เฉินผิงอันเอ่ยเสียงเบา “ก็ผ่านมาได้แล้วไม่ใช่หรือ? เมื่อก่อนสามารถกัดฟันอดทนกับความยากลำบากอย่างใหญ่หลวงมากมายมาได้ วันหน้าก็จงสงบใจดื่มด่ำกับโชคดีมหาศาลเถิด”
เหยาเซียนจือพยักหน้ารับ
เฉินผิงอันเอ่ยว่า “ข้าต้องกลับไปที่จวนจินหวงสักหน่อย แล้วยังต้องไปยอดเขาเทียนแจว๋ทางทิศเหนือ อาจจะไม่ได้กลับมาที่นครเซิ่นจิ่งแล้ว เพราะต้องรีบกลับไป รอให้ท่านปู่เหยาฟื้นเมื่อไหร่ ข้าจะต้องแวะมาหาอีกรอบแน่นอน ถึงเวลานั้นเมื่อพบหน้ากัน จะดีจะชั่วเจ้าก็ช่วยโกนหนวดโกนเคราสักหน่อย เดิมทีก็เป็นคนรูปโฉมหล่อเหลาดีอยู่หรอก กลับถูกเจ้าปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนถูกกำหนดมาให้ต้องกลายเป็นคนโสดขึ้นคานเสียได้”
เหยาเซียนจือยิ้มเอ่ย “ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กหนุ่ม รูปโฉมก็ไม่ต่างจากอาจารย์เฉินเท่าไรจริงๆ”
เฉินผิงอันยิ้มตอบ “แต่ก็ยังมีความต่างอยู่บ้างกระมัง”
ชุยตงซานพยักหน้า “ต่างมากเหมือนตอนนี้เลยกระมัง”
ยามเช้าตรู่
ชุยตงซานพาอาจารย์ไปเยือนกองโหราศาสตร์ในเมืองหลวงอย่างเงียบเชียบ
หลังจากอาจารย์พูดคุยกับเหนียงเนียงเทพวารีตำหนักปี้โหยวเสร็จแล้ว ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเอ่ยลากัน อาจารย์พลันประสานมือคารวะหลิ่วโหรวที่ร่างทองแตกสลายไปเกินครึ่ง พอยืดเอวขึ้นตรงก็ยิ้มเอ่ยว่า “ครั้งหน้าที่ไปเยี่ยมเยือนตำหนักปี้โหยวจะไม่ลืมพกของขวัญไปด้วยแล้ว”
หลิ่วโหรวตกใจสะดุ้งโหยง รีบคารวะกลับคืน หัวเราะฮ่าๆ พลางโบกมือ จากนั้นก็ขยิบตาให้เฉินผิงอันแรงๆ กดเสียงต่ำเอ่ยว่า “รู้แล้วๆ เข้าศาลต้องจุดธูปนี่นะ”
ชุยตงซานมีสีหน้าใคร่รู้
เฉินผิงอันเหลือบมองชุยตงซาน อีกฝ่ายรีบพาอาจารย์ออกมาจากนครเซิ่นจิ่งทันที เดินทางไปทางใต้ก่อน พอไปถึงเรือข้ามฟากเรือเมฆา ผลกลับพบว่าพวกเผยเฉียนมารออยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว เผยเฉียนมีสีหน้าปั้นยาก พอเห็นว่าห่านขาวใหญ่ก็อยู่ด้วยจึงอดกลั้นไว้ไม่พูดออกมา
ชุยตงซานหัวเราะคิกคัก เผยเฉียนเหล่ตามองหัวเราะหึหึ ชุยตงซานรีบหุบยิ้มทันใด พลันเบิกตากว้าง หันขวับไปด่า “พี่โจวเฝยเจ้าไร้คุณธรรมหรือ?!”
ไอ้หมอนี่ก็อยู่บนเรือด้วย มีความเป็นไปได้ว่าจะมาถึงเรือเมฆาก่อนเวลาที่คาดการณ์ไว้ พอแน่ใจว่าการถามกระบี่ท่ามกลางค่ำคืนสายฝนไม่ได้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงแอบติดตามอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับตนและอาจารย์อย่างลับๆ ล่อๆ โดยไม่เผยตัว เพียงไม่นานชุยตงซานก็เข้าใจความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ ต้องเป็นเรือเมฆาลำนี้ที่ซุกซ่อนค่ายกลขุนเขาสายน้ำซึ่งลึกลับอำพรางอย่างถึงที่สุดเอาไว้ แน่นอนว่าไม่อาจทำให้เจ้าประมุขสกุลเจียงผู้นี้ข้ามพื้นที่ครึ่งทวีปมาได้โดยตรง แต่ก็ต้องทำให้หลังจากที่เจียงซ่างเจินออกมาจากพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาแล้วสามารถเดินทางขึ้นเหนือได้เร็วยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน
สิ่งที่มีชื่อเสียงมากยิ่งกว่าหนึ่งใบหลิวสังหารเซียนเหรินของเจียงซ่างเจิน รวมไปถึงเรื่องราวอันทรงเสน่ห์ของเจ้าประมุขสกุลเจียง คาดว่าก็คงเป็นความสามารถในการหนีเอาชีวิตรอดของคนผู้นี้นี่เอง เป็นผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่ง ตอนที่เป็นโอสถทองก็สามารถหนีเอาชีวิตรอดภายใต้เปลือกตาของศัตรูที่ขอบเขตสูงกว่าตนหนึ่งขอบเขตหรือถึงขั้นสองขอบเขต อันที่จริงนี่สามารถอธิบายหลายเรื่องได้แล้ว อีกทั้ง ‘อดีตเจ้าสำนัก’ ของสำนักกุยหยกผู้นี้ ปีนั้นสามารถท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปเพียงลำพังได้อย่างกำเริบเสิบสาน สะสมคุณความชอบในการสู้รบอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวเตร่ไปทางตะวันตกที เดี๋ยวร่อนไปทางตะวันออกที ออกกระบี่ไม่หยุด แต่กลับอยู่รอดปลอดภัยมาโดยตลอด กระโจมทัพใหญ่หลายแห่งของใต้หล้าเปลี่ยวร้างถึงขั้นไม่มีแม้แต่การดักฆ่าอย่างเข้าท่าเข้าทีได้เลยสักครั้ง ก็ยิ่งอธิบายให้เห็นว่าการปรากฏตัวอย่างลับๆ ล่อๆ ของเจียงซ่างเจินนั้นยากจะตอแยได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว
เป็นขอบเขตเซียนเหรินเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นขอบเขตเซียนเหรินของชุยตงซานที่มีน้ำหนักอย่างถึงที่สุด แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่องรอยของเจียงซ่างเจิน
เจียงซ่างเจินปรากฏตัวตรงระเบียงชมทัศนียภาพของห้องหนึ่งบนเรือจริงๆ เขาฟุบตัวอยู่บนราวระเบียง พูดอย่างเกียจคร้านว่า “หลังจากพวกเจ้าออกจากวัดเทียนกงมาได้ไม่นานเท่าไร ข้าก็ไปถึงซากปรักสนามรบแห่งนั้นแล้ว น้องชุยคงเดาไม่ถึงสินะ เห็นพวกเจ้าเดินเตร็ดเตร่กลับนครเซิ่นจิ่งอย่างสบายอารมณ์ ข้าก็เหมือนได้กินยาสงบใจไปเม็ดหนึ่ง เลยวิ่งไปจุดธูปในวัด จากนั้นร่วมคัดคัมภีร์พร้อมกับกั๋วกงท่านหนึ่งไปหนึ่งรอบ เจ้าตัวดี ข้าไม่ได้ข่มตาหลับตลอดทั้งคืนเลยนะ”
เซินกั๋วกงเกาซื่อเจินได้ทยอยเจอกับเฉินผิงอัน ชุยตงซานและเจียงซ่างเจินติดๆ กัน อันที่จริงก็ไม่ง่ายเลย ย่อมไม่มีทางผ่อนคลายไปกว่าหลิวเม่าแน่นอน
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “คุ้มครองอาจารย์ของข้าให้ดีล่ะ”
เจียงซ่างเจินเอียงหัวน้อยๆ เหล่ตามองเลียนแบบเผยเฉียน พูดบ่นว่า “เอาแต่พูดจาเหลวไหล เริ่มจะไม่ค่อยเหมือนน้องชุยที่ข้ารู้จักแล้ว”
เผยเฉียนมองอดีตเจ้าสำนักเจียงท่านนั้นแล้วกระตุกมุมปาก
ชุยตงซานก้าวหนึ่งก้าวกระโดดข้ามราวรั้ว ร่างพลิกหมุนหนึ่งรอบ ชายแขนเสื้อใหญ่สองข้างสะบัดเป็นวงกลมตามลมไปอย่างบ้าคลั่ง ออกเดินทางไกลไปทั้งอย่างนี้
หวนกลับมายังนครเซิ่นจิ่งอีกครั้ง เมื่อจัดการธุระเสร็จก็จะเอาตราประทับหนังสือชิ้นหนึ่งไปยังทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่ไม่เคยเหยียบย่างไปเยือนมาร้อยปีกว่าแล้ว
ในที่สุดก็ไม่ลืมที่จะปล่อยแม่นางน้อยหน้าตายอย่างซุนชุนหวังออกมา
หลังจากซุนชุนหวังออกมาจากจักรวาลชายแขนเสื้อของชุยตงซานแล้ว สีหน้าก็ยังคงไร้อารมณ์ดังเดิม นางนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นเริ่มบำรุงกระบี่บินด้วยความอบอุ่นทันที
เจียงซ่างเจินมาหยุดอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ดูท่าแล้วความเคลื่อนไหวไม่ใช่น้อยๆ เผยหมิ่นแห่งเวทกระบี่ผู้นั้น เป็นอย่างไร?”
ก่อนหน้านี้ได้รับกระบี่บินแจ้งข่าวจากชุยตงซาน ทำเอาเจียงซ่างเจินตกใจยกใหญ่ ประโยคในจดหมายคือ ‘รีบมาที่นครเซิ่นจิ่ง ร่วมกันเล่นงานเผยหมิ่นให้ตาย ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว’ …
เจียงซ่างเจินออกเดินทางทันทีโดยที่ไม่มีความลังเลใดๆ
คิดว่าขอแค่ต่อสู้ครั้งนี้เสร็จ ต่อให้ข้าผู้อาวุโสจะตัดสินใจไม่อยากเป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วอะไรแล้ว แต่เจ้าขุนเขาหนุ่มจะกล้าไม่รั้งตัวไว้ได้อย่างไร?
เพียงแต่เจียงซ่างเจินคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมาเสียเที่ยว
เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “สูงส่งมาก”
เผยเฉียนถามเบาๆ “อาจารย์พ่อได้รับบาดเจ็บหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไร ใช่แล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงออกจากจวนจินหวงมาก่อนไม่รอข้าล่ะ?”
เผยเฉียนมองเจียงซ่างเจิน
เจียงซ่างเจินจึงเดินห่างออกไปอย่างรู้กาลเทศะ จากนั้นก็เงี่ยหูตั้งใจฟัง คิดว่าจะแอบฟังเสียงในใจ ล้วนไม่ใช่คนนอก คนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น จะต้องเกรงใจกันไปไย
สัมผัสได้ว่าหญิงสาวจับจ้องแผ่นหลังของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เจียงซ่างเจินก็ได้แต่หันหน้ากลับไปพูดว่า “รับรองว่าไม่แอบฟัง”
เฉินผิงอันจึงได้แต่พาเผยเฉียนไปที่ห้อง พอเผยเฉียนนั่งลงแล้วก็รวมเสียงให้เป็นเส้นเอ่ยว่า “อาจารย์พ่อ ท่านเดาดูสิว่าข้าได้เจอกับผู้ฝึกกระบี่คนไหน?”
เฉินผิงอันคิดแล้วก็ยิ้มตอบ “คนที่ปีนั้นมาลอบฆ่าแม่ทัพผู้เฒ่า? ตาเรียว ปากบาง หน้าตาค่อนข้าง…ใจร้าย ส่วนกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเขาก็เหมือนกับกระบี่ยาวของคนปกติทั่วไป ค่อนข้างประหลาด แสงกระบี่เป็นสีแดงสด”
เผยเฉียนถอนหายใจ “อาจารย์พ่อ ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ประหลาดใจสักครั้งเลยนะ ต่อให้แสร้งทำเป็นเดาไม่ออกก็ยังดีนี่นา”
เฉินผิงอันนวดคลึงข้างแก้ม เพียงแต่ว่าไม่นานก็หลุดหัวเราะ “เจ้าสามารถอดทนไม่ยอมออกหมัดได้ ถือว่าทำถูกแล้ว นอกจากนี้อาจารย์พ่อก็อยากจะถามกระบี่กับเขาอย่างจริงจังสักครั้ง ใช่แล้ว ผ่านไปอีกปีสองปี ข้ายังจะมาเยือนใบถงทวีปอีกรอบ ถึงเวลานั้นจะพาเจ้ามาด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!