กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 776

หนิงเหยาไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไร เพราะนี่คือความจริง

ถึงขั้นที่ว่าตลอดทั้งนครบินทะยานต่างก็ไม่มีทางปฏิเสธความจริงข้อนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกกระบี่สายอิ่นกวานและผู้ฝึกยุทธที่อยู่ด้านในสายสิงกวาน บวกกับผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์สายของเฉวี่ยนฝู่ที่ต่างก็คิดถึงอิ่นกวานหนุ่มที่ทิ้งเรื่องราวน่าสนใจเอาไว้มากมาย และมีเรื่องเล่าน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนคนนั้น ต่อให้เนื่องจากเหตุผลที่แตกต่างกันไป ผู้ฝึกกระบี่ที่ไม่มีความรู้สึกอันดีใดๆ ต่อเถ้าแก่รองร้านเหล้า คนต่างถิ่นครึ่งตัวผู้นั้น ตอนที่ไปรวมกลุ่มกันดื่มเหล้า ทุกครั้งที่พูดถึงคนผู้นี้ ไม่ว่าจะเอ่ยประโยคว่า ‘มองไกลๆ คืออาเหลียง มองใกล้ๆ คืออิ่นกวาน ’ หรือเอ่ยว่า ‘หนึ่งหมัดต่อยเถ้าแก่รองล้มคว่ำ’ หรือพูดถึงบนสนามรบที่เต็มไปด้วยลวดลายฉูดฉาด ก็ล้วนเป็นหัวข้อการพูดคุย เป็นกับแกล้มแกล้มสุราที่ดีเยี่ยม

ยกตัวอย่างเช่นแม้แต่ในบรรดาตัวอ่อนเซียนกระบี่เก้าคนที่เฉินผิงอันพากลับมายังใต้หล้าไพศาลนั้นก็ยังมีเด็กที่ไม่ชอบอิ่นกวานหนุ่ม อีกทั้งยังไม่ใช่แค่คนเดียว แต่ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่ปฏิเสธว่า ยามที่เผชิญหน้ากับศัตรู ค่ายทัพฝ่ายของตัวเอง ยามที่ข้างกายมีหรือไม่อิ่นกวานที่เก็บกระบี่คอยช่วยวางแผน ตรวจสอบช่องโหว่และแก้ไข ยามออกกระบี่ก็สามารถพาตัวไปอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันตราย กล้าสละชีวิตอย่างลืมตาย ความต่างของทั้งสองอย่างนี้ไม่น้อยเลยจริงๆ

เฉินผิงอันได้ยินแล้วก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย ยกเหล้าขึ้นจิบหนึ่งอีก หยิบปลาแห้งตัวหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วบ้านตนมากินเป็นกับแกล้ม

หนิงเหยาเอ่ยว่า “อยู่ในใต้หล้าใหม่เอี่ยมที่ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยโชควาสนาแห่งนั้น หากใครสามารถสังหารสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลได้ตนหนึ่ง ต่อให้จะไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตำแหน่งสูงสิบสองตน แต่ขอแค่โชคดีหน่อย ก็จะได้รับวิชาอภินิหารอย่างหนึ่งมา นักพรตซานชิง นักพรตหญิงหวงถิงแห่งใบถงทวีป สู่จ้งสู่แห่งหลิวเสียทวีป หากอิงตามรายงานของนครบินทะยาน พวกเขาต่างก็ได้รับโชควาสนาเป็นของตัวเอง

ความนัยในคำพูดของหนิงเหยา แน่นอนว่าคือหากเจ้าเฉินผิงอันก็อยู่ในใต้หล้าแห่งที่ห้าด้วย ต่อให้ไม่ดูแลสายอิ่นกวานอะไรของนครบินทะยาน ก็ต้องยุ่งมากอยู่ทุกวัน จะต้องได้เป็นร้านผ้าห่อบุญอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน

เฉินผิงอันจึงพูดถึงเรื่องซากปรักของภูเขาไท่ผิง หวังว่าหวงถิงจะไม่ต้องกังวลใจมากนัก ขอแค่ได้กลับมายังใต้หล้าไพศาลก็สามารถสร้างสำนักขึ้นใหม่ได้ทันที

หนิงเหยาพยักหน้าเอ่ย “รอให้ข้ากลับไปแล้วจะต้องบอกกับนักพรตหญิงสักคำ”

พบว่าเฉินผิงอันมองมาที่ตนอย่างเหม่อลอย หนิงเหยาก็ถามว่า “ต้องการให้ข้านำความอย่างอื่นไปบอกเพิ่มเติมไหม? เจ้ารีบหรือไม่?”

เฉินผิงอันพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ต้อง!”

หนิงเหยาดื่มเหล้าหนึ่งอึก

หมี่ลี่น้อยรู้สึกว่าในที่สุดก็ถึงคราวที่ตัวเองจะได้พูดบ้างแล้ว จึงหันหน้ามาถามเสียงเบาว่า “เผยเฉียน เผยเฉียน ใช่พี่สาวนักพรตหญิงที่เจ้าบอกว่าเป็นคนสอนวิชาแบกกระบี่และวิชาลากดาบให้เจ้าคนนั้นหรือไม่ เจ้ายังบอกด้วยว่านางหน้าตางดงามมาก แต่สายตาที่มองคนกลับธรรมดามาก?!”

อาจารย์และศิษย์สองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะรู้สึกหัวโตขึ้นมาทันใด

เผยเฉียนสีหน้ากระอักกระอ่วน “ข้าเคยพูดหรือ?”

โจวหมี่ลี่มองเผยเฉียน แล้วจึงหันไปมองเจ้าขุนเขาคนดีและฮูหยินเจ้าขุนเขา ลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “ไม่เคยกระมัง?”

นางรู้สึกว่าตัวเองน่าจะพูดอะไรผิดไป จึงรีบดื่มเหล้าหมักข้าวเหนียวอึกใหญ่ หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ข้าดื่มไม่ค่อยเก่ง ล้วนเป็นคำพูดของคนเมาทั้งสิ้น”

หนิงเหยาหัวเราะ ดูท่าคงต้องคุยเล่นกับหมี่ลี่น้อยให้มากๆ เสียแล้ว

หากจะพูดถึงวาสนากับผู้อาวุโสบนภูเขาลั่วพั่ว นอกจากพี่หญิงหน่วนซู่แล้ว หากโจวหมี่ลี่บอกว่าตัวเองเป็นที่สาม ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าเป็นที่สอง

ศิษย์พี่สองคนของเฉินผิงอันอย่างจั่วโย่ว จวินเชี่ยน ปีนั้นตอนอยู่บนภูเขาลั่วพั่ว แม้ว่าช่วงเวลาที่มาอยู่บนภูเขาจะไม่นานมากทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนกลับพูดคุยกับหมี่ลี่น้อยเยอะที่สุดเหมือนกันอย่างไม่มียกเว้น พวกเขาค่อนข้างชอบคุยกับหมี่ลี่น้อยจริงๆ เพราะภูตน้ำน้อยแห่งทะเลสาบคนใบ้ผู้นี้พูดจาไร้เดียงสาเหมือนเด็กมากที่สุด ผู้ดูแลใหญ่จูเหลี่ยนรอบคอบรัดกุมเกินไป เว่ยป้อเว่ยซานจวินก็ระมัดระวังตัวเกินไป หน่วนซู่ยุ่งมากทุกวัน เฉินหลิงจวินหลบเลี่ยงพวกเขา มีเพียงหมี่ลี่น้อยที่ชอบเดินลาดตระเวนภูเขาคนนี้ที่ทั้งชอบถามนู่นถามนี่ และหากมีใครถามอะไรนางก็ตอบทั้งหมด

เฉินผิงอันรีบเบี่ยงประเด็นทันที การพูดคุยหลังจากนั้นเผยเฉียนถึงได้รู้ว่า ที่แท้อาจารย์พ่อก็เลื่อมใสหลี่สือหลางแห่งนครเถียวมู่มานานมากแล้ว

เผยเฉียนรู้สึกพิลึกพิลั่นเล็กน้อย คล้ายกับยากจะจินตนาการได้ว่าอาจารย์พ่อจะเลื่อมใสคนอื่นได้ขนาดนี้

โจวหมี่ลี่เกาแก้ม

รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก

ไม่ด้อยไปกว่าปีนั้นที่ประลองบทกวีพ่ายแพ้แล้วถูกคนไล่ออกไปเลย

เฉินผิงอันกลับไม่ได้รู้สึกว่าได้เจอหลี่สือหลาง ‘เทพเซียนมีชีวิต’ ตัวจริงที่อยู่นอกหนังสือผู้นี้แล้วทำให้คนรู้สึกผิดหวังสักเท่าไร เขายิ้มเอ่ยกับเผยเฉียนว่า “ยังจำคำโคลงท่องติดปากที่ข้าสอนเจ้าตอนที่เจ้ายังเด็กช่วงที่เร่งเดินทางตอนกลางคืนในใบถงทวีปเพื่อเอามาใช้ปลุกความกล้าให้เจ้าได้ไหม?”

เฉินผิงอันจิบเหล้าหนึ่งอึก สองนิ้วประกบกันเคาะลงบนผิวโต๊ะเบาๆ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ประตูกับทวาร เส้นทางกับถนน ทิวากับยาวนาน มาตุภูมิกับต่างถิ่น ตำหนักชิงสู่บนพื้นดิน ตำหนักกว่างหันบนท้องฟ้า ถือยันต์วิเศษยันต์ห้าขุนเขา ตรงเอวห้อยกระบี่วิเศษลายเจ็ดดาว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!