พูดมาถึงตรงนี้ หลิวเม่าก็ชูแขนยกกาเหล้าขึ้นสูง มองไปทางหน้าต่าง จากนั้นดื่มเหล้าเงียบๆ หนึ่งอึก ราวกับว่าดื่มคารวะหลิวเม่าในปีนั้นอยู่ไกลๆ
องค์ชายสามในอดีตผู้นั้นเชี่ยวชาญวิชาคำนวณ หลงใหลในภูมิศาสตร์ แล้วยังเคยตกลงกับพี่ชายเป็นการส่วนตัวว่าในอนาคตจะต้องให้หลิวเม่าอ๋องเจ้าเมืองเรียบเรียงผลงานชิ้นเอกที่จะเป็นที่เลื่องลือสืบทอดไปหลายพันปีเล่มแล้วเล่มเล่าให้แก่ราชวงศ์ต้าเฉวียน
เหยาเซียนจือถามอย่างกังขา “อยู่ดีๆ เจ้าก็มาเปิดอกพูดถ้อยคำที่เหมือนมีควันเขียวผุดออกจากหลุมศพบรรพบุรุษพวกนี้กับข้า คิดจะแก้ไขชดเชยสิ่งใด? เพราะอาจารย์เฉินเกิดใจคิดสังหารเจ้า? คงไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง ทุกวันนี้เจ้าก็เป็นแค่เศษสวะผู้หนึ่งเท่านั้นเอง”
หลิวเม่าจุ๊ปากพูด “เมื่อก่อนไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าเป็นคนพูดคุยกับคนอื่นเก่งขนาดนี้ ไม่ได้พบเจอเจ้ามานานหลายปี ดังนั้นในความทรงจำของข้าเจ้าจึงเป็นคนทึ่มคนหนึ่งมาโดยตลอด”
ชายฉกรรจ์สกปรกที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราตรงหน้าผู้นี้ เคยเป็นเด็กหนุ่มที่มีสายตาใสกระจ่าง
จากนั้นหลิวเม่าก็เงียบงันไป
เหยาเซียนจือพลันเอ่ยว่า “ระหว่างที่เดินทางมา อาจารย์เฉินถามถึงเรื่องในอดีตบางอย่างเกี่ยวกับเจ้า เขาบอกว่า ‘บางใหญ่’ เล่มนั้นเขียนได้ดียิ่ง ยังบอกอีกว่าเขาเชื่อว่าเป็นฝีมือของหลิวเม่า”
หลิวเม่าหัวเราะ แหงนหน้ากระดกดื่มเหล้าหนึ่งอึก
ชั่วชีวิตนี้ของคน คนที่มีใจลุ่มหลง กลัวก็แต่ว่ายามที่ร่ำสุราอย่างเบิกบานอยู่บนโต๊ะสุรา จะไม่ทันระวังนึกถึงใครบางคนขึ้นมา
ชั่วชีวิตนี้ของคน ก็กลัวที่สุดว่าวันใดวันหนึ่งจะเข้าใจหลักการเหตุผลบางอย่างขึ้นมากะทันหัน
หลิวเม่าเอ่ย “เหยาเซียนจือ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า สักวันหนึ่ง เจ้าก็ดี ข้าก็ช่าง ล้วนจะเป็นบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงบนหน้าหนังสือบางเล่มของเฉินผิงอัน เมื่อหนังสือยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็ยิ่งเบาบางไม่มีค่าพอให้กล่าวถึงมากเท่านั้น”
เหยาเซียนจือส่ายหน้า “เจ้าคงเป็นประมาณนี้จริง แต่ข้ากลับไม่เหมือนเจ้า วันนี้อาจารย์เฉินสามารถรีบรุดเดินทางมายังนครเซิ่นจิ่งเพื่อท่านปู่ของข้าได้ ในอนาคตวันใดที่ข้าแก่แล้ว ต่อให้ตอนนั้นอาจารย์เฉินจะยุ่งมากแค่ไหนก็จะยังรีบมาหาข้า มาดื่มเหล้ามื้อสุดท้ายกับข้าอยู่ดี ข้าเขียนบอกในจดหมายว่าให้อาจารย์เฉินเอาเหล้าหมักตระกูลเซียนอะไรมาด้วย อาจารย์เฉินก็จะต้องเอาเหล้าชนิดนั้นมา เจ้าจะเทียบได้อย่างไร เจ้าจะไปเข้าใจอะไร?”
หลิวเม่าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เงียบไปพักใหญ่ก็ถามว่า “พอคุยกันแบบนี้ ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม?”
เหยาเซียนจืออัดอั้นอยู่นาน ก่อนจะด่ามารดาไปคำหนึ่ง
หลิวเม่ากำลังจะหัวเราะดังๆ ผลคือพบว่าแสงกระบี่ของกระบี่บินเล่มนั้นเปล่งวูบหนึ่งครั้ง ตัวกระบี่บินก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หันหน้าไปมองก็เห็นว่าตรงหน้าต่าง มี ‘ผ้าขาว’ ผืนหนึ่งห้อยอยู่ แล้วยังมีศีรษะหนึ่งห้อยต่องแต่งอยู่ตรงนั้น
หลิวเม่าอึ้งไปนาน
เฉินผิงอันที่สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อเดินข้ามธรณีประตูเข้ามา “นึกไม่ถึงว่านักพรตหลงโจวจะเป็นคนคุยเก่งขนาดนี้”
หลิวเม่ารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ครั้นจึงยกมือขึ้นคารวะตามแบบฉบับของลัทธิเต๋า “เป็นที่น่าขบขันแล้ว”
ชุยตงซานปีนข้ามหน้าต่างเข้ามาในห้อง เฉินผิงอันพยักหน้า ชุยตงซานจึงโบกชายแขนเสื้อสลายเวทอำพรางตาทิ้งไป ตราประทับหนังสือที่มีค่าอย่างยิ่ง แต่ก็ร้อนลวกมืออย่างมากชิ้นนั้นพลันปรากฎตัว
ชุยตงซานมีสีหน้าสดใสเปี่ยมชีวิตชีวา จ้องมองตราประทับส่วนตัวที่กลิ้งหลุดๆ มาหาตลอดทางชิ้นนั้นเขม็ง ใช้กระบี่บินจินสุ้ยวาดบ่อสายฟ้าสีทองออกมาสิบกว่าบ่ออย่างระมัดระวังก่อน บ่อสายฟ้าแต่ละชั้นทับซ้อนเข้าด้วยกัน สุดท้ายก่อตัวกลายเป็นค่ายกลกระบี่ แล้วถึงได้เก็บตราประทับของ ‘หนอนหนังสือเฒ่า’ ที่เคยเก็บสะสมตำราสามล้านเล่มชิ้นนี้ใส่ไว้ในจักรวาลชายแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ชุยตงซานใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “อาจารย์ ข้าอาจต้องไปสวนกงเต๋อสักรอบหนึ่งแล้ว พอดีกับที่โจวเฝยมาถึง ก็ให้เขากลับบ้านเกิดไปพร้อมกับอาจารย์เลย”
เฉินผิงอันถาม “รีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่กลับไปที่ภูเขาลั่วพั่วด้วยกันก่อนหรือไร?”
ชุยตงซานพยักหน้า “รีบมาก แต่อาจารย์โปรดวางใจ ข้าจะพยายามไปรวมตัวกับพวกท่านที่ภูเขาลั่วพั่วให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนหน้านั้นข้ายังสามารถไปเยือนจวนเหยาเป็นเพื่อนอาจารย์ได้ก่อนรอบหนึ่ง จากนั้นอาจารย์ก็สามารถไปรับพวกศิษย์พี่หญิงใหญ่ได้แล้ว แล้วค่อยเร่งเดินทางกันต่อ ทางฝั่งของนครเซิ่นจิ่งนี้ ข้ายังต้องช่วยอาจารย์เก็บกวาดซากเละเทะที่เหลือก่อนแล้วค่อยออกเดินทาง เอาเป็นว่าอย่างมากสุดใช้เวลาครึ่งวันก็สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างผ่อนคลายแล้ว ก็หนีไม่พ้นแค่ต้องจัดการกับนักพรตหลงโจวท่านนี้ หลิวฉงในคุกน้ำ บวกกับเซินกั๋วกงที่ไม่มีเผยหมิ่นปกป้องคุ้มครอง”
เดิมทีหลิวเม่าวางใจได้มากแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดพอพบเจอกับเด็กหนุ่มชุดขาวท่าทางลับๆ ล่อๆ คนนี้ เส้นเอ็นหัวใจเขาถึงกับขมวดตึงขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่ได้เห็นว่าเฉินผิงอันมาเยือนอารามหวงฮวา
เด็กหนุ่มชุดขาวพลันหันหน้ามาถลึงตาใส่หลิวเม่า มือข้างหนึ่งสะบัดชายแขนเสื้อหมุนเป็นวงกลมเต็มแรง เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “เจ้าโง่เจ้ามองอะไร? นักพรตน้อยจมูกโคหน้าเหม็น รู้หรือไม่ว่านายท่านอย่างข้าเคยพบเจอกับบรรพบุรุษของเจ้าจมูกโคหน้าเหม็นมาก่อนแล้ว ข้าเรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้อง เป็นพี่น้องที่รักกันมีลำดับศักดิ์เท่าเทียมกันกับเขาด้วยซ้ำ! ดังนั้นเจ้าจงรีบๆ เรียกข้าว่าท่านบรรพบุรุษซะ!”
หลิวเม่าหันหน้าไปมองทางเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันถึงกับพาเหยาเซียนจือจากไปโดยตรง ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวว่า “เจ้าพูดคุยให้เสร็จก่อน ข้าจะพาท่านเจ้าเมืองเดินกลับจวนเหยา อีกเดี๋ยวเจ้าค่อยตามไป”
ชุยตงซานยืดอกตั้ง ขานรับเสียงดังกังวาน “รับบัญชา!”
รอกระทั่งอาจารย์เดินออกไปจากอารามหวงฮวาแล้ว ชุยตงซานที่ฟุบตัวนอนคว่ำอยู่บนหน้าต่างแน่ใจแล้วว่าประตูใหญ่ปิดลง เงี่ยหูตั้งใจฟังจนแน่ใจว่าอาจารย์เดินจากไปไกลแล้ว ถึงได้หันตัวกลับมา แล้วจึงหมุนตัวกลับไปอีกครั้ง ฟังเสียงกรนน้อยๆ ของลูกศิษย์ที่รักสองคนของนักพรตหลงโจวที่อยู่ในห้องด้านข้าง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ คลำเอาแมงมุมตัวหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ตัวแมงมุมเป็นสีเขียวมรกตตลอดร่าง เปี่ยมล้นไปด้วยประกายแสงแห่งวสันต์ ดีดนิ้วหนึ่งที แมงมุมน้อยขนาดเท่าเล็บมือก็พุ่งไปด้านหน้าราวลูกธนูหลุดออกจากแล่ง ไปนอนคว่ำอยู่บนหน้าต่าง แล้วถักทอใยแมงมุมขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลิวเม่าเหลือบตามอง หน้าผากก็มีเหงื่อผุดซึมออกมาทันใด ระหว่างที่ใยแมงมุมนั้นถักทอขึ้นมาก็มีหญิงสาวอ่อนเยาว์ขนาดความสูงชุ่นกว่าปรากฏตัว พวกนางสวมชุดกระโปรงสีแดงสด เข็มขัดสีสันสดใสพลิ้วไสว เรือนกายของแต่ละคนล่องลอยผลุบโผล่อยู่ท่ามกลางเมฆหมอก เรือนกายอรชรอ้อนแอ้น สายตาเลื่อนลอย สุดท้ายกลายร่างเป็นควันเขียวกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่ลอดทะลุหน้าต่างไปเข้าฝันคนสองคนที่กำลังหลับสนิท…
จากนั้นเด็กหนุ่มชุดขาวก็คว้าจับแขนของนักพรตหลงโจว ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “จะส่งเจ้าเข้าไปในความฝันเดี๋ยวนี้?”
แม้หลิวเม่าจะไม่รู้ว่าเมื่อเข้าไปในความฝันแล้ว ถูกใยของแมงมุมฝันวสันต์โอบล้อม จุดจบจะเป็นอย่างไรกันแน่ แต่กระนั้นเหงื่อเย็นๆ ก็ยังแตกเต็มร่าง แข็งใจเอ่ยว่า “เซียนซือถามมาได้เลย หลิวเม่ารู้อะไรจะต้องบอกทุกอย่างไม่มีปิดบังอย่างแน่นอน”
ชุยตงซานกระตุกมุมปาก กระชากเบาๆ ก็ดึงจิตวิญญาณของหลิวเม่าออกมาจากเนื้อหนังมังสาร่างนี้
หลิวเม่าใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “อย่าดึงพวกเขามา ขอร้องเซียนซือโปรดเปลี่ยนวิธีการใหม่”
ชุยตงซานส่ายหน้า “เชื่อข้าเถอะ หลังจบเรื่องเจ้ามีแต่จะยิ่งรู้สึกเสียใจภายหลัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!