หลี่ไหวรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
รำคาญจริง เจอผู้ฝึกตนบนภูเขาที่ขับเรือตามกระแสลมพยายามมาตีสนิทสายเหวินเซิ่งอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงซานกงตรงหน้าผู้นี้ จะดีจะชั่วก็ควรจะท่องสามสิบสองบทของอาจารย์ปู่บ้านตนให้คล่องก่อนแล้วค่อยมาโอภาปราศรัยกันสิ แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนเก่าแก่ในยุทธภพ อย่าว่าแต่เทียบกับเผยเฉียนเลย แม้แต่กับตนก็ยังสู้ไม่ได้
หากไม่เป็นเพราะกริ่งเกรงอริยะปราชญ์ลัทธิขงจื๊อที่นั่งพิทักษ์ม่านฟ้าอยู่ ผู้อาวุโสคงยกฝ่ามือตบแม่นางน้อยชุดแดงนี่ให้ปลิวกระเด็นไปไกลๆ แล้วค่อยหิ้วตัวนายท่านใหญ่หลี่พาหนีไปด้วยกันแล้ว
ผู้เฒ่าเหลือบตามองไปทางภูเขาใหญ่แสนลี้แวบหนึ่ง โชคดีที่เฒ่าตาบอดยังไม่ได้ปรากฏตัว ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีโอกาสให้แก้ไข โชคดีที่ยังทันกาล จะต้องทันแน่นอน!
เฒ่าตาบอดนิสัยไม่ค่อยดี ทุกครั้งที่ลงมือมักจะไม่รู้จักหนักเบา ประเด็นสำคัญคือตลอดหมื่นปีที่ผ่านมานี้เจ้าเฒ่าตาบอดหนังเหนียวผู้นั้นดีแต่เก่งในโปงผ้าห่มเท่านั้น เอาแต่ชอบรังแกคนบ้านเดียวกันที่จงรักภักดี
เป็นถึงขอบเขตสิบสี่ที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ในหลายใต้หล้าแล้ว ทำไมเจ้าไม่ไปถามกระบี่กับเฉินชิงตูหลายๆ ทีเล่า? ทำไมไม่ไปงัดข้อกับบรรพบุรุษใหญ่ที่ภูเขาทัวเยว่เอาเล่า? เจ้าเฒ่าที่กระดูกหนักไม่ถึงสี่ตำลึงดีแต่มาโอ้อวดขอบเขตกับตนเท่านั้น นกแก่รอหมาตายใช่ไหม งั้นก็รอดูไปเถอะว่าใครจะอดทนจนอีกฝ่ายตายไปก่อน
หลี่เป่าผิงขยับเท้ามาบังอยู่ด้านหน้าหลี่ไหว ถามว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าไม่สู้พูดจาตรงไปตรงมา พูดให้เข้าประเด็นเสียที?”
ผู้เฒ่าลูบหนวดยิ้ม แสร้งทำเป็นเยือกเย็น แข็งใจเอ่ยว่า “ก็ได้ๆๆ แม่นางน้อยสายตาดี ข้าผู้อาวุโสมีใจที่เห็นแก่ตัวอยู่บ้างจริงๆ เห็นว่าเด็กรุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้าสองคนฐานกระดูกดีเยี่ยม คือผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนที่หาได้ยาก ดังนั้นจึงคิดจะรับพวกเจ้าเป็นลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อ วางใจเถอะ แม่นางหลี่พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสำนัก ชั่วชีวิตนี้ที่ข้าผู้อาวุโสฝึกตนมา เคยเจอกับความยากลำบากใหญ่หลวงจากการที่ตาสูงมองไม่เห็นหัวใครมาก่อน จึงไม่เคยรับลูกศิษย์ผู้สืบทอด ก็เพราะตัดใจปล่อยให้มรรคกถาบนร่างถูกทิ้งให้ว่างเปล่าไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ดังนั้นถึงได้อยากจะมอบโชควาสนาให้พวกเจ้าครั้งหนึ่ง”
หลี่เป่าผิงส่ายหน้า “ขอรับความหวังดีของอาจารย์ผู้เฒ่าไว้แล้ว ส่วนเรื่องการกราบอาจารย์เล่าเรียนวิชานั้นก็ช่างเถิด ต่อให้เป็นแค่ลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อก็ยังไม่เหมาะกับหลักมารยาทอยู่ดี”
ผู้เฒ่านินทาในใจไม่หยุด ใครเสียดายเจ้ากัน อายุน้อยๆ ก็มีภาพบรรยากาศของวิญญูชนแล้ว แล้วยังเป็นสตรีคนหนึ่งด้วย
หากเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ที่ข้าผู้อาวุโสทำหน้าวางแผนให้พันธมิตรสามัคคีให้ศัตรูแตกแยกอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง แม่นางน้อยที่ขวางหูขวางตาไม่รู้กาลเทศะอย่างเจ้า แค่เอื้อมมือคว้ามาจับยัดใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ก็จบเรื่องแล้ว
หลี่ไหวรู้สึกว่าอาจารย์ผู้เฒ่าคนนี้น่าสนใจอยู่บ้าง ท่าทางลับๆ ล่อๆ แต่พูดจาวางโตไม่เบา ยังกังวลว่ามรรคกถาจะถูกทิ้งให้ว่างเปล่า ก็เลยมอบโชควาสนาให้พวกเขาเปล่าๆ?
หลี่ไหวใช้เสียงในใจถาม “หลี่เป่าผิง เจ้าหมอนี่คงไม่ได้คิดจะมาปล้นพวกเราหรอกกระมัง?”
หลี่เป่าผิงตอบ “ไม่หรอก เขาไม่มีความกล้านี้”
ดังนั้นหลี่ไหวจึงหัวเราะร่าถามว่า “ผู้อาวุโส ขอละลาบละล้วงถามสักคำ ท่านมีขอบเขตใดหรือ?”
น้ำตาร้อนๆ เกือบจะเอ่อคลอดวงตาของผู้เฒ่า ในที่สุดก็ได้พูดคุยกับนายท่านใหญ่หลี่เสียที
แจกันสมบัติทวีปที่ใหญ่เท่าก้นแห่งนั้น ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้าไป รอคอยอยู่นอกมหาสมุทรอย่างยากลำบากมานานหลายปี กว่าจะรอจนหลี่ไหวไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
เวลาสิบปีเต็ม สิบปีเชียวนะ วิ่งวุ่นเหนื่อยยากอยู่ในใต้หล้าไพศาล หลบไปทางโน้นทีซ่อนอยู่ทางนี้ที ขอบเขตบินทะยานผู้ยิ่งใหญ่ บุคคลที่มีลำดับศักดิ์เท่าเทียมกับเฟยเฟย กับเฒ่าหูหนวก กลับต้องเป็นหมาไร้บ้านนานถึงสิบปี!
ผู้เฒ่าเก็บอารมณ์ทั้งหมดลงไป กระแอมหนึ่งที “ขอบเขตพอใช้ได้ พอจะมีมรรคกถาอยู่บ้างเล็กน้อย”
หลี่ไหวยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ค่อยสูงสินะ?”
ผู้เฒ่าพูดทันที “สูงสิ จะไม่สูงได้อย่างไร! ก็แค่ถ่อมตนเท่านั้น”
หลี่ไหวยกนิ้วโป้งชี้ไปยังตัวอักษรใหญ่ที่อยู่บนหัวกำแพงเมือง “ข้ากับอาเหลียงคือพี่น้องร่วมสาบานที่ตัดหัวไก่เผากระดาษเหลืองร่วมกัน และยังเป็นอาเหลียงที่ใช้ตะเกียบเคาะชาม ขอร้องอ้อนวอนอีกต่างหาก ข้าถึงได้ยอมตอบตกลง”
ผู้เฒ่ามีใจนึกอยากตายขึ้นมาแล้ว เฒ่าตาบอดเจ้าก็ช่างสร้างเวรสร้างกรรมโดยแท้ รับลูกศิษย์แบบนี้มาทำร้ายตัวเองหรืออย่างไร?
หัวใจของผู้เฒ่าพลันบีบตัวแน่น สัมผัสได้ถึงภาพบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ไพศาลที่ชวนให้คนหายใจไม่ออก คล้ายกับว่าเริ่มขยับเข้ามาใกล้กำแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว
จะปล่อยให้ความยากลำบากที่ต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวนมาสิบปีแลกเปลี่ยนมาเป็นจุดจบอันน่าอนาถที่ถูกซ้อมจนร่อแร่ปางตายไม่ได้นะ
ผู้เฒ่ากระโจนลงคุกเข่า หมอบอยู่กับพื้น “หลี่ไหว ขอร้องเจ้าล่ะ เจ้ารับปากว่าจะติดตามข้าไปฝึกตนเถอะ ส่วนเรื่องกราบไหว้อาจารย์อะไรนั่น เอาที่เจ้าสบายใจก็พอ”
ต่อให้เป็นหลี่เป่าผิงก็ยังปากอ้าตาค้างอย่างอดไม่อยู่ หลงซานกงที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
หลี่ไหวก็ยิ่งตกใจสะดุ้งโหยง
จริงเสียด้วย จริงเสียด้วย โชควาสนาที่มาส่งถึงประตูบ้านทั้งหมดในโลกนี้ล้วนรับไว้ไม่ได้ อาจารย์ผู้เฒ่าคนนี้สมองไม่สมประดี ติดตามเขาฝึกตนจะฝึกอะไรออกมาได้
เฒ่าตาบอดเรือนกายเล็กเตี้ยมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายหลงซานกง เท้าหนึ่งเตะออกไป เสียงกร๊อบดังหนึ่งที เสียงร้องโอ้ยดังตามมา กระดูกสันหลังของผู้เฒ่าชุดเหลืองหักตลอดทั้งเส้น ร่างทรุดยวบนอนพังพาบอยู่บนพื้นทันที
เฒ่าตาบอดหลุดหัวเราะพรืด “เจ้าสวะไร้ประโยชน์ แค่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็จัดการได้ไม่ดี อยู่ในใต้หล้าไพศาลก็เตร็ดเตร่ไปทั่วอย่างส่งเดช สิบปีมานี้มัวกินขี้อยู่หรือไร?”
เฒ่าตาบอดหันหน้ามา ‘มอง’ หลี่ไหว ตีหน้าเคร่งถามว่า “เจ้าก็คือหลี่ไหว?”
หลี่ไหวย้อนถาม “ข้าไม่ใช่ได้ไหมล่ะ?”
เฒ่าตาบอดยิ้มถาม “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”
หลี่ไหวพยักหน้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าคิดว่าได้”
หลี่เป่าผิงขมวดคิ้วน้อยๆ
ทางฝั่งของหัวกำแพงเมือง อริยะปราชญ์ศาลบุ๋นท่านหนึ่ง ขอบเขตบินทะยานท่านหนึ่ง ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินท่านหนึ่ง ถึงกับไม่มีใครเคลื่อนไหว
แต่จากนั้นนางก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก อย่างน้อยผู้เฒ่าสองคนนี้ก็ไม่ใช่คนชั่วที่กระทำการอย่างอำมหิตชั่วร้ายอะไร
เฒ่าตาบอดแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เจ้ากับเจ้าชาติสุนัขผู้นั้นคือพี่น้องร่วมสาบานกันงั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลย”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ลำดับศักดิ์ของตนก็จะสูงแล้ว
จากนั้นเฒ่าตาบอดก็ชี้ไปทางทิศใต้ “เจ้าหนู ขอแค่เจ้ามาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของข้า ขุนเขาแสนลี้ ม้วนภาพหมื่นลี้ทางทิศใต้นั่น ล้วนอยู่ในอาณาเขตการปกครอง มัลละเกราะทอง เผ่าปีศาจนักโทษอาญา เจ้าล้วนบงการควบคุมได้ตามแต่ใจ”
หลี่ไหวหน้าเจื่อน กดเสียงต่ำเอ่ยว่า “ข้าก็แค่พูดเหลวไหลส่งเดช ผู้อาวุโสท่านแอบฟังได้อย่างไร แล้วทำไมถึงคิดเป็นจริงเป็นจังเสียได้? คำพูดประเภทนี้จะพูดออกไปส่งเดชไม่ได้ หากเทพเซียนผู้เฒ่าขอบเขตสิบสี่ที่เปิดเนตรสวรรค์ผู้นั้นได้ยินเข้า พวกเราสองคนต้องรับผลที่ตามมากันเอาเอง จะหาเรื่องลำบากใส่ตัวไปไย”
หลี่เป่าผิงยื่นนิ้วมานวดคลึงกลางหว่างคิ้ว
ระหว่างที่เดินทางมา หลี่ไหวเคยคุยโวให้ตนฟังเป็นการส่วนตัวจริงๆ คำพูดที่หลี่ไหวพูดกับผู้เฒ่าในตอนนี้ ความหมายคร่าวๆ ก็พอๆ กัน
ส่วนผู้เฒ่าที่ลงมือโหดเหี้ยม มาถึงก็ใช้เท้ากระทืบกระดูกสันหลังผู้เฒ่าอีกคนให้หักผู้นี้ หลี่เป่าผิงพอจะเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว ก็คือ ‘เฒ่าตาบอด’ ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างผู้นั้น
เพราะหลงซานกงที่ ‘รับลูกศิษย์ถึงขั้นที่ต้องโขกหัวอ้อนวอนเช่นนี้’ เห็นได้ชัดว่ากระดูกสันหลังแตกยับ แต่กระนั้นก็ยังคงนอนหมอบอยู่บนพื้นอย่าง ‘สบายอารมณ์’ สายตายังแฝงแววคลุมเครือมีเลศนัย คอยลอบมองประเมินหลี่ไหวอยู่ตลอดเวลา ผู้เฒ่าชุดเหลืองเพียงแค่มีสีหน้าของคนที่ไม่มีอะไรให้เสียแล้ว แต่กลับไม่มีท่าทางว่าจะได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เปลี่ยนไปเป็นผู้ฝึกตนคนใดก็ตาม ต่อให้เรือนกายจะแข็งแกร่งเพียงใด มีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ สีหน้าก็ควรจะอ่อนระโหยบ้าง
เฒ่าตาบอดชี้ไปที่ดวงตาของตัวเอง กรอบดวงตายุบลงไป ไม่มีลูกตาอยู่ในนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!