มีคนขี่ม้าออกจากเมืองหลวง โบยแส้ควบม้าเร็ว เมื่อมาถึงกำแพงสีขาวหิมะที่มีจุดพักม้า มีศาลาริมทางก็นำคำสั่งจากทางราชสำนักแปะลงบนกำแพงไปตลอดทาง ประชันชันแข่งอยู่กับบทกวีบนผนังของปัญญาชนที่บ้างก็พักแรมอยู่ต่างถิ่น บ้างก็พยายามวิ่งเต้นเพื่อให้ได้เป็นขุนนาง และยังมีคนแบกเกี้ยวที่กลางวันเหงื่อแตกเต็มแผ่นหลัง ยามค่ำคืนกลับไปเล่นพนันขันต่อ เล่นตั้งแต่กลางคืนยันสว่างอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นเหตุให้ขุนนางบ้านด้านข้างที่จุดตะเกียงอ่านตำรายามค่ำคืนส่ายหน้าอย่างระอา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครเปิ่นโม่ที่อยู่ก่อนหน้านครเถียวมู่ ริมชะง่อนผาติดลำคลองใหญ่ที่กรวดทรายสีเหลืองในลำน้ำซัดหลุนๆ นักพรตหนุ่มคนหนึ่งเห็นกับตาตัวเองว่าขุนนางน้ำใสกลุ่มใหญ่ถูกแม่ทัพบู๊สวมเสื้อเกราะโยนลงไปในลำคลองที่น้ำไหลเชี่ยวกรากราวกับโยนเกี้ยวลงน้ำ แต่กลับมีปัญญาชนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงจุดที่ห่างไปไกล คลี่ยิ้มอย่างสาแก่ใจ
เฉินผิงอันผงกศีรษะทักทาย ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร แค่มาดูความครึกครื้น ไม่ได้จะมาร่วมวงด้วยเสียหน่อย”
“ใจกว้าง!”
เทียนซือน้อยของภูเขามังกรพยัคฆ์ผู้นี้เอ่ยชื่นชมคนชุดเขียวหนึ่งคำ จากนั้นก็ใช้ศอกกระทุ้งไหล่ของภิกษุเด็กหนุ่มเบาๆ “พวกเจ้าคุยกันรู้เรื่อง จะไม่พูดอะไรบ้างเลยหรือ?”
ภิกษุเด็กหนุ่มยังคงฝึกปิดวาจาต่อไป แต่ก็มองเฉินผิงอันมากกว่าเดิม ภิกษุเด็กหนุ่มพนมสองมือ เฉินผิงอันก็ยกสิบนิ้วคารวะกลับคืน
ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อคนนั้นจ่ายเงินไปไม่กี่ตำลึงก็ซื้อตาเต็งชั่งน้ำหนักมาจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้ นักพรตหนุ่มถามขึ้นว่า “เป็นอย่างไร?”
ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อส่ายหน้า “ไม่ได้มีความหมายมากนัก ก็แค่มีดีกว่าไม่มี”
คนทั้งสามเดินออกไปจากโรงเตี๊ยม เซียนกระบี่ผู้เฒ่าที่รออยู่บนถนนติดตามคนหนุ่มสามคนไปเงียบๆ พวกเขามุ่งหน้าไปยังประตูเมืองด้วยกัน เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกับภิกษุแบกหาบและคนเคราดกขี่ลาก่อนหน้านี้ เพราะมีกองทหารม้าลาดตระเวนเมืองคุ้มกันไปส่ง
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อยืนอยู่หน้าประตู ก็เหมือนอย่างที่เขาพูดไป เพียงแค่มาชมความครึกครื้นเท่านั้น จึงมองส่งคนทั้งสี่จากไปอยู่ไกลๆ เห็นได้ชัดว่าการออกจากเมืองของคนทั้งสามก็คือตรงออกไปจากเรือราตรีลำนี้เลย
ในนครเถียวมู่ นอกศาลาเล็กหลังหนึ่ง หลี่สือหลางมองกรอบป้ายคำว่าเฉี่ยถิงถิง (โปรดหยุดก่อน) แล้วถอนหายใจ สาวใช้ข้างกายมีมากหลายสิบคน ฉินจื่อตูเป็นเพียงแค่คนหนึ่งในนั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ก็มีบัณฑิตผู้เฒ่าสวมชุดสีเขียวเส้นผมขาวโพลนอยู่อีกแค่คนเดียว เขายิ้มถามว่า “เจ้านคร ในเมื่อเสียดายขนาดนี้ อีกทั้งเซียนกระบี่หนุ่มคนนั้นก็บอกแล้วว่าเขายินดีขาย ท่านก็ซื้อไปเถอะ เรื่องของการทำการค้าพวกนี้ ท่านไม่เชี่ยวชาญแล้วใครจะเชี่ยวชาญอีกเล่า? ทำไม วางศักดิ์ศรีหน้าตาเพื่อหาเงินไม่ลงเสียแล้วหรือ? นี่ไม่ใช่นิสัยของท่านเลยนะ”
หลี่สือหลางเอ่ย “บนร่างของคนหนุ่มเด็กรุ่นหลังนั่นมีกลิ่นอายของความคร่ำครึที่โชยมาปะทะจมูก อยู่ในกรอบในเกณฑ์ หัวโบราณเคร่งระเบียบ ทำให้คนมองแล้วไม่ปลอดโปร่ง ทำการค้ากับเขาจึงรู้สึกอึดอัดจริงๆ ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อที่มาถึงภายหลังนั่นกลับดีกว่ามาก”
บัณฑิตผมขาวหัวเราะเสียงดังกังวาน “อย่าได้ดึงเรื่องไร้สาระพวกนี้มาพูดเลย เห็นชัดๆ กันอยู่ว่าเซียนกระบี่หนุ่มคนนั้นฉลาดในการทำการค้าเกินไป จึงเกิดเป็นการช่วงชิงบนมหามรรคาบางอย่างกับท่าน ทำให้ท่านทั้งกังวลทั้งเสียดาย หากไม่ระวังก็ไม่แน่ว่าตำแหน่งเจ้านครของนครเถียวมู่แห่งนี้อาจจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่นก็ได้? ไม่อย่างนั้นสือหลางจะรีบออกคำสั่งไล่แขกอย่างร้อนรนไปไย? ปล่อยให้คนหนุ่มเด็กรุ่นหลังดูแคลนความใจกว้างไปเสียเปล่าๆ ไม่ใช่หรือ? ฝืนใจมอบตั๋วขายภูเขาไปให้ แล้วยังต้องถูกคนเยาะเย้ยอีก แบบนี้จะรู้สึกดีแล้วหรือ?”
เรื่องของการขายตัวอักษรหาเงินนั้น หากไม่พูดถึงเงินที่หามาได้ว่ามากหรือน้อย พูดถึงแค่เรื่องนิสัยใจคอ หลี่สือหลางที่อยู่ข้างกายผู้นี้ก็เรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่พูดประโยคที่น่าตะลึงพรึงเพริดว่า ‘ข้าทำไร่ทำนาประทังชีพ เจ้าไร้เหตุผลจะให้ข้าทนได้อย่างไร? ขอสาบานว่าจะสู้ตายไม่ยอมเลิกรา!’ ออกมาได้
หลี่สือหลางหัวเราะอย่างขันๆ ปนฉุน “ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าคืออยากให้นครเถียวมู่เปลี่ยนเจ้านครคนใหม่มากเลยหรือ?”
บัณฑิตผมขาวเอ่ย “ข้าก็แค่อยากยกตำแหน่งให้คนมีความสามารถ ไม่อยากเป็นรองเจ้านครที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่อะไรอีกแล้ว เอาอย่าจางซานผู้นั้นที่คิดจะไปก็ไป”
ท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็น เจ้านครและรองเจ้านครของนครเถียวมู่สองคนนี้ และบางทีอาจรวมพวกตู้ซิ่วไฉเข้าไปด้วย ทุกคนต่างก็คิดว่าช่วงเวลาที่คนเคราดกซึ่งเข้าใจกระจ่างแล้วออกจากเมืองไป ก็คือช่วงเวลาที่สติปัญญาเสี้ยวสุดท้ายสลายหายไป
จอมยุทธเคราดกพกกระบี่เล่มยาว ขี่ลาขาเป๋ดื่มสุราเลิศรส จากไปทั้งอย่างนี้ ไม่มีคำลาใดต่อฟ้าดิน ห้าวหาญองอาจ ช่างทำให้คนอิจฉายิ่งนัก ไม่เหลือความเสียดายใดๆ
แต่บนเรือข้ามฟากลำนี้ คนที่มากกว่านั้นกลับต้องการคิดหาวิธีเพื่อมีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ มากกว่า อยู่ได้วันหนึ่งก็คือวันหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นหลี่สือหลางที่ไม่เคยปิดบังว่าตัวเองมีความสุขที่ได้อยู่บนเรือลำนี้
ดังนั้นเวลานี้หลี่สือหลางจึงไม่ได้เอ่ยอะไร สหายเฒ่าผู้นี้ไม่เหมือนกับตน สหายเฒ่าข้างกายเพียงแค่อาศัยเหล้าหมักและสตรีมาหลีกเลี่ยงมารยาทพิธีการในใจ อีกทั้งทำหน้าที่เป็นรองเจ้านคร พันธนาการย่อมมีมากกว่าชายฉกรรจ์เคราหยิกที่ตั้งแผงขายของ คิดจะออกไปจากเมืองจึงยากยิ่งกว่า
ในนครเถียวมู่มีตำราที่เก็บสะสมไว้มากมายนับไม่ถ้วน
ปรากฎการณ์ฟ้าภูมิศาสตร์ สามลัทธิเก้าสาขา เมธีร้อยสำนัก ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และการทหาร ผู้แสวงหาเซียนและคาถาวิชา เงื่อนไขพิธีการ ภูตผีเทพเรื่องลี้ลับ สมบัติล้ำค่าหายาก บุปผาพืชพรรณ
จากแรกเริ่มสุดที่มีเพียงสี่พันกว่าหัวข้อบนเรือราตรี เปลี่ยนมาเป็นสี่ล้านกว่าหัวข้ออย่างทุกวันนี้
หลี่สือหลางพลันเอ่ยว่า “หากเจ้าไม่ยินดีจะเป็นรองเจ้านครนี่จริงๆ หญิงสาวข้างกายเขาคนนั้นอาจจะเป็นโอกาสอย่างหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจเป็นโอกาสเดียวของเจ้าก็เป็นได้”
บัณฑิตผู้เฒ่าผมขาวส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ข้อห้ามใหญ่บนโต๊ะสุราคืออย่ายุให้ดื่มเหล้า นั่นจะไม่เป็นการทำลายบรรยากาศแย่หรอกหรือ”
หลี่สือหลางเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “คนหนุ่มที่ไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมและความรู้สึกของผู้คนเช่นนี้ หากมีคู่รักเทพเซียนได้ก็แปลกแล้ว! มิน่าเล่าต่างคนถึงอยู่กันคนละขอบฟ้า เจ้าเด็กนี่สมควรได้รับแล้ว”
บัณฑิตผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “เฉินผิงอันที่อยู่ในบันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนั้นไม่ใช่แค่มากรักหลายใจธรรมดาๆ นะ”
หลี่สือหลางกล่าว “หากเป็นอย่างนี้จริงกลับจะดีกว่า คนที่มีอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้ในตำรา ข้าจะมอบตั๋วขายภูเขาให้เขาเปล่าๆ อีกแผ่นหนึ่งเลย! อย่าว่าแต่ศาลาเฉี่ยถิงถิงหนึ่งแห่ง ต่อให้มอบสวนเจี้ยจื่อให้เขาแห่งหนึ่งก็ยังไม่เป็นปัญหา”
บัณฑิตผู้เฒ่าเอ่ยขัดคอ “ตั๋วภูเขาก่อนหน้านั้นก็ไม่ใช่ว่าสือหลางให้เปล่าเสียหน่อย เป็นคนเขาที่ใช้ความสามารถของตัวเองช่วงชิงมาได้ มิตรภาพส่วนมิตรภาพ ความจริงก็ส่วนความจริง”
หลี่สือหลางจนใจนัก มองศาลาหลังเล็กแล้วเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “น่าเสียดายสายลมและแสงจันทร์ของศาลาแห่งนี้แล้ว”
ในนครจีเฉวี่ยน ริมลำคลองใหญ่แห่งหนึ่ง มีบุรุษสวมกวานสูงผู้หนึ่งก้าวเดินไปอย่างเนิบช้า ห่างไปไม่ไกลบนฝั่งมีทั้งสำนักศึกษา และริมตลิ่งก็มีป้ายศิลาตั้งตระหง่านอยู่ แกะสลักเป็นคำว่า ‘สถานที่แห่งการสอบถาม’ และท่ามกลางลำคลองที่น้ำซัดเชี่ยวกรากก็มีเสาหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางน้ำ บนหินเป็นรูปวานรถูกขังอยู่ในกรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!