กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 761

สรุปบท บทที่ 761.7 ไม่ถูก: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 761.7 ไม่ถูก – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 761.7 ไม่ถูก ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เฉินผิงอันเอ่ยเสียงเบา “ก็ผ่านมาได้แล้วไม่ใช่หรือ? เมื่อก่อนสามารถกัดฟันอดทนกับความยากลำบากอย่างใหญ่หลวงมากมายมาได้ วันหน้าก็จงสงบใจดื่มด่ำกับโชคดีมหาศาลเถิด”

เหยาเซียนจือพยักหน้ารับ

เฉินผิงอันเอ่ยว่า “ข้าต้องกลับไปที่จวนจินหวงสักหน่อย แล้วยังต้องไปยอดเขาเทียนแจว๋ทางทิศเหนือ อาจจะไม่ได้กลับมาที่นครเซิ่นจิ่งแล้ว เพราะต้องรีบกลับไป รอให้ท่านปู่เหยาฟื้นเมื่อไหร่ ข้าจะต้องแวะมาหาอีกรอบแน่นอน ถึงเวลานั้นเมื่อพบหน้ากัน จะดีจะชั่วเจ้าก็ช่วยโกนหนวดโกนเคราสักหน่อย เดิมทีก็เป็นคนรูปโฉมหล่อเหลาดีอยู่หรอก กลับถูกเจ้าปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนถูกกำหนดมาให้ต้องกลายเป็นคนโสดขึ้นคานเสียได้”

เหยาเซียนจือยิ้มเอ่ย “ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กหนุ่ม รูปโฉมก็ไม่ต่างจากอาจารย์เฉินเท่าไรจริงๆ”

เฉินผิงอันยิ้มตอบ “แต่ก็ยังมีความต่างอยู่บ้างกระมัง”

ชุยตงซานพยักหน้า “ต่างมากเหมือนตอนนี้เลยกระมัง”

ยามเช้าตรู่

ชุยตงซานพาอาจารย์ไปเยือนกองโหราศาสตร์ในเมืองหลวงอย่างเงียบเชียบ

หลังจากอาจารย์พูดคุยกับเหนียงเนียงเทพวารีตำหนักปี้โหยวเสร็จแล้ว ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเอ่ยลากัน อาจารย์พลันประสานมือคารวะหลิ่วโหรวที่ร่างทองแตกสลายไปเกินครึ่ง พอยืดเอวขึ้นตรงก็ยิ้มเอ่ยว่า “ครั้งหน้าที่ไปเยี่ยมเยือนตำหนักปี้โหยวจะไม่ลืมพกของขวัญไปด้วยแล้ว”

หลิ่วโหรวตกใจสะดุ้งโหยง รีบคารวะกลับคืน หัวเราะฮ่าๆ พลางโบกมือ จากนั้นก็ขยิบตาให้เฉินผิงอันแรงๆ กดเสียงต่ำเอ่ยว่า “รู้แล้วๆ เข้าศาลต้องจุดธูปนี่นะ”

ชุยตงซานมีสีหน้าใคร่รู้

เฉินผิงอันเหลือบมองชุยตงซาน อีกฝ่ายรีบพาอาจารย์ออกมาจากนครเซิ่นจิ่งทันที เดินทางไปทางใต้ก่อน พอไปถึงเรือข้ามฟากเรือเมฆา ผลกลับพบว่าพวกเผยเฉียนมารออยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว เผยเฉียนมีสีหน้าปั้นยาก พอเห็นว่าห่านขาวใหญ่ก็อยู่ด้วยจึงอดกลั้นไว้ไม่พูดออกมา

ชุยตงซานหัวเราะคิกคัก เผยเฉียนเหล่ตามองหัวเราะหึหึ ชุยตงซานรีบหุบยิ้มทันใด พลันเบิกตากว้าง หันขวับไปด่า “พี่โจวเฝยเจ้าไร้คุณธรรมหรือ?!”

ไอ้หมอนี่ก็อยู่บนเรือด้วย มีความเป็นไปได้ว่าจะมาถึงเรือเมฆาก่อนเวลาที่คาดการณ์ไว้ พอแน่ใจว่าการถามกระบี่ท่ามกลางค่ำคืนสายฝนไม่ได้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงแอบติดตามอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับตนและอาจารย์อย่างลับๆ ล่อๆ โดยไม่เผยตัว เพียงไม่นานชุยตงซานก็เข้าใจความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ ต้องเป็นเรือเมฆาลำนี้ที่ซุกซ่อนค่ายกลขุนเขาสายน้ำซึ่งลึกลับอำพรางอย่างถึงที่สุดเอาไว้ แน่นอนว่าไม่อาจทำให้เจ้าประมุขสกุลเจียงผู้นี้ข้ามพื้นที่ครึ่งทวีปมาได้โดยตรง แต่ก็ต้องทำให้หลังจากที่เจียงซ่างเจินออกมาจากพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาแล้วสามารถเดินทางขึ้นเหนือได้เร็วยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน

สิ่งที่มีชื่อเสียงมากยิ่งกว่าหนึ่งใบหลิวสังหารเซียนเหรินของเจียงซ่างเจิน รวมไปถึงเรื่องราวอันทรงเสน่ห์ของเจ้าประมุขสกุลเจียง คาดว่าก็คงเป็นความสามารถในการหนีเอาชีวิตรอดของคนผู้นี้นี่เอง เป็นผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่ง ตอนที่เป็นโอสถทองก็สามารถหนีเอาชีวิตรอดภายใต้เปลือกตาของศัตรูที่ขอบเขตสูงกว่าตนหนึ่งขอบเขตหรือถึงขั้นสองขอบเขต อันที่จริงนี่สามารถอธิบายหลายเรื่องได้แล้ว อีกทั้ง ‘อดีตเจ้าสำนัก’ ของสำนักกุยหยกผู้นี้ ปีนั้นสามารถท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปเพียงลำพังได้อย่างกำเริบเสิบสาน สะสมคุณความชอบในการสู้รบอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวเตร่ไปทางตะวันตกที เดี๋ยวร่อนไปทางตะวันออกที ออกกระบี่ไม่หยุด แต่กลับอยู่รอดปลอดภัยมาโดยตลอด กระโจมทัพใหญ่หลายแห่งของใต้หล้าเปลี่ยวร้างถึงขั้นไม่มีแม้แต่การดักฆ่าอย่างเข้าท่าเข้าทีได้เลยสักครั้ง ก็ยิ่งอธิบายให้เห็นว่าการปรากฏตัวอย่างลับๆ ล่อๆ ของเจียงซ่างเจินนั้นยากจะตอแยได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว

เป็นขอบเขตเซียนเหรินเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นขอบเขตเซียนเหรินของชุยตงซานที่มีน้ำหนักอย่างถึงที่สุด แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่องรอยของเจียงซ่างเจิน

เจียงซ่างเจินปรากฏตัวตรงระเบียงชมทัศนียภาพของห้องหนึ่งบนเรือจริงๆ เขาฟุบตัวอยู่บนราวระเบียง พูดอย่างเกียจคร้านว่า “หลังจากพวกเจ้าออกจากวัดเทียนกงมาได้ไม่นานเท่าไร ข้าก็ไปถึงซากปรักสนามรบแห่งนั้นแล้ว น้องชุยคงเดาไม่ถึงสินะ เห็นพวกเจ้าเดินเตร็ดเตร่กลับนครเซิ่นจิ่งอย่างสบายอารมณ์ ข้าก็เหมือนได้กินยาสงบใจไปเม็ดหนึ่ง เลยวิ่งไปจุดธูปในวัด จากนั้นร่วมคัดคัมภีร์พร้อมกับกั๋วกงท่านหนึ่งไปหนึ่งรอบ เจ้าตัวดี ข้าไม่ได้ข่มตาหลับตลอดทั้งคืนเลยนะ”

เซินกั๋วกงเกาซื่อเจินได้ทยอยเจอกับเฉินผิงอัน ชุยตงซานและเจียงซ่างเจินติดๆ กัน อันที่จริงก็ไม่ง่ายเลย ย่อมไม่มีทางผ่อนคลายไปกว่าหลิวเม่าแน่นอน

ชุยตงซานยิ้มกล่าว “คุ้มครองอาจารย์ของข้าให้ดีล่ะ”

เจียงซ่างเจินเอียงหัวน้อยๆ เหล่ตามองเลียนแบบเผยเฉียน พูดบ่นว่า “เอาแต่พูดจาเหลวไหล เริ่มจะไม่ค่อยเหมือนน้องชุยที่ข้ารู้จักแล้ว”

เผยเฉียนมองอดีตเจ้าสำนักเจียงท่านนั้นแล้วกระตุกมุมปาก

ชุยตงซานก้าวหนึ่งก้าวกระโดดข้ามราวรั้ว ร่างพลิกหมุนหนึ่งรอบ ชายแขนเสื้อใหญ่สองข้างสะบัดเป็นวงกลมตามลมไปอย่างบ้าคลั่ง ออกเดินทางไกลไปทั้งอย่างนี้

หวนกลับมายังนครเซิ่นจิ่งอีกครั้ง เมื่อจัดการธุระเสร็จก็จะเอาตราประทับหนังสือชิ้นหนึ่งไปยังทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่ไม่เคยเหยียบย่างไปเยือนมาร้อยปีกว่าแล้ว

ในที่สุดก็ไม่ลืมที่จะปล่อยแม่นางน้อยหน้าตายอย่างซุนชุนหวังออกมา

หลังจากซุนชุนหวังออกมาจากจักรวาลชายแขนเสื้อของชุยตงซานแล้ว สีหน้าก็ยังคงไร้อารมณ์ดังเดิม นางนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นเริ่มบำรุงกระบี่บินด้วยความอบอุ่นทันที

เจียงซ่างเจินมาหยุดอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ดูท่าแล้วความเคลื่อนไหวไม่ใช่น้อยๆ เผยหมิ่นแห่งเวทกระบี่ผู้นั้น เป็นอย่างไร?”

ก่อนหน้านี้ได้รับกระบี่บินแจ้งข่าวจากชุยตงซาน ทำเอาเจียงซ่างเจินตกใจยกใหญ่ ประโยคในจดหมายคือ ‘รีบมาที่นครเซิ่นจิ่ง ร่วมกันเล่นงานเผยหมิ่นให้ตาย ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว’ …

เจียงซ่างเจินออกเดินทางทันทีโดยที่ไม่มีความลังเลใดๆ

คิดว่าขอแค่ต่อสู้ครั้งนี้เสร็จ ต่อให้ข้าผู้อาวุโสจะตัดสินใจไม่อยากเป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วอะไรแล้ว แต่เจ้าขุนเขาหนุ่มจะกล้าไม่รั้งตัวไว้ได้อย่างไร?

เพียงแต่เจียงซ่างเจินคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมาเสียเที่ยว

เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “สูงส่งมาก”

เผยเฉียนถามเบาๆ “อาจารย์พ่อได้รับบาดเจ็บหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไร ใช่แล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงออกจากจวนจินหวงมาก่อนไม่รอข้าล่ะ?”

เผยเฉียนมองเจียงซ่างเจิน

เจียงซ่างเจินจึงเดินห่างออกไปอย่างรู้กาลเทศะ จากนั้นก็เงี่ยหูตั้งใจฟัง คิดว่าจะแอบฟังเสียงในใจ ล้วนไม่ใช่คนนอก คนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น จะต้องเกรงใจกันไปไย

สัมผัสได้ว่าหญิงสาวจับจ้องแผ่นหลังของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เจียงซ่างเจินก็ได้แต่หันหน้ากลับไปพูดว่า “รับรองว่าไม่แอบฟัง”

เฉินผิงอันจึงได้แต่พาเผยเฉียนไปที่ห้อง พอเผยเฉียนนั่งลงแล้วก็รวมเสียงให้เป็นเส้นเอ่ยว่า “อาจารย์พ่อ ท่านเดาดูสิว่าข้าได้เจอกับผู้ฝึกกระบี่คนไหน?”

เฉินผิงอันคิดแล้วก็ยิ้มตอบ “คนที่ปีนั้นมาลอบฆ่าแม่ทัพผู้เฒ่า? ตาเรียว ปากบาง หน้าตาค่อนข้าง…ใจร้าย ส่วนกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเขาก็เหมือนกับกระบี่ยาวของคนปกติทั่วไป ค่อนข้างประหลาด แสงกระบี่เป็นสีแดงสด”

เผยเฉียนถอนหายใจ “อาจารย์พ่อ ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ประหลาดใจสักครั้งเลยนะ ต่อให้แสร้งทำเป็นเดาไม่ออกก็ยังดีนี่นา”

เฉินผิงอันนวดคลึงข้างแก้ม เพียงแต่ว่าไม่นานก็หลุดหัวเราะ “เจ้าสามารถอดทนไม่ยอมออกหมัดได้ ถือว่าทำถูกแล้ว นอกจากนี้อาจารย์พ่อก็อยากจะถามกระบี่กับเขาอย่างจริงจังสักครั้ง ใช่แล้ว ผ่านไปอีกปีสองปี ข้ายังจะมาเยือนใบถงทวีปอีกรอบ ถึงเวลานั้นจะพาเจ้ามาด้วย”

ภูเขาลั่วพั่ว

เพราะว่าเมื่อคืนวานฝันดี วันนี้แม่นางน้อยชุดดำจึงอารมณ์ดีอย่างมาก ดังนั้นจึงไปที่ริมลำธาร แกะผมเปียน้อยๆ ออก เก็บเปลือกเมล็ดแตงมาถือเอาไว้ นอนคว่ำอยู่ริมน้ำแล้วจุ่มหัวเข้าไปในลำธาร จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เลียนแบบก้าวเดินของห่านขาวใหญ่ แล้วก็เลียนแบบวิชาหมัดของเผยเฉวียน ดวงหน้าเล็กๆ เคร่งขรึม จากนั้นก็ร้องตะโกนดังๆ หนึ่งที หมุนตัวล่องลอยไปตามก้อนหินทีละก้อน เส้นผมปลิวสะบัดหมุนเป็นวง เปลือกเมล็ดแตงที่อยู่ในมือเอามาแทนกระบี่บินที่ถูกขว้างสวบๆๆ ออกไป

แม่นางน้อยชุดดำวิ่งตะบึงกลับมาบนฝั่ง หยิบคานหาบสีทองอันเล็ก ไม้เท้าเดินป่า เดินอาดๆ ไปเฝ้าประตูใหญ่ที่ตีนเขา

ทุกวันนี้เวลาที่หมี่ลี่น้อยลาดตระเวนภูเขาเพียงลำพัง นอกจากเส้นทางเดิมที่ต่อให้ฟ้าผ่าก็ไม่สะเทือน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงหลังจากลาดตระเวนแล้วจะไปเฝ้าหน้าประตูใหญ่เพื่อรอคนกลับบ้าน เพื่อที่ว่านางจะได้พบเห็นเป็นคนแรกแล้ว หมี่ลี่น้อยยังมีเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือหลังจากที่เฝ้าประตูเสร็จ กลางดึกนางจะชอบชักเท้าวิ่งห้อไปที่ศาลบรรพจารย์ของยอดเขาจี้เซ่อ จากนั้นก็จะก้าวถอยหลังย้อนกลับไปนอนยังที่พัก แล้วก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งทำแบบนี้มาแค่ไม่กี่วัน แต่ทำมาเกินครึ่งปีแล้ว

ตรงตีนเขาของวันนี้ นั่งลงบนม้านั่งตัวเล็ก เฝ้ามองประตูใหญ่ แม่นางน้อยชุดดำมองสีท้องฟ้าที่มืดสนิท หลังจากเอาม้านั่งเล็กไปวางไว้ในตำแหน่งเดิมก็วิ่งไปที่ยอดเขาจี้เซ่อ

รอกระทั่งหมี่ลี่น้อยเดินถอยหลังกลับมาถึงตรงขั้นบันได เฉินหลิงจวินที่นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นก็ถามว่า “หมี่ลี่น้อย นี่เจ้าทำอะไรอยู่กันแน่?”

แม่นางน้อยพองแก้มป่อง ไม่พูดไม่จา เพียงแค่เดินก้าวถอยหลังไปทีละก้าวเท่านั้น

เฉินหลิงจวินแทะเมล็ดแตง “ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา ทำบ้าอะไรอยู่ ไหนลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”

หมี่ลี่น้อยยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบเม้มปาก จากนั้นก็เดินถอยหลังต่ออีกครั้งพลางพูดตอบเสียงอู้อี้ว่า “ข้าอยากจะให้แม่น้ำแห่งกาลเวลาไหลย้อนกลับอย่างไรล่ะ เจ้าลองคิดดูนะ เมื่อก่อนตอนที่ข้าลาดตระเวนภูเขา ทุกวันล้วนต้องเดินไปข้างหน้า วันเวลาก็เลยวิ่งไปข้างหน้าวันแล้ววันเล่า ถูกไหมล่ะ? ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเดินถอยหลังทุกวัน เหอะ! ข้าพูดแบบนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร? เจ้าก็คงยังไม่รู้กระมัง ก้าวที่ข้าก้าวเดินยามลาดตระเวนภูเขาทุกวันกว้างแค่ไหน ตอนนี้ฝีเท้ามีมากหรือน้อยแล้ว? ล้วนมีความพิถีพิถันอย่างยิ่ง”

เฉินหลิงจวินอึ้งตะลึง ก่อนจะยิ้มถาม “มีประโยชน์ไหมล่ะ?”

แม่นางน้อยชุดดำยกมือข้างที่ถือไม้เท้าเดินป่าขึ้นมาเกาหัว “ข้าคนเดียวก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไรนะ”

เฉินหลิงจวินเก็บเมล็ดแตง เดินมาหยุดอยู่ข้างกายหมี่ลี่น้อย “ถ้าอย่างนั้นข้าทำเป็นเพื่อนเจ้า?”

แม่นางน้อยโคลงศีรษะ ดีใจอย่างถึงที่สุด ตะโกนเรียก “จิ่งชิง จิ่งชิง จิ่งชิง จิ่งชิง!”

ท่ามกลางม่านราตรี เฉินหลิงจวินเดินเป็นเพื่อนหมี่ลี่น้อยจนไปถึงที่เรือนไม้ไผ่

หมี่ลี่น้อยเอาไม้เท้าเดินป่าและคานหาบเล็กสีทองวางไว้บนโต๊ะ นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ถามเสียงเบาว่า “พรุ่งนี้ยังไปด้วยกันอีกไหม?”

แม่นางน้อยชุดดำเกาหัว หัวเราะหึหึ คงเพราะรู้สึกว่าจิ่งชิงจะไม่มีทางตอบตกลง

เฉินหลิงจวินพยักหน้า “ข้าชอบนอนไม่อยากลุก พรุ่งนี้เจ้าไปเรียกข้าที่หน้าประตูแล้วกัน จำไว้ว่าต้องเรียกหลายๆ ทีหน่อยนะ”

หมี่ลี่น้อยเรียกจิ่งชิงยาวเหยียดเป็นพรวน จากนั้นก็ฟุบตัวลงบนโต๊ะหิน ขมวดคิ้ว พึมพำว่า “เป็นเพราะเจ้าขุนเขาคนดีรู้สึกว่าผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาบนภูเขาของพวกเราไม่มีประโยชน์อะไร ค่อนข้างจะน่าอายใช่หรือไม่ ถึงได้ไม่ยินดีจะกลับมาบ้านแล้ว ข้าคิดไปคิดมา เจ้าขุนเขาคนดีล้วนชอบพวกเจ้าทุกคนมากๆ เลยนี่นา จิ่งชิง หากเจ้าเดินเป็นเพื่อนข้าอีกสองสามวัน แล้วยังไม่มีประโยชน์อะไร ข้าก็จะไปทะเลสาบคนใบ้แล้วนะ ไม่แน่ว่าพอข้ากลับบ้าน เจ้าขุนเขาคนดีก็อาจจะกลับบ้านมาด้วยก็ได้ ถูกไหม?”

ลมเย็นๆ ขุมหนึ่งพัดโชยผ่านภูเขาลั่วพั่ว จากนั้นเสียงอบอุ่นอ่อนโยนก็ดังขึ้นด้านหลังหมี่ลี่น้อย “ข้าว่าไม่ถูกนะ”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!