กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 765

ดังนั้นตัวเลือกสุดท้ายของคนที่จะกลายมาเป็นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่วจึงมีเส้าอวิ๋นเหยียน ถัวเหยียนฮูหยิน หวนอวิ๋น เซี่ยซงฮวา หลิ่วจื้อชิง หลี่ฝูฉวี

และยังมีเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ หยวนหลิงเตี้ยนแห่งยอดเขาจื่อเสวียน อันที่จริงสองท่านนี้ต่างก็ไม่มีความคิดเห็นต่อการเป็นเค่อชิง แต่ล้วนถูกเฉินผิงอันแยกกันใช้เหตุผลอธิบายให้เข้าใจ ใช้ความรู้สึกโน้มน้าวให้หวั่นไหว จึงต่างพากันเปลี่ยนใจ โน้มน้าวเว่ยจิ้นนั้นไม่ยาก จะดีจะชั่วเจ้าเซียนกระบี่ใหญ่เว่ยก็เคยได้รับการชี้แนะด้านเวทกระบี่จากศิษย์พี่จั่วโย่วของข้า หน้าตาแค่นี้หากยังไม่ยอมให้กันก็ออกจะไร้เหตุผลเกินไป ส่วนผู้อาวุโสหยวนจากยอดเขาจื่อเสวียนนั้น เพราะเห็นแก่หน้าของจางซานเฟิงศิษย์น้องเล็ก บวกกับที่ตัวเขาเองก็สนิทกับเฉินผิงอันด้วย จึงยอมตอบตกลง

คนสุดท้ายนั้นใช้เสียงในใจพูดคุยกับใต้เท้าอิ่นกวาน คือเฉินหลี่ ‘อิ่นกวานน้อย’ แห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิงที่เป็นฝ่ายขอร้องมารับหน้าที่เป็นเค่อชิงเอง

เฉินหลี่มีความรู้สึกพอๆ กับป๋ายโส่ว เขาเองก็ประหลาดใจนักว่าเหตุใดในสายตาของตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่ชื่อป๋ายเสวียนผู้นั้นถึงได้เผยความสนิทสนมใกล้ชิดกับเขาอย่างไร้เหตุผลยิ่ง

ทว่าป๋ายโส่วกลับรู้กาลเทศะและตระหนักถึงอันตรายได้ดียิ่งกว่าเฉินหลี่ เขารู้สึกว่าสีหน้าและรอยยิ้มที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเผยเฉียนไปแล้วนั้น ยิ่งทำให้คนขนลุกขนชันมากขึ้นทุกทีแล้ว

ป๋ายโส่วตัดสินใจแล้วว่าจะต้องอยู่ให้ห่างจากป๋ายเสวียนผู้นั้นสักหน่อย หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกลูกหลงเดือนร้อนไปด้วย ต้องรู้ว่าครั้งที่สองที่เผยเฉียนเดินทางไปท่องเที่ยวทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ก่อนที่นางจะไปถามหมัดกับเฉาสือ ตอนที่นางเดินทางผ่านสำนักกระบี่หลงเฉวียนที่อยู่ในอุตรกุรุทวีปอีกครั้ง เวลานั้นป๋ายโส่วเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง ไม่อาจไปจากยอดเขาเพียนหรานได้ จึงได้เจอกับเผยเฉียนที่ขึ้นเขามาเป็นแขก เป็นการกลับมาพบเจอกันอีกครั้งหลังจากลากันไปนาน หลบพ้นวันที่หนึ่งหลบไม่พ้นวันที่สิบห้า (วันที่หนึ่งคือชูอี วันที่สิบห้าคือสืออู่ เหมือนชื่อกระบี่บินของเฉินผิงอัน) ไม่รู้ว่าเหตุใด เผยเฉียนกับเจ้าคนแซ่หลิวคุยกันไปคุยกันมากลับดึงเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ตอนนั้นป๋ายโส่วลองชั่งน้ำหนักของตัวเองดู แล้วก็เห็นว่าเผยเฉียนตัวสูงมากแล้ว น่าเสียดายที่ผอมแห้งราวกับลำไม้ไผ่ ดูไม่เหมือนว่าหมัดจะหนัก ป๋ายโส่วรู้สึกว่าตัวเองเลื่อนเป็นโอสถทองแล้ว ไม่กล้าพูดว่าจะต้องเอาชนะเผยเฉียนได้อย่างมั่นคง แต่ก็น่าจะพอมีเรี่ยวแรงให้สู้กลับได้บ้าง จึงประลองฝีมือกับเผยเฉียนอีกครั้งอย่างองอาจ ผลคือเผยเฉียนรับผิดชอบปล่อยหมัดหนึ่งที เขารับผิดชอบล้มไปนอนกองอยู่กับพื้น น้ำลายฟูมปาก ผู้ฝึกตนโอสถทองคนหนึ่ง นอนชักกระตุกไม่หยุดอยู่บนพื้น ราวกับผู้ฝึกยุทธฝึกท่าเดินอย่างไรอย่างนั้น

รอกระทั่งเขาที่สลบเหมือดอยู่บนเตียงฟื้นคืนสติกลับมา เผยเฉียนก็หาข้ออ้างลวกๆ บอกคนแซ่หลิวแล้วเผ่นหนีไปแล้ว ตนนั้นป๋ายโส่วที่เศร้าสลดจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวแกล้งหลับต่อไป

ในขณะที่เฉินผิงอันพึงพอใจอย่างมากแล้ว หลี่หลิ่วก็พลันใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ยกับเขา บอกว่านางเองก็จะเป็นเค่อชิงของภูเขาลั่วพั่วเหมือนกัน

แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่อาจปฏิเสธได้

และถึงแม้ว่าหลี่หลิ่วจะหน้าซีดขาว ท่าทางเหมือนยังไม่หายดีจากอาการป่วยหนัก มองดูแล้วยิ่งอ่อนแอบอบบาง ทว่าหลี่หลิ่วที่มองดูคลายบอบบางมิอาจต้านทานลมเช่นนี้ ต่อให้ขอบเขตถดถอยก็ยังคงเป็นเซียนเหรินคนหนึ่ง

และชุยตงซานก็เคยบอกว่า ผู้ฝึกตนขอบเขตเดียวกัน หลี่หลิ่ว เจียงซ่างเจิน ล้วนเป็นเซียนเหรินประเภทที่ตอแยด้วยยากที่สุด แน่นอนว่ายังต้องบวกกับจื้อกุยในปีนั้นไปด้วยอีกคน เมื่อเทียบกับเซียนกระบี่ใหญ่ในความหมายทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นสวี่รั่วแห่งสำนักโม่หรือเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะแล้ว ก็มีแต่จะยิ่งตอแยได้ยากยิ่งกว่า

ความกระวนกระวายของเพ่ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหู คาดว่าคงไม่ด้อยไปกว่าถัวเหยียนฮูหยินเลย

นางกังวลว่าพองานพิธีใหญ่ในวันนี้ผ่านพ้นไป มากคนมากดวงตา พรุ่งนี้ทางนครลมเย็นก็จะรู้ร่องรอยของนางและตลอดทั้งแคว้นหู

นางไม่ได้กลัวว่าสวี่หุนแห่งนครลมเย็นจะมาซักไซ้เอาความผิด ผู้ฝึกตนสำนักการทหารขอบเขตหยกดิบคนหนึ่ง ต่อให้มาแล้ว แล้วจะอย่างไร? หากภูเขาลั่วพั่วคิดจะรั้งตัวแขกเอาไว้ สวี่หุนก็คงจากไปไม่ได้

เพ่ยเซียงแค่กังวลเกี่ยวกับวิธีการของคนที่อยู่หลังม่านอย่างสตรีสกุลสวี่ผู้นั้น

หงเซี่ยเดินลงน้ำกลายเป็นมังกร เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอกับเจ้าขุนเขาหนุ่มอย่างเป็นทางการ เผชิญหน้ากับเฉินผิงอันที่มีสีหน้าเมตตาปราณีกับนางอย่างมาก ส่วนลึกในหัวใจของหงเซี่ยก่อกำเนิดกลับเกิดความเคารพยำเกรงตามธรรมชาติขึ้นมา

เพ่ยเซียงและหงเซี่ยที่นั่งติดกัน ผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตก่อกำเนิดทั้งสองท่าน พวกนางค้นพบว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะตึงเครียดยิ่งกว่าตนเอง นี่กลับกลายเป็นว่าทำให้จิตใจของพวกนางค่อยๆ สงบลงได้

พูดคุยเรื่องเค่อเชิงเสร็จแล้ว

งานพิธีของภูเขาลั่วพั่วก็ถือว่าสิ้นสุดลง

การประชุมที่จำเป็นต้องปิดประตูพูดคุยกันต่อจากนี้เกี่ยวพันไปถึงความลับของสำนัก เฉินผิงอันจึงต้องไปส่งแขกที่ประตูใหญ่ของศาลบรรพจารย์ ทุกคนที่มาเป็นแขกร่วมงานพิธีล้วนจะเข้าพักในจวนตระกูลเซียนแถบใหญ่ซึ่งสร้างขึ้นตรงกึ่งกลางภูเขาของยอดเขาจี้เซ่อ รอกระทั่งการประชุมเสร็จสิ้นลง เฉินผิงอันยังต้องแวะไปเยี่ยมเยือนเรือนแต่ละหลังอีกรอบ

ภูเขาลั่วพั่วมียอดเขาสามลูก ยอดเขาหลักคือยอดเขาจี๋หลิง ซึ่งก็คือยอดเขาที่มีเรือนไม้ไผ่ มีศาลเทพภูเขา ส่วนยอดเขาจี้เซ่อที่สร้างศาลบรรพจารย์แห่งนี้ แท้จริงแล้วเป็นยอดเขารอง

เพราะว่าเป็นการประชุมในศาลบรรพจารย์ ลูกศิษย์ของลูกศิษย์และผู้ถวายงานทั่วไปหลายคนของภูเขาลั่วพั่วล้วนจำเป็นต้องจากไป จึงติดตามแขกที่มาร่วมงานพิธีลงไปจากภูเขา ต่อให้เป็นจ้าวซู่เซี่ยลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเฉินผิงอันที่เนื่องจากประสบการณ์ยังไม่มากพอ วันนี้จึงยังไม่อาจอยู่ต่อได้ แต่สำหรับคนหนุ่มที่ถึงวันนี้เพิ่งจะเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่ การกราบไหว้อาจารย์ที่เป็นดั่งความฝัน ก็ยังคงทำให้เขาจากไปเหมือนคนเดินละเมอ กระทั่งถึงบัดนี้ผู้ฝึกยุทธหนุ่มก็ยังไม่คืนสติ เพราะก่อนหน้านั้นทางภูเขาลั่วพั่วไม่มีใครบอกเขาเลยว่าวันนี้ตนเองจะกลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของอาจารย์เฉินได้

จ้าวซู่เซี่ยหันหน้าไปพูดกับจ้าวหลวนที่อยู่ด้านข้างเสียงเบา “หลวนหลวน ข้าคงไม่ได้ฝันไปกระมัง?”

หญิงสาวที่หน้าตางดงามอย่างถึงที่สุดสวมชุดตระกูลเซียนของจวนไช่เฉวี่ยยิ้มตอบว่า “ต่อยตัวเองหนึ่งหมัด หากเจ็บปวดก็ไม่ใช่ความฝันแล้ว”

จ้าวซู่เซี่ยถอนหายใจ “หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ก็น่าจะพูดกับอาจารย์เฉินสักคำ ให้เปลี่ยนจากข้าไปเป็นเจ้าก็คงดี เจ้าคุณสมบัติดีขนาดนี้ ทุกวันนี้เป็นถึงขอบเขตประตูมังกรแล้ว ข้าต้องฝึกวิชาหมัดสองล้านครั้งกว่าจะเลื่อนเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่ได้อย่างลุ่มๆ ดอนๆ”

คิดไม่ถึงว่าจ้าวซู่เซี่ยกลับยิ้มจนดวงตาทั้งคู่หยีลงเป็นพระจันทร์เสี้ยว ราวกับว่าการที่ตัวเองไม่ได้กลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของอาจารย์เฉิน นางถึงจะดีใจยิ่งกว่า

หลิวเสี้ยนหยางเดินเคียงไปกับศิษย์พี่ใหญ่ต่งกู่อย่างเป็นธรรมชาติ พาเว่ยจิ้นเซียนกระบี่ใหญ่แห่งศาลลมหิมะไปด้วย

กุ้ยฮูหยินกับถัวเหยียนฮูหยินจับมือเดินไปด้วยกัน พูดคุยกระซิบกระซาบกันเรื่องของสตรี

เส้าอวิ๋นเหยียนไปหาหลิ่วจิ่งหลง แน่นอนว่าต้องได้รู้จักกับหลิ่วจื้อชิง สวีซิ่งจิ่วและหวนอวิ๋นเจินเหรินผู้เฒ่าไปด้วย คนทั้งกลุ่มอันที่จริงถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกันจากอุตรกุรุทวีป ยามพูดคุยกันจึงถูกคอกันอย่างมาก

เฉินหลี่พาเกาโย่วชิง และยังมีจวี่สิงกับเฉามู่ไปด้วยกัน คนทั้งสี่คือตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่ออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มาเร็วยิ่งกว่า และยังมีเด็กๆ ที่เหลืออีกเก้าคนที่ติดตามใต้เท้าอิ่นกวานมายังภูเขาลั่วพั่ว

ยังคงเป็นคนบ้านเดียวกันกลุ่มใหญ่

เพื่อนร่วมชั้นเรียนสี่คนที่มีหลินโส่วอีเป็นหนึ่งในนั้นเดินเคียงบ่าไปด้วยกัน

คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าพวกเขาคือหลี่เอ้อผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทาง เซียนเหรินหลี่หลิ่ว หันเฉิงเจียงผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่าง ทุกวันนี้เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!