กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 773

เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร หลายปีมานี้ความสามารถในการแต่งกวีของข้าเพิ่มพูนขึ้นมาก พบเจอใครล้วนไม่ต้องกลัดกลุ้ม หมี่ลี่น้อย ข้าไม่ได้โม้ให้เจ้าฟังนะ เมื่อก่อนตอนที่อยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ข้าเจอกับผู้ฝึกตนเฒ่าที่คิดว่าตัวเองคือบัณฑิต แล้วยังเป็นขอบเขตสิบสี่ด้วยนะ ดูเหมือนว่าจะใช้นามแฝงว่าลู่ฝ่าเหยียนอะไรนี่แหละ เอาเป็นว่าเขาคือคนที่เลื่อมใสในชื่อเสียงแห่งกวีของข้าก็แล้วกัน เขาเป็นฝ่ายมาหาข้าที่กำแพงเมืองกระบี่ด้วยตัวเอง บอกว่าท่วงทำนองความคล้องจองในการแต่งบทกวีของข้าน่าตะลึงยิ่ง ทำให้เขาเลื่อมใสสุดขีด ยอมรับว่าตัวเองฝีมือด้อยกว่า ดังนั้นแค่พบหน้าข้าก็รู้สึกกลัดกลุ้มเสียแล้ว”

หมี่ลี่น้อยฟังด้วยอาการตกตะลึง รีบยกสองมือขึ้นปรบกัน พูดด้วยสีหน้าสดใสแช่มชื่น “ร้ายกาจ ร้ายกาจ!”

เฮ้อ น่าเสียดายก็แต่วรยุทธสิบแปดกระบวนท่าของตนที่คงไม่มีพื้นที่ให้ใช้งานเสียแล้ว เพราะว่าครั้งนี้เดินทางไกลไปเยือนบ้านเกิดอย่างทะเลสาบคนใบ้ อันที่จริงหมี่ลี่น้อยได้แอบขอบทกลอนดีๆ มาจากพ่อครัวเฒ่าอยู่หลายบท ล้วนเขียนไว้ในสมุดเล่มหนึ่งหมดแล้ว ยังคงเป็นพ่อครัวเฒ่าที่ละเอียดอ่อน ตอนนั้นถามนางว่านี่เป็นวลีกวีที่หมี่ลี่น้อยใคร่ครวญออกมาได้ด้วยตัวเองเลยใช่ไหม? ตอนนั้นหมี่ลี่น้อยทำหน้างง ในหัวมีแต่ความสับสน ใช่บ้าอะไรเล่า? นางจะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร จูเหลี่ยนจึงบอกให้นางคัดลอกลงบนกระดาษ ไม่อย่างนั้นจะเผยพิรุธเอาได้ หมี่ลี่น้อยพลันเข้าใจกระจ่างแจ้ง ตอนที่นางจุดตะเกียงคัดลอกบทกลอนเหล่านั้น พ่อครัวเฒ่าก็นั่งแทะเมล็ดแตงอยู่ด้านข้าง แล้วถือโอกาสตอบคำถามของหมี่ลี่น้อยที่ถามว่าในบทกลอนคือตัวอักษรอะไร อ่านว่าอย่างไร มีความหมายว่าอะไรไปด้วยอย่างอดทน

หมี่ลี่น้อยถามพ่อครัวเฒ่าว่าคำพูดพวกนี้ล้วนยกออกมาจากตำราหรือ? พ่อครัวเฒ่าบอกว่าเปล่าเสียหน่อย ล้วนเป็นคำที่เขาคิดขึ้นมาเอง ถือว่าเป็นเอกสารด่วน เป็นความรู้ปลายแถวของสาขาย่อย ตอนนั้นหมี่ลี่น้อยร้อนใจขึ้นมาครามครัน เอ่ยว่าอย่าเดือดร้อนให้เจ้าขุนเขาคนดีกับนางต้องถูกคนดูถูกเข้านะ พ่อครัวเฒ่าบอกไม่มีทาง ไม่มีทาง ยังบอกอีกว่าตอนที่เขาอยู่บ้านเกิด หลายคนต่างก็บอกว่ากลอนของเขาคือดวงจันทร์ที่งมออกมาจากในน้ำ คือกิ่งหลิวที่เด็ดลงมาจากท่าเรือ หิ้วออกมาจากในถังสุรา ดังนั้นจึงพอจะมีน้ำหนักอยู่บ้าง เขาแค่แต่งไปตามใจ กลับกลายเป็นถ้อยคำเทพเซียนที่กวีและผู้มีชื่อเสียงหลายคนอ้อนวอนร้องขอด้วยความยากลำบากตลอดชีวิตก็ยังไม่ได้มา

หมี่ลี่น้อยกึ่งเชื่อกึ่งกังขา สุดท้ายก็ยังคงเชื่อในคำกล่าวของพ่อครัวเฒ่า

ท่ามกลางแสงไฟบนโต๊ะในค่ำคืนนั้น แม่นางน้อยคัดลอกตัวอักษรพลางแกว่งสองขาไปด้วย พ่อครัวเฒ่าแทะเมล็ดแตงพลางพูดเจื้อยแจ้วกับนางไปด้วย

ดังนั้นโจวหมี่ลี่ถึงได้ชอบภูเขาลั่วพั่วถึงเพียงนี้ ต่อให้เจ้าขุนเขาคนดีมักจะไม่อยู่บ้านบ่อยๆ แต่ก็ยังมีเผยเฉียนและพ่อครัวเฒ่า มีพี่หญิงหน่วนซู่ มีจิ่งชิงจิ่งชิง…

สำหรับผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่วที่มีขอบเขตถ้ำสถิตผู้นี้ กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็คือสถานที่ที่ดีมากเหมือนกัน ในใจของโจวหมี่ลี่มันคือสถานที่ที่ดีอันดับสามในใต้หล้าที่เป็นรองจากภูเขาลั่วพั่วและทะเลสาบคนใบ้เท่านั้น!

หนึ่งคือบ้านเกิดที่มีสหายอยู่เยอะมากมาย หนึ่งคือมาตุภูมิเดิมที่ทะเลสาบเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก อีกหนึ่งคือสถานที่ที่ภูตน้ำใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้อย่างนางไม่ทันระวังก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสองใต้หล้า

เฉินผิงอันยกมือกดลงบนความว่างเปล่าให้หมี่ลี่น้อยที่ยืนอยู่บนม้านั่งสองที “ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก ท่องอยู่ในยุทธภพ พวกเราต้องสุขุมหนักแน่นและสำรวม”

หมี่ลี่น้อยนั่งแปะลงบนม้านั่งยาว ฟุบตัวลงบนโต๊ะใหม่อีกครั้ง รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย คิ้วบางๆ สองข้างขมวดเข้าหากัน เอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าขุนเขาคนดี ดูเหมือนว่าข้าจะช่วยอะไรไม่ได้เลย ด้านนอกภูเขาลั่วพั่ว…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ แม่นางน้อยชุดดำก็เกาหัว ไม่ยอมพูดต่ออีก เพียงแต่ยังรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย มีคนบอกว่านางเป็นแค่ขอบเขตถ้ำสถิตที่ใหญ่เท่าก้น แล้วยังเป็นภูตน้อยที่ประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด ทำหน้าที่เป็นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาลั่วพั่ว ช่างเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่เทียมฟ้าเสียจริง อันที่จริงนางเองก็เสียใจอยู่หลายปี เพราะคำพูดซุบซิบเหล่านั้นเดิมทีก็เป็นความจริงอยู่แล้ว นางแค่กลัวว่าพวกพี่หญิงหน่วนซู่จะเป็นกังวลจึงแสร้งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เฉินผิงอันยิ้มพลางยื่นมือไปลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย พอจะเดาออกได้คร่าวๆ แล้วจึงถามหยั่งเชิงว่า “เป็นคนนอกที่บอกว่าขอบเขตเจ้าไม่สูง ดังนั้นจึงหัวเราะเยาะเจ้า แอบนินทาเจ้าลับหลังใช่ไหม?”

เรื่องนี้พอกลับมาถึงภูเขาลั่วพั่วก็ไม่มีใครเคยพูดกับเฉินผิงอันเลยจริงๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับไม่มีใครเล่า ตนจดลงบัญชีเอาไว้แล้ว นับตั้งแต่ชุยตงซานถึงเผยเฉียน ไปจนถึงพ่อครัวเฒ่า แล้วยังมีเฉินหลิงจวิน แต่ละคนอย่าหวังว่าจะหนีรอดไปได้ มีเพียงหน่วนซู่น้อยที่ไม่นับด้วย

หมี่ลี่น้อยอืมรับหนึ่งที เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “เจ้าขุนเขาคนดี ข้าไม่ได้กลัวว่าจะต้องแบกรับภาระนะ ทุกวันข้าจะต้องแบกคานหาบสีทองออกลาดตระเวนภูเขา นี่ก็เพื่อเป็นการคอยเตือนตัวเองว่าภาระหน้าที่ของข้าใหญ่ยิ่ง เพียงแต่ว่าตำแหน่งขุนนางที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่สู้เปลี่ยนคนดีไหม ข้าว่าจิ่งชิงก็ไม่เลวนะ เขายังชอบเป็นขุนนางด้วย ให้เขามาเป็นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขา ข้าว่าเหมาะสมมากเลยล่ะ หากแพร่ออกไปก็น่าฟังหน่อย จิ่งชิงเป็นขอบเขตก่อกำเนิดเชียวนะ”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ให้เขาเป็นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาลั่วพั่ว? ต่อให้นายท่านใหญ่เฉินของพวกเราจะใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้ามีความคิดเช่นนี้ อีกอย่างหลิงจวินก็ไม่ยินดีจะแย่งตำแหน่งขุนนางนี้กับเจ้าด้วย”

ต่อให้เฉินหลิงจวินกล้าไปเป็นเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่าง ยามที่ประชุมในศาลบรรพจารย์ อยู่ต่อหน้าคนกันเองกลุ่มใหญ่ที่หากไม่ใช้หนึ่งกระบี่ฟันตายก็ใช้สองสามหมัดต่อยให้เขาตายได้ ไอ้หมอนี่ยังกล้าวางมาดว่าหากไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร แต่มีเพียงตำแหน่งผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขานี้เท่านั้นที่เขาไม่กล้าเป็นเด็ดขาด เฉินหลิงจวินมีดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือมีคุณธรรมในยุทธภพมากที่สุด ของที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ว่าอะไรเขาก็กล้าช่วงชิง ยกตัวอย่างเช่นสถานะเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่าง และไม่ว่าอะไรก็ตัดใจมอบให้คนอื่นได้ ช่วงที่ภูเขาลั่วพั่วขาดเงินมากที่สุดนั้น อันที่จริงเฉินหลิงจวินได้ใช้สารพัดวิธีเอาทรัพย์สินมากมายของตัวเองออกมาให้ หากอิงตามคำกล่าวของจูเหลี่ยนก็คือ หลายปีนั้นนายท่านใหญ่เฉินชักหน้าไม่ถึงหลังจริงๆ ยากจนจนไม่มีเสียงเงินดังอยู่ในกระเป๋า เป็นเหตุให้ยามอยู่กับเว่ยซานจวินไม่อาจยืดเอวได้ตรง แต่หากอะไรก็ตามที่เป็นของคนอื่น เฉินหลิงจวินจะไม่ไปแย่งชิงเด็ดขาด อย่าว่าแต่ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาที่เป็นของหมี่ลี่น้อยเลย แม้แต่ผลประโยชน์และความได้เปรียบน้อยใหญ่ทั้งหลายบนภูเขาลั่วพั่ว เฉินหลิงจวินก็ล้วนไม่เคยแตะต้อง พูดง่ายๆ ก็คือ เฉินหลิงจวินก็คือคนเก่าแก่ในยุทธภพที่ตายต้องรักษาหน้าตา เพื่อหน้าตาแล้วยอมมีชีวิตทุกข์ทน

บางทีแม้แต่ตัวเฉินหลิงจวินเองก็คงยังไม่รู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งของซานจวินเว่ยป้อที่ถูกเขาจดลงบัญชีไว้นับไม่ถ้วน หรือทางฝั่งของอาจารย์จ้งชิวที่คบค้าสมาคมกันไม่มาก อันที่จริงต่างก็มีคำประเมินต่อเขาไว้สูงมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!