กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 773

เฉินผิงอันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ เข้าใจทันทีว่าเหตุใดตนถึงได้เห็นตาเต็งชั่งน้ำหนักในโรงเตี๊ยม แล้วเหตุใดถึงเกือบจะพลาดโชควาสนานี้ไป มหามรรคาของเฉินผิงอันใกล้ชิดกับสายน้ำ รวมไปถึงตำราเกี่ยวกับศาสตร์การคำนวณทั้งหลายที่อยู่ในวัตถุจื่อชื่อของตนที่อาจจะเป็นหนึ่งในเส้นสายเหล่านั้น แต่ตำราลัทธิเต๋าที่มอบให้ไปในนครเถียวมู่วันนี้ เกินครึ่งอาจเป็นสาเหตุต้นตอที่ว่าเหตุใดเห็นกันแล้วจึงไม่รู้จัก ไม่คิดจะมองให้มากแม้สักแวบเดียว หากไม่เป็นเพราะเผยเฉียนยืนกรานว่าจะไปตรวจสอบหาตำรา เฉินผิงอันคงไม่มีทางสนใจตาเต็งอันนั้น หรือแม้แต่บนคานชั่งน้ำหนักมีตัวอักษรอะไรสลักไว้ก็คงมองไม่เห็นไปแล้ว

ส่วนเผยเฉียนนั้นได้ครอบครองตาเต็งชั่งน้ำหนักครบชุดอยู่ชุดหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นโชควาสนาที่ถือว่าเป็นผลกรรมอย่างหนึ่งของนาง นางจึงมองเห็นตัวอักษรประโยคนั้น

ธนูเล็กอวิ๋นเมิ่งฉางซงคันนั้นร้อนลวกมือจริงเสียด้วย นี่จะหมายความว่าเส้นสายผลกรรมทั้งหลายในใต้หล้าไพศาลที่เป็นมายาล่องลอย จะมีหรือไม่มีก็ได้นั้น เมื่อมาอยู่บนเรือราตรีแห่งนี้จะแสดงออกมาอย่างชัดเจนอย่างถึงที่สุดหรือไม่? ยกตัวอย่างเช่นนักพรตวัวดำ จ้าวเหยาจ้างรถม้าเทียมวัวนั่งออกไปจากถ้ำสวรรค์หลีจู ตงไห่เจ้าอารามผู้เฒ่าของอารามกวานเต๋า ภาพห้าขุนเขาที่แท้จริงซึ่งเป็นภาพบรรพบุรุษของพื้นที่มงคลดอกบัว ชายเคราดก ลาขาเป๋ เรื่องเล่าในยุทธภพที่เผยเฉียนเคยอ่านเจอเขาจากในตำรา ตอนที่เผยเฉียนยังเด็กก็มักจะติดใจว่าอยากมีลาตัวหนึ่งออกไปท่องยุทธภพร่วมกัน อาจารย์อู่ซงแห่งร้านขายอาวุธ ปลายกระบี่ไท่ป๋ายกระบี่เซียนของป๋ายเหย่ กระบี่พกเย่โหยว…

เผยเฉียนมองอาจารย์พ่อที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดไม่พูดไม่จา ถามเสียงเบา “มีปัญหาหรือ?”

เฉินผิงอันคืนสติกลับมา ส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ตรงกันข้ามกันเลย นี่ช่วยคลายข้อสงสัยที่ไม่เล็กอย่างหนึ่งในใจของอาจารย์พ่อไปได้พอดี เริ่มจะพอรู้เบาะแสของวิถีการโคจรเรือข้ามฟากลำนี้แล้ว”

อันที่จริงเดิมทีเฉินผิงอันได้ถูกปมเชือกที่พัวพันกันยุ่งเหยิงของนครเถียวมู่ปิดบังสมมติฐานอย่างหนึ่งก่อนหน้านี้ไปแล้ว

ตอนนี้เขายิ่งมั่นใจว่ากุญแจสำคัญของเรือราตรีลำนี้ สุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นปัญญาชนที่คุยโวโอ้อวดท่ามกลางม่านราตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งภิกษุอีกคนหนึ่งที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่บนเรือเช่นเดียวกันและยังยื่นขาออกมากลางเรือผู้นั้น

รวมไปถึงคนพายเรือที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางไปคิดถึงมากนักคนนั้น!

เฉินผิงอันเปิดสมุดเล่มที่บุรุษเคราดกมอบให้อีกครั้ง เริ่มใคร่ครวญช้าๆ

เรือราตรีมีนครทั้งหมดสิบสองแห่ง ในบรรดานั้นมีนครบนสี่แห่ง ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะมีนครกลางและนครล่างอีกอย่างละสี่แห่ง

นครเถียวมู่นอกจากเจ้านครหลี่สือหลางแล้วยังมีรองเจ้านคร นครแห่งอื่นก็น่าจะเป็นประมาณเดียวกันนี้ จะต้องมีเจ้านครหลักและรองเจ้านคร

นครชุยก่งที่มีกษัตริย์อยู่มากมายนับไม่ถ้วน ในนั้นมีสถานที่ที่เรียกว่าหลบร้อนร่มเย็นซึ่งอยู่ตรงตีนเขาทิศเหนือของภูเขาหลีซานซึ่งเป็นสถานที่ที่ซุกซ่อนโชควาสนาถัดไปที่เกี่ยวพันกับม้วนภาพเอาไว้ นครจีเฉวี่ยนที่ ‘ผู้พิทักษ์ซงแยน’ หลงปินอยู่อาศัยก็ซ่อนเบาะแสของโชควาสนาเกี่ยวกับ ‘ตำรากว่างหลิงหยุดหายใจ’ เอาไว้

ตอนที่อยู่ร้านหมิงเจีย เถ้าแก่หนุ่มที่เคยมีการ ‘โต้แย้งหาวเหลียง’ กับเจ้าลัทธิสามลู่เฉินแห่งป๋ายอวี้จิงถึงกับเสนอว่าจะใช้น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หาวเหลียงลูกหนึ่งมาช่วยเฉินผิงอันบุกเบิกนครแห่งใหม่ นี่หมายความว่านครหลายแห่งบนเรือข้ามฟาก มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าไม่มีจำนวนที่กำหนดไว้แน่นอน ไม่อย่างนั้นความเป็นไปได้ที่จะใช้หนึ่งแลกหนึ่งก็น้อยเกินไป เพราะจะไปผิดต่อวัตถุประสงค์หลักของการรวบรวมความรู้ในใต้หล้าของเรือราตรีลำนี้ บวกกับถ้อยคำของเส้าเป่าเจวี้ยนที่เขาเอามาปะติดปะต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุพเพวาสนาระหว่างภิกษุหาบของกับหญิงชราขายขนมอบที่เผยให้เห็นกฎเกณฑ์มหามรรคาของฟ้าอำนวยดินอวยพรได้หลายส่วน เทพเซียนมีชีวิตส่วนใหญ่บนเรือข้ามฟาก ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำ การกระทำหรือร่องรอย ดูเหมือนว่าจะเวียนมาบรรจบซ้ำไปซ้ำมา ท่ามกลางกลุ่มคนในท้องถิ่นของเรือข้ามฟากเอง จึงเหลือคนเพียงหยิบมือซึ่งเป็นคนส่วนน้อยเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นในนครเถียวมู่แห่งนี้ เฟิงจวิน บุรุษเคราหยิกและอาจารย์อู่ซงของร้านขายอาวุธก็คือข้อยกเว้น

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ คนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าตัวพวกเขาอยู่ท่ามกลางกรงขังตัวอักษรแห่งขุนเขาสายน้ำแล้ว เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า ร้อยปีพันปี ก็เหมือนคอยเปิดอ่านหนังสือเล่มเดิมอยู่ตลอดเวลา ได้แต่รอคอยให้คนต่างถิ่นขึ้นมาบนเรือถึงจะเพิ่มตัวอักษรบางส่วนให้กับเนื้อหาในทุกๆ สามวันห้าวันได้เท่านั้น สำหรับเทพเซียนผู้เฒ่าและผู้อาวุโสที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานเหล่านี้แล้ว ไยจะไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งชวนให้หงุดหงิดใจมากกว่าเดิม?

เฉินผิงอันหยิบกระดาษขาวแผ่นหนึ่งออกมาจากในวัตถุจื่อชื่อ เขียนชื่อบุคคลที่พบเจอ สถานที่ที่รู้มา คำศัพท์อันเป็นกุญแจสำคัญและความเป็นมารวมถึงทิศทางที่เบาะแสทั้งหมดชี้ไป

ก่อนหน้านี้ตอนที่เพิ่งจะเข้าเมืองมา ตอนนั้นเผยเฉียนก็ได้เจอบุคคลประหลาดสามคน นางกำนัลที่แขวนโคมไฟ สตรีถือพัดกลมที่อยู่ในจวนของภูเขาเล็ก และยังมีเด็กหนุ่มเขากวางดวงตาสีเงินที่ยืนอยู่กลางสะพานแบบคานซึ่งเชื่อมระหว่างหอหลากสี เกินครึ่งน่าจะเป็นบุคคลสำคัญบางส่วนของบรรดานครใหญ่แห่งต่างๆ นอกจากนครเถียวมู่ หากพวกเขาไม่ใช่รองเจ้านครก็คงต้องเป็นบุคคลใกล้ชิดของเจ้านครเหมือนอย่างหลงปินหรือฉินจื่อตู

เผยเฉียนมองอาจารย์พ่อที่เขียนจนกระดาษขาวแผ่นหนึ่งเต็มแน่นขนัดไปด้วยตัวอักษร จากนั้นอาจารย์พ่อก็เอาสองมือสอดไว้ในชายแขนเสื้อ จ้องมองกระดาษแผ่นนั้นนิ่งพลางใคร่ครวญไม่พูดจา

เผยเฉียนเอ่ยเสียงเบา “อาจารย์พ่อ ตั๋วขายภูเขาที่หลี่สือหลางมอบให้แผ่นนั้น”

นี่คือปัญหา ไม่ใช่คำถาม

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เท่ากับว่าพวกเรามีที่พักเท้าแห่งหนึ่งในนครเถียวมู่แล้ว ก็เหมือนเรือนกุยม่ายบนเกาะกุ้ยฮวา เพราะหลังจากแก้ตั๋วขายภูเขาเป็นตั๋วซื้อภูเขาแล้วก็เท่ากับว่าเป็นโฉนดที่ดินที่ทางการตรวจสอบและยกมอบที่ดินให้เรียบร้อยเหมือนอย่างล่างภูเขาแล้ว เพียงแต่ว่าอาจารย์พ่อไม่คิดจะไปพักอาศัย ต่อจากนี้หากมีโอกาสยังต้องขายกลับไปให้หลี่สือหลาง ไม่อย่างนั้นอยู่ในถิ่นของคนอื่นเขา พวกเราเดินอาดๆ มาปาดเอาภูเขาไปลูกหนึ่ง ใต้เท้าเจ้านครคิดอยากจะตาไม่เห็นใจไม่หงุดหงิดก็ยังยาก ถึงอย่างไรก็เป็นการทำลายความปรองดอง”

เผยเฉียนขมวดคิ้ว สัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึงรีบหยิบเอาตั๋วซื้อภูเขาที่เป็นกระดาษสีเขียวแผ่นนั้นออกมาจากในชายแขนเสื้อทันใด พบว่าด้านหลังมีตัวอักษรเพิ่มมาสามคำ ‘โปรดหยุดก่อน’ (เฉี่ยถิงถิง หรือศาลาโปรดหยุดก่อน) ขณะเดียวกันก็มีเสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วทั้งห้อง “หากเซียนกระบี่เฉินยังไม่ไปซื้อตาเต็งชั่งน้ำหนักก็จะสายไปอีกแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มถาม “เจ้านครหลี่ ไม่มองในสิ่งที่ไม่ควรมอง ไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ควรฟัง ท่านว่าใช่หรือไม่?”

หลี่สือหลางยิ้มตอบ “ความรู้ในใต้หล้านี้ยังมีอะไรที่พบเจอไม่ได้ด้วยหรือ? ทุกคนเอาแต่หวงแหนของของตัวเอง คือเรื่องดีอย่างนั้นหรือ? ส่วนอะไรที่ไม่ควรฟังอย่าได้ฟังนั้น ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เจ้าและข้าต่างก็รู้กันดีแก่ใจ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปริศนาธรรมเช่นนี้ เดิมทีเจ้าก็จงใจพูดถึงข้าก่อนอยู่แล้ว ข้าก็แค่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ให้เจ้าอีกทีเท่านั้น สามวันให้หลัง รักษาตัวให้ดีแล้วกัน”

เผยเฉียนมองไปทางเฉินผิงอัน คิดอยากจะถามอาจารย์พ่อว่าคำพูดของเจ้านครเถียวมู่ผู้นี้เชื่อถือได้หรือไม่ เพราะถึงอย่างไรหลี่สือหลางก็คล้ายจะไม่ชอบหน้าอาจารย์พ่อตั้งแต่แรกอย่างไร้เหตุผล กลับกลายเป็นนครที่หลงปินอยู่ที่คล้ายว่าจะรู้สถานะอิ่นกวานของอาจารย์พ่อ อีกทั้งยังตั้งใจเดินทางมายังนครเถียวมู่แห่งนี้ หลักๆ แล้วก็เพื่อขอลวดลายตราประทับที่สมบูรณ์แบบชิ้นหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!