหนึ่งตั้งวางอยู่ในโลกมนุษย์

ผู้เฒ่าแบ่งฟ้าดินเล็กของนกในกรงบนและล่างออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย สกัดขวางวิชาอภินิหารแห่งฟ้าดินเอาไว้

แม้ว่าจะเจอจุดซ่อนตัวที่แท้จริงของคนหนุ่มผู้นั้นแล้ว เจ้าเด็กนั่นยืนอยู่ข้างลำธารตรงตีนเขา เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้บอกไปแล้วว่าจะรับสามกระบี่ เผยหมิ่นไม่ใช่คนไม่รักษาคำพูด จึงแสร้งทำเป็นว่าสัมผัสไม่ได้ มองยันต์กระบี่สร้างค่ายกลทำการถามกระบี่กับกระจกปราณกระบี่อีกครั้ง เป็นเวทกระบี่ที่ค่อนข้างแปลกใหม่อีกวิชาหนึ่ง

เพียงแต่ว่ามีลวดลายฉูดฉาดไปสักหน่อย รากฐานวิชายันต์แย่เกินไป เป็นเหตุให้ระดับขั้นของยันต์ไม่อาจสูงไปยังไงได้ อีกทั้งยันต์หลายสิบชนิดที่อยู่ด้านในยังค่อนข้างจะแปลกใหม่ แม้แต่เผยหมิ่นก็ยังเดารากฐานคร่าวๆ ของพวกมันไม่ได้ ทว่าค่ายกลใหญ่ยันต์กระบี่นี้ ถือว่าอยู่ในประเภทมองดูแล้วงดงาม แต่กลับไม่มีความหมายมากนัก

ไม่ใช่สนามรบสักหน่อย การจับคู่เข่นฆ่ากันระหว่างผู้ฝึกกระบี่ เอาแต่แสวงหาความยิ่งใหญ่ความสมบูรณ์แบบลูกเดียว คนหนุ่มผู้นั้นต้องการอะไรกันแน่? ไม่ทะนุถนอมโอกาสในการออกกระบี่ครั้งสุดท้ายเกินไปหน่อยหรือไม่? หรือจะบอกว่าอายุน้อยเกินไป ความสามารถด้านวิชากระบี่จึงมีเพียงเท่านี้เอง?

ธารดวงดาวร่วงลงพื้น พื้นผิวทะเลสาบยกลอยขึ้นสูง ปะทะชนเข้าด้วยกัน

ตอนอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งของผู้ฝึกกระบี่ฉีโซ่วอย่าง ‘เที่ยวจู’ มีหวังว่าจะกลายเป็นระดับของอาวุธเซียนได้ หากปณิธานกระบี่และปราณวิญญาณของฉีโซ่วสามารถประคับประคอง ‘เที่ยวจู’ ได้รวดเดียวสามพันหกร้อยเล่ม ฉีโซ่วก็จะสามารถพิสูจน์คำทำนายมหาโชคของอริยะลัทธิเต๋าแห่งป๋ายอวี้จิงท่านนั้นที่บอกไว้ว่า ‘ครอบครองธารดารา ฝนพรมลงมาบนโลกมนุษย์’ ปีนั้นที่อยู่บนหัวกำแพงเมือง เฉินผิงอันเป็นฝ่ายใช้ยันต์มาเพิ่มพลานุภาพในการโจมตีให้กับกระบี่บินเล่มนี้ของฉีโซ่ว ใช้ยันต์และกระบี่สร้างเป็นค่ายกล จ่ายเงินเพียงเล็กน้อยก็ราวกับว่าสามารถทำให้กระบี่บินมีวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวิชาเปล่าๆ

ทุกครั้งที่อยู่ระหว่างนั่งเรือโดยสารเดินทางไกล นอกจากเฉินผิงอันจะหลอมปลายกระบี่ไท่ป๋ายเป็นกระบี่อย่างระมัดระวังแล้ว ยังหลอมกองผ้าชุดคลุมสีเทาให้เป็นฝักกระบี่ด้วย ตั้งใจสร้างกระบี่พกประจำกายเล่มหนึ่งขึ้นมา

การวาดยันต์และการฝึกหมัดก็ล้วนไม่มีเกียจคร้าน เพราะต้องแบกรับชื่อจริงของปีศาจใหญ่เอาไว้ จึงเป็นเหตุให้เฉินผิงอันถูกมหามรรคาของใต้หล้าไพศาลสยบกำราบอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นก็ล้วนเป็นการฝึกหมัดทั้งสิ้น ถึงอย่างไรก็ไม่เหลือพื้นที่ให้เฉินผิงอันเกียจคร้านแม้แต่เสี้ยวเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องของการวาดยันต์จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญในเรื่องสำคัญนอกเหนือจากการฝึกกระบี่อีกที

เดิมทีค่ายกลกระบี่ยันต์ค่ายกลนี้ เฉินผิงอันคิดจะเอาไว้ใช้เป็นของขวัญพบหน้าให้กับภูเขาตะวันเที่ยงหรือไม่ก็นครลมเย็นในอนาคต

ความคิดที่ทิ้งไว้ตรงยอดเขาตำแหน่งเดิม มีกระบี่บินชูอีโผล่พรวดออกมา แล้วพุ่งจากไปอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่เปล่งวาบ ตรงดิ่งเข้าหาเผยหมิ่นที่อยู่บนยอดเขาฝั่งตรงข้าม

ความคิดอีกจุดหนึ่งที่เหมือนจิตหยินออกจากร่าง กระบี่บินเล่มหนึ่งที่มีสายฟ้าสีม่วงล้อมวนกลับพุ่งยาวเข้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเผยหมิ่น คล้ายกับจะถามกระบี่แต่ดันพุ่งไปผิดทาง

จุดที่ความคิดที่สามซุกซ่อนตัว กระบี่บินเหมือนเข็มสนเล็กๆ (ซงเจิน หมายถึงใบสนที่มีลักษณะเหมือนเข็ม) ชิ้นหนึ่งกรีดผ่ากลางอากาศ พุ่งจากด้านหลังของเผยหมิ่นไปยังยอดเขา ปลายกระบี่ชี้ไปที่ท้ายทอยของผู้เฒ่า

ไม่เพียงเท่านี้ ค่ายกลกระบี่ธารดวงดาวที่ปะทะกับทะเลสาบกระบี่ปริแตกไปได้แค่ครึ่งเดียว ฟ้าดินก็พลันพลิกตลบ ม้วนภาพขุนเขาสายน้ำภาพหนึ่งคล้ายถูกคนพับบิดตามแต่ใจ ธารดวงดาวค่ายกลกระบี่ครึ่งหนึ่งจึงผุดลอยขึ้นมาจากทิศไกลของฟ้าดิน มองดูคล้ายอยู่ห่างไปไกลมาก จากนั้นก็กระโดดพรวดหดย่อพื้นที่ ไม่ต่างจากด้ามร่มท่อนนั้น กลบฟ้าทับดิน พริบตาเดียวก็ปกคลุมผู้เฒ่าที่อยู่บนยอดเขาไว้ภายในทั้งหมด

เผยหมิ่นยืนเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังอยู่ตลอดเวลา เผชิญหน้ากับค่ายกลกระบี่ธารดวงดาวครึ่งแห่งและกระบี่บิน ‘แห่งชะตาชีวิต’ สามเล่ม ผู้เฒ่าก็ทำเพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาทำมุทรากระบี่เท่านั้น

ไม่ออกกระบี่แม้แต่ครั้งเดียว เผยหมิ่นเพียงแค่ไม่จงใจควบคุมปราณกระบี่อันเอ่อท้นไพศาลบนร่างอีกต่อไป บนยอดเขาจึงมีปราณกระบี่โชติช่วงประดุจดวงตะวันดวงใหญ่ที่พลันโผล่พรวดออกมาจากทะเลบูรพาแล้วลอยขึ้นสู่จุดสูงในโลกมนุษย์ แสงกระบี่แยงตาขยายครืนครั่นไปเป็นวงกว้าง

ค่ายกลกระบี่ธารดวงดาวถูกกระแทกชนจนแหลกสลาย จริงดังคาด กระบี่บินที่มีสายฟ้าถักทอซึ่งราวกับวิ่งไปผิดทางนั้น ก็วิ่งไปผิดทางจริงๆ ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้ตัวเขา กระบี่บินสองเล่มที่ปลายกระบี่แยกกันชี้มาที่หัวใจและท้ายทอยของผู้เฒ่า กระบี่บินหนึ่งในนั้นที่แสงกระบี่เป็นสีขาวหิมะคือเวทอำพรางตา เปล่งวูบหนึ่งครั้งก็พุ่งหายไปที่อื่น มีเพียงกระบี่บินที่ลักษณะคล้ายเข็มสนเล็กบางเท่านั้นที่ไม่รู้จักกลัวตาย ขยับมาใกล้ยอดเขา ไม่เปลี่ยนทิศทาง ผลคือพุ่งเข้าชนแสงกระบี่เข้าอย่างจัง มองดูเหมือนตะปูที่ตอกฝังอยู่ในผนังอย่างไรอย่างนั้น

เผยหมิ่นบังคับปราณกระบี่ ประกบสองนิ้วคีบกระบี่บินเล่มนั้นให้ติดค้างอยู่ที่เดิม เขาส่ายหน้าอย่างระอาใจ เป็นกระบี่จำลองของเซียนกระบี่จากภูเขาชังกระบี่อุตรกุรุทวีปจริงดังคาดเสียด้วย

ในใจของเผยหมิ่นไม่รู้สึกสงสัยอีกต่อไป เพราะว่ากระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเซียนกระบี่ที่มีชื่อว่า ‘กู่ชุ่ย’ เล่มนั้นก็คือร่างจริงที่กระบี่บินซึ่งอยู่บนปลายนิ้วเล่มนี้จำลองมา ปีนั้นก็ได้ถูกเขาใช้หนึ่งกระบี่ฟันให้แหลกสลาย ดังนั้นวันนี้พอได้เห็นกระบี่บินเล่มนี้อีกครั้ง เผยหมิ่นถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย

กระบี่บินซงเจินสั่นสะท้านเบาๆ เผยหมิ่นหัวเราะ เพิ่มน้ำหนักนิ้วมือบีบให้มันแหลกสลาย “กระบี่บินกู่ชุ่ย นึกจะหายก็หายไปเสียอย่างนั้น ไม่ควรจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกของคนรุ่นหลังเพราะกระบี่จำลองเล่มหนึ่ง”

จากนั้นจึงรวบรวมปราณกระบี่และปณิธานกระบี่ที่แหลกสลายไปแล้วกลับคืนมา คล้ายกับว่าทำให้ ‘กู่ชุ่ย’กระบี่บินของเซียนกระบี่กลับมาเห็นแสงตะวันอีกครั้ง เผยหมิ่นเอ่ยว่า “กระบี่แรก รับให้ดีล่ะ”

ภูเขาที่เผยหมิ่นอยู่พลันว่างเปล่า ล้วนถูกค่ายกลกระบี่ธารดารากระแทกชนจนแหลกเละไปแล้ว

ผู้เฒ่าลอยตัวอยู่กลางอากาศ รวบรวมปราณกระบี่ที่หลงเหลือส่วนสุดท้ายในฟ้าดินมาหลอมเป็นกระบี่ยาวอีกเล่มหนึ่ง กระบี่แรกนี้ก็แค่เลียนแบบเซียนกระบี่ที่ชอบใช้กระบี่บินตัดหัวคนมากที่สุด อันที่จริงค่อนข้างจะคลุมเครืออยู่บ้าง แต่กระบี่ที่สองในมือ ขอแค่ปล่อยออกไป พละกำลังจะต้องมากกว่าเล็กน้อย

ฟ้าดินเล็กที่ถูกวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินเล่มหนึ่งพันธนาการเอาไว้แห่งนี้เริ่มค่อยๆ มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นพื้นที่ไร้อาคมที่ใช้รับมือกับผู้ฝึกลมปราณได้ดีที่สุดแล้ว

กระบี่แรกที่คนหนุ่มปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ ทับซ้อนสิบสองกระบี่ให้รวมเป็นหนึ่ง ไม่ใช่เพราะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ จึงคิดจะข่มขู่เผยหมิ่นที่เคยยึดครองตำแหน่งผู้นำเวทกระบี่ในไพศาล แล้วก็ไม่ใช่เพราะผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์คนหนึ่งคิดจะโอ้อวดวิชากระบี่ของตัวเองให้ดู แต่เพราะต้องการใช้ความเร็วที่มากที่สุดมาเผาผลาญปราณวิญญาณในฟ้าดินให้หมดสิ้น ส่วนเหตุใดถึงไม่ได้ใช้สถานะของเทพเทวดาเรียกกระบี่บินเล่มหนึ่งออกมากลืนกินปราณวิญญาณให้หมดสิ้นเหมือนปลาวาฬสูบน้ำไปในทีเดียว ก็เป็นเพราะความระมัดระวังตัว ในสายตาของเผยหมิ่น นี่คือการเลือกที่ชาญฉลาด ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันก็จะต้องเป็นฝ่ายกินกระบี่ของเผยหมิ่นก่อนหนึ่งกระบี่ เผยหมิ่นไม่ถือสาที่จะเอาปณิธานกระบี่บริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งทิ้งไว้ในฟ้าดินเล็กร่างกายมนุษย์ของคนหนุ่ม แล้วเดินทางไปตามจุดพักม้าเส้นชีพจร ท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำ เจอประตูเคาะประตู ลุยน้ำลงห้วย พริบตาเดียวก็เดินทางได้ไกลร้อยพันลี้

ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นผู้นำของสี่ผีใหญ่ตอแยยากบนภูเขา ต่อให้จะตอแยได้ยากแค่ไหน จะตาสูงมองไม่เห็นหัวใครจึงคิดว่าผู้ฝึกลมปราณในฟ้าดินแท้จริงแล้วก็มีแค่สองชนิดคือผู้ฝึกกระบี่กับผู้ฝึกลมปราณประเภทอื่นๆ สักเท่าไร

แต่ก็จำต้องยอมรับว่า ถึงอย่างไรผู้ฝึกกระบี่ก็ยังคงเป็นผู้ฝึกลมปราณ ยังคงต้องการปราณวิญญาณฟ้าดิน ยามที่เข่นฆ่าคนก็ต้องพยายามใช้ปราณวิญญาณที่มีอยู่ในฟ้าดินนอกกายให้ได้มากที่สุดเสียก่อน

และถึงอย่างไรเผยหมิ่นก็ไม่ใช่ผู้ที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในโลกมนุษย์ที่เขาเคยถ่ายทอดเวทกระบี่ให้สองสามบทคนนั้น ผู้เฒ่าทั้งไม่สามารถผสานมรรคาขอบเขตสิบสี่ แล้วก็ไม่อาจเลียนแบบป๋ายเหย่ที่ในใจมีบทกวีให้ใช้ไม่หมดสิ้น ปราณวิญญาณฟ้าดินจึงมีต้นกำเนิดให้ใช้ไม่ขาดสาย เผยหมิ่นเสียดายมาโดยตลอดที่ป๋ายเหย่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ที่แท้จริง เพียงแค่ถือกระบี่ไท่ป๋าย แต่กลับไม่เคยบ่มเพาะกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตออกมาได้ ไม่อย่างนั้นเผยหมิ่นก็ไม่รู้สึกว่ามหาสมุทรความรู้โจวมี่ที่จิตใจทะเยอทะยานสูงยิ่งกว่าแผ่นฟ้าคนนั้นจะทำตามแผนที่วางไว้ได้สมใจปรารถนา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!