เส้าเป่าเจวี้ยนยิ้มเอ่ย “แม่น้ำเว่ยลมใบไม้ร่วง ตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด”
เฉินผิงอันถาม “ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือเส้นทางลี่หยางสินะ?”
เส้าเป่าเจวี้ยนพยักหน้ารับโดยตรง “ความรู้ดีเยี่ยม แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังจำได้”
คนรุ่นหลังที่ต่อให้เป็นคนที่มีจิตใจมุ่งสู่พระธรรม ยามที่เปิดอ่านกรณีพิพาทของลัทธิพุทธอย่างตั้งใจ ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับชื่อสถานที่ที่ไม่มีความสำคัญเท่าใดนัก
เฉินผิงอันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ อำเภอลี่ก็มีอาณาเขตในการปกครองอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าเมิ่งซี มิน่าเล่าเสิ่นเจี้ยวคานผู้นั้นถึงได้มาเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่ ดูท่าแล้วยังเป็นแขกประจำของร้านหนังสือที่ขายเฉพาะอักขรานุกรมด้วย เกินครึ่งแล้วเสิ่นเจี้ยวคานก็คงไม่ต่างจากเส้าเป่าเจวี้ยนเท่าไร ต่างก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ของนครเถียวมู่ เพียงแต่ได้เปรียบในการเตรียมทางหนีทีไล่ จึงกลับกลายเป็นว่าชิงความได้เปรียบไปก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างชอบเก็บตกของดีไปทั่วสารทิศ ก็เหมือนอย่างเส้าเป่าเจวี้ยนที่ดูเหมือนว่าเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วพริบตาก็ได้สมบัติไปแล้วหลายชิ้น อีกทั้งในนครแห่งอื่นก็ยังจะต้องมีโชควาสนาอย่างอื่นที่กำลังรอคอยให้เจ้านครเส้าที่อาศัยการ ‘ใช้หินของภูเขาลูกอื่นมากลึงเป็นหยก’ ผู้นี้มาไล่เก็บพวกมันไปไว้ในกระเป๋าของตัวเองอย่างแน่นอน เส้าเป่าเจวี้ยนและเสิ่นเจี้ยวคานที่ได้โชควาสนาและสมบัติอาคมในนครเถียวมู่ไปในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำราเล่มนั้นของเสิ่นเจี้ยวคานหรือดาบสมบัติ ‘เสี่ยวเหมย’ รวมไปถึงถุงเอ๋อลวี่หนึ่งใบกับเชือกหนึ่งเส้น ล้วนเป็นของจริงแท้แน่นอน
ส่วนนักพรตเฒ่าร่างผอมแห้งที่จับจ้องมองมาด้วยสายตาละโมบ กลับกลายเป็นว่าเฉินผิงอันไม่ได้สนใจมากนัก ไม่ได้เหมือนอย่างในปีนั้นที่อยู่ในหุบเขาผีร้ายของชายหาดโครงกระดูกซึ่งถูกกำหนดมาแล้วว่าได้แต่เผ่นหนีไม่อาจต่อสู้ได้เสียหน่อย ความกังวลเพียงหนึ่งเดียวในเวลานี้ของเฉินผิงอันก็คือ ยังคงกลัวว่ากระตุกผมเส้นเดียวแล้วจะสะเทือนไปทั้งร่าง ยกตัวอย่างเช่นชายฉกรรจ์หนวดม้วนที่อยู่ข้างแผงดูดวง โดยเฉพาะเส้าเป่าเจวี้ยนผู้นี้ที่ไม่รู้ว่าซุกซ่อนวิธีรับมือภายหลังกี่มากน้อยไว้รอคอยตน
ก็เหมือนผู้ฝึกกระบี่แผ่นดินกลางคนหนึ่งมาเที่ยวเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ เผชิญหน้ากับตนที่ทำหน้าที่เป็นอิ่นกวาน ผลแพ้ชนะย่อมต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าขอบเขตสูงหรือต่ำ แต่อยู่ที่ฟ้าอำนวยดินอวยพร
ภิกษุที่เดิมทีคิดว่าจะซื้อขนมอบมากินก็เห็นได้ชัดว่ามองเห็นเฉินผิงอันแล้ว ภิกษุจึงไม่พูดคุยกับหญิงชราอีก เขาหยิบหาบ ‘อรรถาธิบายมังกรเขียว’ ที่ทุกตัวอักษรล้วนเขียนด้วยลายมือตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ถามว่า “มองดูแล้วเจ้าเองก็เป็นคนของบ้านเกิดที่มาจากทางทิศเหนือ จะลงใต้ไปดูพวกคนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าด้วยกันหรือ?”
เส้าเป้าเจวี้ยนไม่แสดงสีหน้ากระโตกกระตาก แต่ในใจกลับตกตะลึงเล็กน้อย ภิกษุเพิ่งจะพบเจอคนผู้นี้เป็นครั้งแรก แต่กลับให้คำวิจารณ์ว่า ‘คนบ้านเกิดของทางเหนือ’ ต้องรู้ว่าเส้าเป่าเจวี้ยนอ่านตำราหลากหลายยิ่ง ในชีวิตนี้จึงคุ้นเคยกับพจนะจากหนังสือโบราณหลากหลายประเภทมากที่สุด ก่อนหน้านี้เขาอาศัยสถานะของเจ้านครแห่งหนึ่งทำให้ไปเยือนนครต่างๆ ได้อย่างสบายๆ จึงคิดคำนวณเวลาอย่างแม่นยำ มารอคอย ติดตาม และถามปริศนาธรรมกับภิกษุอยู่ในนครเถียวมู่แห่งนี้อยู่หลายครั้ง ต่อให้จะยกปริศนาธรรมหลายสิบอย่างที่มีบันทึกไว้ในตำรายุคหลังอย่างชัดเจนมาพูดถึง ก็ยังไม่เคยได้รับผลเก็บเกี่ยวใดๆ จากภิกษุรูปนี้ ดังนั้นเส้าเป่าเจวี้ยนจึงใช้ความคิดอย่างว่องไว ทันใดนั้นก็มีแผนการบางอย่างผุดขึ้นมา
เฉินผิงอันพนมสิบนิ้ว หลังจากที่คารวะภิกษุที่ถูกคนรุ่นหลังขนานนามว่า ‘โจวจินกัง’ ผู้นี้แล้วกลับส่ายหน้า ลังเลอยู่ชั่วขณะ ชำเลืองตามองไม้เท้าเดินป่าในมือของเผยเฉียนกับหมี่ลี่น้อยก็ยิ้มเอ่ยกับภิกษุว่า “ไม่สู้ติดค้างหกสิบกระบองไว้ก่อน”
ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ของใต้หล้าไพศาล ภิกษุจะต้องพักเท้าอยู่ที่บ่อมังกร แล้วก็จะเผาคัมภีร์หนึ่งหาบที่เขียนด้วยลายมือตัวเอง แล้วยังจะต้องเอ่ยประโยคว่า ‘ไม่สงสัยลิ้นของภิกษุเฒ่าในใต้หล้า’ และยิ่งมีการสร้างกระท่อมอยู่บนยอดเขา ตำหนิพระพุทธเจ้าด่าบรรพบุรุษ ทั้งยังมีคดีนิกายฌานที่ไม่ว่าจะพูดได้หรือพูดไม่ได้ก็ล้วนต้องเจอสามสิบกระบองซึ่งน่าตะลึงพรึงเพริดยิ่งกว่า
ทางฝั่งของร้านหนังสือ เถ้าแก่ผู้เฒ่าเอนพิงประตูบานใหญ่ ชมเรื่องสนุกอยู่ไกลๆ
คนต่างถิ่นทั้งหลายที่ขึ้นเรือมาแล้วได้มาเยือนนครเถียวมู่ก่อน มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ล้วนจะไปพักอาศัยที่นครทุยเชียวหรือไม่ก็นครเปิ่นโม่ อีกทั้งแต่ละปี คนในพื้นที่มักจะเห็นพวกแมลงวันไร้หัวที่พุ่งชนสะเปะสะปะอยู่มากมาย คนอย่างมือกระบี่ชุดเขียวในวันนี้ที่คำพูดคำจาและการกระทำระมัดระวังรอบคอบ ราวกับคนที่เตรียมตัวมาจึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม กลับพบเจอได้น้อยจริงๆ ส่วนเส้าเป่าเจวี้ยนผู้นั้นที่โชควาสนาลึกล้ำก็ยิ่งเป็นข้อยกเว้นสุดๆ เถ้าแก่ร้านหนังสือถอนสายตากลับมาเล็กน้อย ชำเลืองตามองไปยังร้านขายอาวุธ ตู้ซิ่วไฉผู้นั้นก็ยืนอยู่หน้าประตูเช่นเดียวกัน มือหนึ่งถือน้ำบ๊วยเปรี้ยวที่ได้มาจากนครเปิ่นโม่พลางแทะขิงขาวถงหลิงกินไปด้วย ผ่อนคลายสบายอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ดูท่าอาจารย์อู่ซงท่านนี้จะได้เนื้อหา ‘เทียบกลิ่นบุปผาอบอวล’ จากเส้าเป่าเจวี้ยนเจ้านครหรงเม่ามาจนครบสมบูรณ์แล้ว ถ้าอย่างนั้นอีกไม่นานตู้ซิ่วไฉก็จะสามารถอาศัยเทียบอักษรนี้ไปเยือนนครโหย่วย้งที่มีอีกชื่อว่านครป๋ายเหยี่ยนเพื่อแลกเปลี่ยนเอาโชควาสนาที่คิดถึงคำนึงหาอยู่ตลอดมาได้แล้ว บนเรือข้ามฟาก ระหว่างนครแต่ละแห่ง หนึ่งประโยค หนึ่งเรื่องราว หนึ่งวัตถุ ประวัติความเป็นมาล้วนวกวนซับซ้อนเช่นนี้ ได้มาไม่ง่าย รับมาก็ยากยิ่งกว่า
เถ้าแก่ร้านหนังสือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สายตาของตู้ซิ่วไฉผู้นี้นี่ยังไงกันนะ ดูเหมือนว่าจะกวาดสายตาไปหยุดอยู่บนกระบี่ยาวที่คนชุดเขียวสะพายไว้หลายครั้ง หรือว่าเป็นคนรู้จักเก่าแก่กัน? ไม่มีทางแน่ อายุของคนหนุ่มผู้นี้ไม่สอดคล้อง
แปลกยิ่งนัก ก่อนที่ตู้ซิ่วไฉจะขึ้นเรือมา เขาเคยเป็นอาจารย์หล่อหลอมกลางภูเขาที่มีฝีมือเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าไพศาล เป่าสายฟ้าแดงสะบัดควันม่วง มีบารมีน่าเกรงขามอย่างมาก ว่ากันว่าภูเขาถงหลิงที่อยู่ใกล้กับบ้านเกิดของเขาล้วนถูกเขาหล่อหลอมไปแล้วเกินครึ่ง ต่อให้เป็นกระบี่ยาวที่เป็นอาวุธระดับกึ่งเซียนทั้งหลายก็ยังมีน้อยนักที่จะเข้าตาตู้ซิ่วไฉได้ แล้วก็เพราะว่าการหล่อหลอมเปิดภูเขาของตู้ซิ่วไฉ ได้ก่อให้เกิดเรื่องตลกใหญ่เทียมฟ้าเรื่องหนึ่ง ถึงกับถูกบันทึกลงในเอกสารของนครเถียวมู่ จากบันทึกข้อหนึ่งในบทฮวางถัง ใกล้กับบ้านเกิดของตู้ซิ่วไฉเคยมีจวนเทพวารีซวีอี๋อยู่แห่งหนึ่ง ทหารกุ้งหอยปูปลาในลำคลองใหญ่ถูกขนานนามว่า ‘เข้มแข็งทรงพลังที่สุดในใต้หล้าไพศาล’ ผลคืออาจารย์อู่ซงท่านนี้ต้มน้ำไปเกือบครึ่ง เป็นเหตุให้จวนเทพวารีเจอกับความยากลำบากอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้ จำต้องไปร้องทุกข์ที่ศาลบุ๋น หรือว่ากระบี่ยาวเล่มที่คนต่างถิ่นพกมาจะเป็นของตกทอดของเซียนเหรินที่ตู้ซิ่วไฉเคยรู้จักมาก่อนในอดีต?
ภิกษุที่อยู่บนถนนรู้สึกสนเท่ห์เล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังพนมมือคารวะกลับ ก่อนจะแบกหาบก้าวเดินออกไปก็พลันถามเฉินผิงอันอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า “เพราะพลิกปีนออกมาจากทฤษฎีความรู้ของเหตุผลและสาระ คนออกบวชจึงกลับกลายเป็นว่ามีกลิ่นอายของบัณฑิต?”
เฉินผิงอันได้แต่เงียบงันไป ภิกษุส่ายหน้า แบกหาบออกจากเมืองไป เพียงแต่ว่าตอนที่เดินสวนไหล่กับเฉินผิงอันกลับหยุดเท้ากะทันหัน หันหน้ามามองเฉินผิงอัน ถามอีกว่า “เหตุใดดวงตาของทุกท่านมองเห็นกระจ่างชัดเจน แต่กลับไม่อาจมองตรงไปที่ใบหน้า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!