กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 765

สรุปบท บทที่ 765.1 ในศาลบรรพจารย์: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 765.1 ในศาลบรรพจารย์ จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 765.1 ในศาลบรรพจารย์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

คนในทำเนียบวงศ์ตระกูลศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อสี่สิบสามคนอยู่เบื้องหน้า ผู้มร่วมงานพิธีสามสิบหกคนอยู่ด้านหลัง ทุกคนจุดธูปไหว้ภาพแขวน กราบคารวะสามครั้งตามเจ้าขุนเขาเฉินผิงอัน จากนั้นต่างคนก็ต่างเอาธูปปักลงในกระถางธูปตามลำดับพิธีการ ในฐานะที่เฉินผิงอันเป็นเจ้าบ้าน จึงจำเป็นต้องเตรียมของขวัญขอบคุณให้กับผู้ที่มาร่วมงานพิธีทุกท่าน ลำพังเพียงเรื่องนี้ก็เสียเวลาไปนานถึงสามเค่อเต็มๆ แล้ว

เบื้องใต้ภาพแขวนทั้งสาม หนึ่งโต๊ะสองเก้าอี้ เก้าอี้ตัวหนึ่งว่างเปล่า เก้าอี้อีกตัวเป็นของเฉินผิงอัน แต่เฉินผิงอันไม่ได้นั่งลง บุรุษชุดเขียวยืนหันหลังให้กับภาพแขวน หันหน้าไปยังทิศทางของประตูใหญ่ศาลบรรพจารย์ ไล่คารวะทุกคนที่มาจุดธูป แขกผู้เข้าร่วมพิธีการสามสิบกว่าท่าน หากไม่ผงกศีรษะยิ้มบางๆ ให้กับเจ้าขุนเขา ต่อให้พูดคุย คำพูดที่ใช้ก็กระชับสั้นเรียบง่ายอย่างมาก มากสุดก็แค่เอ่ยแสดงความยินดีเบาๆ หนึ่งคำ ไม่มีใครโอภาปราศรัยกับเฉินผิงอันในเวลาเช่นนี้

หน่วนซู่ที่ชื่อบนทำเนียบคือเฉินหรูชู เพราะรับหน้าที่เป็นผู้เชิญธูปคอยขานชื่อแขก ดังนั้นจึงต้องยืนอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน นางจำเป็นต้องเอ่ยนามและภูเขาสำนักของแขกที่มาจุดธูปร่วมงานพิธี สุดท้ายคอยติดตามเจ้าขุนเขามอบของขวัญให้กับแขกทุกคน

เฉินผิงอันนั่งลงนำทุกคนไปก่อน ทั้งเจ้าบ้านและแขกต่างก็พากันนั่งประจำที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

วันนี้เก้าอี้ในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อแบ่งออกเป็นสามประเภท ประเภทแรกแน่นอนว่าต้องเป็นของผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประชุมในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อ ถือเป็นเก้าอี้ที่ ‘ฟ้าผ่าก็ไม่สะเทือน’ ซึ่งมีประจำอยู่ในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่ออยู่แล้ว นอกจากเจ้าขุนเขาเฉินผิงอันยังมีของนักเรียนชุยตงซาน ลูกศิษย์เปิดขุนเขาเผยเฉียน นักเรียนเฉาฉิงหล่าง

นอกจากนี้ก็มีของจูเหลี่ยนผู้ดูแลใหญ่ ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาโจวหมี่ลี่ สุยโย่วเปียน หลูป๋ายเซี่ยง เว่ยเซี่ยน โจวเฝย จ้งชิว เจิ้งต้าเฟิง เฉินหลิงจวิน เฉินหรูชู

แน่นอนว่าเก้าอี้ประเภทนี้ วันนี้จะต้องเพิ่มมาอีกหลายตัว ยกตัวอย่างเช่นของผู้คุมกฎฉางมิ่ง นักบัญชีเหวยเหวินหลง หมี่อวี้ ผู้ถวายงานชุยเหวย เพ่ยเซียง หงเซี่ย

นอกจากนี้ก็เป็นของลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่แม้จะได้อยู่ในทำเนียบขุนเขาสายน้ำของศาลบรรพจารย์ แต่หากอิงตามลำดับศักดิ์แล้วจะถือว่าเป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ผู้สืบทอดอีกที ยกตัวอย่างเช่นพวกเฉินยวนจี หยวนไหล หยวนเป่า นอกจากนี้ก็มีเค่อชิง ผู้ถวายงานทั่วไปอย่างกลุ่มของเจี่ยเฉิงอาจารย์และศิษย์สามคนของตรอกฉีหลง ตู้เหวินซือ ผังหลันซีแห่งสำนักพีหมา และเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่ว

สุดท้ายจึงเป็นแขกผู้เข้าร่วมงานพิธีสามสิบกว่าท่านที่มาจากแต่ละทวีปของไพศาล

เก้าอี้สองประเภทอย่างหลัง จะยกออกมาในวันที่เป็นเช่นวันนี้เท่านั้น เพื่อให้ทุกคนได้นั่งลง

วันนี้ศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อจะต้องมีเค่อชิงกลุ่มใหญ่เพิ่มเข้ามา ล้วนเป็นแขกที่มาเข้าร่วมงานพิธี

เฉินผิงอันนั่งลงบนเก้าอี้ใต้ภาพแขวนเพียงลำพัง มองไปยังนักเรียนชุยตงซานที่เพิ่งเดินทางจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางกลับมายังแจกันสมบัติทวีปแล้วพยักหน้าให้

ชุยตงซานเปลี่ยนจากชุดคลุมอาคมสีขาวมาสวมชุดสีเขียวของลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊ออย่างที่หาได้ยาก เขาลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงเบาว่า “เผยเฉียน เฉาฉิงหล่าง”

เผยเฉียนและเฉาฉิงหล่างลุกขึ้นยืนในเวลาเดียวกัน

เฉินผิงอันเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ชุยตงซานหยิบเอาหนังสือทองตำราหยกที่เอามาจากศาลบุ๋นส่งมอบให้กับเผยเฉียนและเฉาฉิงหล่าง จากนั้นก็ขยับเท้าก้าวไปข้างหน้า หมายจะมอบภาชนะที่ใช้ในพิธีการซึ่งเชิญออกมาจากศาลบุ๋นให้แก่อาจารย์ เฉินผิงอันกลับส่ายหน้าเบาๆ เพียงแค่หยิบตำราปึกหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ชุยตงซานยิ้มอย่างรู้ทัน แล้วก็ไม่สนใจพิธีการตามกฎระเบียบเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้อีก ในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อล้วนมีแต่คนกันเอง ไม่มีใครไปปากมากที่ศาลบุ๋นแน่นอน

หนังสือทองตำราหยกคือการส่งสาส์นแด่สวรรค์ จะกลายเป็นควันเขียวกลุ่มหนึ่งที่ฝังตำราไว้ในพื้น ผสานรวมกับโชคชะตาขุนเขาสายน้ำ แบ่งกันบอกกล่าวแก่ฟ้าและดิน ขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป

ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมอบภาชนะที่ใช้ในพิธีการมาให้ชิ้นหนึ่ง ให้นำมาตั้งบูชาไว้ในศาลบรรพจารย์ของสำนัก

เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้ทำลายกฎนี้ เพียงแต่เพิ่มผลงานของอาจารย์ตัวเองเข้าไปด้วย เอามาตั้งบูชาไว้ด้วยกัน

เฉาฉิงหล่างรับหนังสือทองมาจากมือของชุยตงซาน เขาอ่านเนื้อหาในตำราเสียงดัง มีแค่ร้อยกว่าตัวอักษร ล้วนเป็นอักษรที่ยกมาจากระเบียบพิธีการยุคโบราณ

เผยเฉียนรับตำราหยกมาแล้วก็อ่านเนื้อหาในตำราหยกไปรอบหนึ่งเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นคนของทำเนียบภูเขาลั่วพั่ว หรือคนที่มาเข้าร่วมงานพิธี ล้วนลุกขึ้นยืนกันอีกครั้งนานแล้ว

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพิธีการยิบย่อยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

จากนั้นเฉาฉิงหล่างกับเผยเฉียนก็เดินเคียงบ่ากันออกไปจากศาลบรรพจารย์ คนหนึ่งทะยานลมไปยังที่สูง อีกคนหนึ่งไปยังตีนเขา

คนทั้งสองมาเจอกันนอกหน้าประตูใหญ่ กลับเข้ามาในศาลบรรพจารย์ด้วยกัน ทยอยกันเอ่ยหนึ่งคำว่า “พิธีเสร็จสิ้น”

สุดท้ายเฉินผิงอันและชุยตงซานก็แยกกันนำหนังสือปึกนั้นและภาชนะที่ใช้ในพิธีการจากศาลบุ๋นมาวางไว้บนโต๊ะ

เฉินหน่วนซู่เอ่ยเสียงดังกังวานว่า “สำเร็จพิธี!”

นับแต่นาทีนี้เป็นต้นไป ภูเขาลั่วพั่วแห่งแจกันสมบัติทวีปก็ได้เลื่อนขั้นเป็นสำนักแห่งไพศาลแล้ว

การมารวมตัวกันที่ศาลบรรพจารย์ในวันนี้ ของขวัญที่ผู้มาเข้าร่วมงานพิธีนำมามอบให้ทุกชิ้น แน่นอนว่าล้วนเป็นของขวัญใหญ่ชั้นหนึ่งที่ภูเขาลั่วพั่วเลื่อนเป็นสำนักแห่งไพศาล

เรื่องของการเข้าร่วมงานพิธี อันที่จริงถือได้ว่าไม่ถึงกับแปลกใหม่สำหรับเฉินผิงอัน เพราะเคยเข้าร่วมแค่ครั้งเดียว และคนที่เดินขึ้นเขา นอกจากผู้ฝึกตนอิสระตามป่าเขาแล้ว จำนวนครั้งที่ผู้ฝึกตนทำเนียบบนภูเขาจะได้เข้าร่วมงานพิธี เดิมทีก็ไม่ควรน้อยเท่านี้ ยิ่งเป็นตระกูลเซียนใหญ่สำนักใหญ่ โอกาสและจำนวนที่จะได้ร่วมงานพิธีก็จะยิ่งมีมากเท่านั้น ในอดีตเฉินผิงอันเพียงแค่ไปเยือนแคว้นชิงหลวน เดินทางผ่านอารามจินกุ้ยของภูเขาชิงเหย้า ตอนนั้นจางกั่วเจ้าอารามผู้เฒ่าเซียนดินโอสถทองก็ได้รับลูกศิษย์ทำเนียบวงศ์ตระกูลมาแล้วถึงเก้าคน

เมื่อเทียบกับการรับลูกศิษย์ของอารามจินกุ้ย ศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อ ต่อให้เป็นพิธีการใหญ่ที่ได้เลื่อนเป็นสำนักอักษรจง อันที่จริงก็ถือว่าเรียบง่ายจนเรียบง่ายไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

งานพิธีเลื่อนขั้นเป็นสำนักเหมือนกัน นครลมเย็นและภูเขาตะวันเที่ยงแทบจะจัดกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ระหว่างนั้นแค่เรื่องของการ ‘อัญเชิญ’ หนังสือทองตำราหยกและภาชนะในการทำพิธีของศาลบุ๋นออกมา ก็ได้ยินว่าเสียเวลาไปแล้วสองชั่วยาม พิธีเฉลิมฉลองของสำนัก ขานชื่อแขกผู้มาเข้าร่วมงาน ให้แขกทุกท่านนั่งลงประจำตำแหน่ง คนที่ทำหน้าที่ขับขานในศาลบรรพจารย์จะต้องใช้การลากเสียงเหมือนการท่องบทสรรเสริญคำเขียวของลัทธิเต๋า กล่าวอย่างเนิบช้ายิ่ง และหนังสือทองตำราหยกที่มีตัวอักษรแค่ร้อยกว่าคำนั้น ก่อนที่ผู้ทำพิธีจะยกออกมาอ่าน ก็ล้วนจะต้องมีพิธีเฉลิมฉลองที่ต้องระดมพลยิ่งใหญ่แตกต่างกันออกไปมาเป็นการปูพื้น ยกตัวอย่างเช่นการร่วมมือกันเซ่นกระบี่ของผู้ฝึกกระบี่ภูเขาตะวันเที่ยง เพื่อใช้สิ่งนี้มาเซ่นบวงสรวงแก่บรรพจารย์แต่ละยุคแต่ละสมัยของศาลบรรพจารย์ แล้วยังต้องสร้างภาพบรรยากาศแห่งความเป็นมงคลหลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่หกชนิดไปจนถึงเก้าชนิด จากนั้นค่อยอาศัยค่ายกลขุนเขาสายน้ำรวมไปถึงบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำมาเผยแพร่ไปยังจวนตระกูลเซียนบนภูเขาทั่วทั้งทวีป ลำพังเพียงแค่น้ำชาตระกูลเซียนและผลไม้บนภูเขาที่เอามามอบให้กับแขกผู้มีเกียรติที่มาเข้าร่วมงานพิธี รวมไปถึงพืชพรรณบุปผาหลากหลายชนิดที่ปลูกเรียงรายมาตามทาง กระเรียนเซียนนกวิเศษที่ส่งเสียงขับขานอยู่บนฟ้าอย่างพร้อมเพรียง สถานที่ที่ใช้ทำพิธีของศาลบรรพจารย์ก็จะต้องตั้งใจจัดเตรียมการเป็นเวลาอย่างน้อยเดือนเศษ จำนวนเงินเทพเซียนที่เผาผลาญไปด้วยเรื่องนี้ก็ยิ่งต้องคำนวณเป็นเงินฝนธัญพืช

ทว่าทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วแห่งนี้กลับแค่ใช้น้ำชาหนึ่งถ้วยมารับรองแขกเท่านั้น

หลิวเสี้ยนหยางอยู่ดีๆ ก็ขอบเขตถดถอยมาหนึ่งขั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต เรือนกายจิตวิญญาณหรือเส้นชีพจรช่องโพรงลมปราณ ล้วนไม่มีความเสียหายใดๆ เพียงแค่ก่อกำเนิดหนึ่งก้อนที่มีก็เหมือนกับไม่มี แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด หร่วนฉงถึงได้ตอบตกลงให้เขาอยู่พักรักษาตัวที่ร้านตีเหล็ก

ทุกครั้งที่หลิวเสี้ยนหยางมองมายังเฉินผิงอันจะต้องยิ้มจนตาหยี พอสายตาประสานกัน เฉินผิงอันจะต้องทำสีหน้าว่าเรือนกายหยัดตรงย่อมไม่กลัวเงาเอียง

เว่ยป้อซานจวินแห่งชุนเขาเหนือ ซานจวินห้าขอบเขตบนคนแรกในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีป ทุกวันนี้ก็ได้เป็นซานจวินใหญ่ท่านแรกที่มีขอบเขตเท่ากับเซียนเหริน

ดังนั้นเมื่อหลายปีก่อนที่ภูเขาพีอวิ๋นจัดงานเลี้ยงท่องราตรีอย่างถูกต้องชอบธรรมขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากหลังศึกใหญ่ปิดฉากลง ต่างฝ่ายต่างก็ได้รับคุณความชอบในการสู้รบมาอยู่ในมือ ต้าหลีจึงมีการมอบรางวัลให้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นกระเป๋าเงินที่เดิมทีฟีบแบนของพวกเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำของแต่ละฝ่ายจึงกลับมาตุงแน่นอีกครั้ง อาณาเขตขุนเขาเหนือจึงไม่ถึงขั้นต้องทุบหม้อขายเหล็ก เสียงโอดครวญดังไปทั่วทุกหนแห่งกันอีกครั้ง

สำนักกระบี่ไท่ฮุย หันไหวจื่ออดีตเจ้าสำนักคนก่อนรบตายที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ หวงถงบรรพจารย์เฒ่าผู้คุมกฎรบตายในสนามรบภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป ล้วนพากันไปตายอยู่ต่างบ้านต่างเมือง

เป็นเหตุให้ตลอดทั้งสำนักในทุกวันนี้มีเพียงหลิวจิ่งหลงที่เป็นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบน ขอบเขตหยกดิบเพียงคนเดียว ลูกศิษย์ป๋ายโส่ว ผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง หลังจากสร้างโอสถแล้วก็ต้องเปิดขุนเขา กลายมาเป็นเจ้าขุนเขาคนใหม่ของยอดเขาเพียนหราน

วันนี้ป๋ายโส่วรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย ในบรรดาเด็กตัวเท่าก้นเก้าคนของกำแพงเมืองปราณกระบี่ มีเจ้าตัวน้อยชื่อป๋ายเสวียนคนหนึ่งที่ชอบมองมายังตนบ่อยๆ ราวกับคุ้นเคยกับตนมากอย่างไรอย่างนั้น

หลิ่วจื้อชิงแห่งตำหนักจินอู สวีซิ่งจิ่วแห่งนครเหนือเมฆ ต่างก็นั่งใกล้กับหลิวจิ่งหลง ทั้งสองคนล้วนเคยไปเยือนยอดเขาเพียนหราน เคยดื่มเหล้ากับเจ้าขุนเขาหนุ่มแห่งสำนักกระบี่ไท่ฮุยมาก่อน ชื่อเสียงเรื่องการดื่มเหล้าเก่งของหลิวจิ่งหลงที่เลื่องลือไปทั้งสองทวีปในทุกวันนี้ สวีซิ่งจิ่วและหลิ่วจื้อชิงต่างก็มีคุณความชอบไม่น้อย บวกกับการช่วยผลักดันคลื่นลมจากพวกเซียนกระบี่หญิงลี่ไฉ่ ผู้ฝึกยุทธเฒ่าหวังฟู่ซู่ ฯลฯ ที่ตามมาในภายหลัง จึงถือว่ามีข้อสรุปแล้วว่า เซียนกระบี่หลิวนั้นหากไม่ดื่มคือไม่ดื่ม แต่พอได้ดื่มแล้ว ความคอแข็งนั้นก็ต้องเรียกว่าไร้ศัตรูทัดทาน

ดังนั้นครั้งนี้มาเป็นแขกถึงบ้าน หลิวจิ่งหลงจึงทั้งมาเพื่อแสดงความยินดีกับภูเขาลั่วพั่ว แล้วก็ต้องมาขอบคุณเฉินผิงอันด้วย

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!