นกในกรงเล่มหนึ่ง อยู่ในนครเถียวมู่ของเรือราตรีก็คล้ายว่าจะสร้างบ้านตั้งรกรากเป็นของตัวเอง นอกจากสองฝ่ายที่เป็นศัตรูกันจะมีจำนวนคนแตกต่างแล้ว ระหว่างฟ้าดินก็ไม่มีคนนอกส่วนเกินคนอื่นอีก
อยู่ในใต้หล้ามืดสลัว อู๋ซวงเจี้ยงเจ้าตำหนักสุ้ยฉูคือผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบสี่คนใหม่ล่าสุดของหลายใต้หล้า
เฉินผิงอัน ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบ ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบ
หนิงเหยา ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานคนแรกของใต้หล้าแห่งที่ห้า
ชุยตงซาน ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตเซียนเหริน มีเรือนกายของเจียวหลงแคว้นสู่โบราณ
เจียงซ่างเจิน ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหริน ขอบเขตถดถอยจากขอบเขตบินทะยาน
อู๋ซวงเจี้ยงยืนอยู่บนถนนใหญ่ เอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งคีบเส้นผมตรงจอนหู รอยยิ้มผ่อนคลายสบายอารมณ์ หางตาเหลือบมองประเมินเด็กหนุ่มชุดขาวด้วยสีหน้ามีเลศนัย
ชุยฉานผู้น่าสงสาร ซิ่วหู่ผู้น่าเวทนา
เฉินผิงอันพลันยื่นมือไปคว้าแขนของหนิงเหยา แสงเปล่งวูบหนึ่งครั้งเรือนกายก็สลายหายไป ไม่รู้ว่าไปที่ไหน ในฐานะเจ้าของนกในกรง กลับต้องเป็นฝ่ายออกไปจากฟ้าดินเล็กแห่งนี้ด้วยตัวเอง
อู๋ซวงเจี้ยงยืนอยู่ตรงหน้าประตูโรงเตี๊ยม นิ้วมือที่ลูบเส้นผมตรงจอนหูหยุดชะงักไปเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ แล้วก็ไม่มีปราณวิญญาณกระเพื่อมแม้สักเสี้ยว
ใบหลิวท่อนนั้นของเจียงซ่างเจินก็เป็นดั่งคำว่าจิตพุ่งไปทางไหน กระบี่บินพุ่งไปทางนั้น ตรงความว่างเปล่าระหว่างเฉินผิงอันกับอู๋ซวงเจี้ยง ใบหลิวฟันฉับลงไป กรีดเส้นโค้งแสงกระบี่สีเขียวปลั่งราวกับจะเค้นน้ำให้หยดลงมาได้ไว้เส้นหนึ่ง สะบั้นมรรคกถาที่พุ่งมาถึงอย่างไม่มีลางบอกกล่าวของอู๋ซวงเจี้ยงไปโดยตรง หลังจากมรรคกถาถูกฟันขาดแล้วกลับมีกระดาษยันต์สีขาวหิมะแผ่นหนึ่งพลิ้วหล่นลงพื้นคล้ายกับกระดาษพับที่เด็กคนหนึ่งพับเป็นรูปงูตัวเล็กบางตัวหนึ่ง ตอนนี้จึงเหมือนมีงูขาวไร้หัวสองท่อนที่เลื้อยอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่ายันต์งูขาวตัวนั้นตามเฉินผิงอันออกไปจากนกในกรงด้วย ไม่ยอมให้เฉินผิงอันจากไปอย่างไร้ร่องรอยเด็ดขาด
ความคิดของอู๋ซวงเจี้ยงผุดขึ้นเล็กน้อย งูขาวบนพื้นที่มาจากการพับกระดาษยันต์สีขาวหิมะก็หายไปทันที
วัสดุของกระดาษยันต์เป็นแค่กระดาษจดหมายเกล็ดหิมะประเภทหนึ่งที่ตำหนักสุ้ยฉูสร้างขึ้นเอง นี่คือกระดาษจดหมายที่เหมาะจะนำมาถ่ายทอดความรักความคิดถึงกันระหว่างคู่รักบนภูเขาของใต้หล้ามืดสลัวมากที่สุด
นี่ก็คือวิชาอภินิหารของผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่ สามารถเสกของธรรมดาหรือของเสียผุพังให้กลายเป็นความลี้ลับมหัศจรรย์ได้
ท่ามกลางเส้นสายตาของดวงจิตอู๋ซวงเจี้ยง นอกฟ้าดินเล็กมีตะเกียงดวงหนึ่งที่สว่างไสวอย่างถึงที่สุด ทว่าเพียงไม่นานแสงไฟนั้นก็คล้ายถูกฝาครอบตะเกียงหลายชั้นปิดทับลงมา จึงเริ่มพร่าเลือน เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นความมืดมิด ไม่เหลือเบาะแสอีกแม้แต่น้อย
อู๋ซวงเจี้ยงหัวเราะ ต้องไม่ใช่กระบี่บินของหนิงเหยาผู้นั้นที่ฟันลงมาแน่นอน ยันต์บทนี้ไม่มีความสูงส่งเลิศเลอใดๆ ความมหัศจรรย์เพียงหนึ่งเดียวก็คือกระดาษยันต์สามารถฟันให้แหลกสลาย มีเพียงอย่างเดียวที่เป็นไปไม่ได้คือไม่อาจ ‘หายไป’ เว้นเสียจากว่ามีคนสามารถหลอมยันต์นั้นให้กลายมาเป็นวัตถุของตัวเอง ดังนั้นเพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดฝัน เขาจึงวาดยันต์ขึ้นมาบนกระดาษจดหมายเกล็ดหิมะชั่วคราว เรียบง่ายมาก ก็แค่เขียนสองชื่อลงไป เฉินผิงอัน หนิงเหยา ดังนั้นนี่จึงกลายมาเป็นยันต์วาสนารักที่หายสาบสูญไปนานแล้ว
น่าจะเป็นวิชานอกรีตที่อิ่นกวานผู้นั้นใช้? กลับเป็นฝีมือที่ดี จัดการได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่วิธีการอย่างเช่นว่าจักรวาลในชายแขนเสื้ออะไร ด้วยตบะขอบเขตหยกดิบของเฉินผิงอัน บุ่มบ่ามทำเช่นนี้มีแต่จะหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น
เจียงซ่างเจินเก็บกระบี่บินมา ใช้นิ้วปาดเช็ดใบหลิวเบาๆ ปาดเศษสีขาวหิมะพวกนั้นทิ้งไป ก่อนจะถอดทอนใจหนึ่งที พูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มเสียใจ “เทพเซียนผู้เฒ่าอู๋ ช่างวางแผนได้ดีจริงๆ ลงมือคราวเดียวก็ทำให้ผู้เยาว์เปิดเผยความสามารถของตัวเองหมดแล้ว แบบนี้จะดีหรือ? ไม่สู้ทุกคนมานั่งลงพูดคุยกันดีกว่ากระมัง”
หลังจากขอบเขตถดถอย กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเจียงซ่างเจินก็เปลี่ยนจากใบหลิวเต็มใบมาเป็นใบหลิวท่อนหนึ่ง ตามหลักแล้วคนบนโลกต่างก็ต้องเข้าใจไปว่าพลังการต่อสู้ของ ‘เจ้าสำนักผู้เฒ่าเจียง’ ถดถอยลงแล้ว
กระดาษยันต์สีขาวหิมะที่ก่อนหน้านี้คล้ายหินลับมีดที่ขัดเกลาคมกระบี่ แม้จะบอกว่าถูกผ่าออกเป็นสองท่อนง่ายๆ คล้ายเต้าหู้ที่ถูกมีดผ่า ทว่าอู๋ซวงเจี้ยงก็ได้อาศัยสิ่งนี้มาทดสอบระดับความคมของกระบี่บินได้ในชั่วพริบตา
“ไม่เสียแรงที่เป็นเจียงซ่างเจิน ไม่เพียงพรสวรรค์เลิศล้ำ ประเด็นสำคัญคือยังลงมืออำมหิตมากพอ คือตัวอ่อนที่สอดคล้องกับการผสานมรรคามาตั้งแต่เกิด สามารถก่อเรื่องวุ่นวายไปทั่วสารทิศแล้วยังมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล”
อู๋ซวงเจี้ยงหัวเราะ เอ่ยเนิบช้าอย่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นดีเยี่ยม “อันที่จริงไม่ต้องจงใจถ่วงเวลาหรอก กว่าข้าจะได้มาเยือนใต้หล้าไพศาลไม่ใช่เรื่องง่าย ย่อมไม่รีบร้อนจะจากไป พวกเจ้าเชิญแสดงฝีมือได้ตามสบาย ข้าจะได้เรียนรู้ฝีมือของคนหลายคนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของใต้หล้าไพศาลสักหน่อย”
หนิงเหยา เฉินผิงอัน เด็กหนุ่มชุดขาวที่เป็นซิ่วหู่ครึ่งตัว เจียงซ่างเจินแห่งใบถงทวีป
สำหรับอู๋ซวงเจี้ยงแล้ว ต่อให้เป็นเจียงซ่างเจินที่อายุมากที่สุดก็ยังถือเป็นผู้เยาว์ ยังคงเป็นคนหนุ่มที่มีความรู้ความสามารถโดดเด่น
ขอบเขตที่ถดถอยของเจียงซ่างเจิน ถดถอยได้อันตรายยิ่งและลี้ลับยิ่ง พูดง่ายๆ ก็คือ ใช้ขอบเขตที่ถดถอยมาขัดเกลาใบหลิวใบนั้น
รูปร่างของกระบี่บินใบหลิวครึ่งท่อนนั้นเป็นของจริง แต่ระดับความคมกลับยังคงอยู่เหนือกว่าใบหลิวเต็มใบตอนที่เจียงซ่างเจินเป็นขอบเขตเซียนเหรินเสียอีก ค่าตอบแทนก็คือเรือนกายผู้ฝึกยุทธของเจียงซ่างเจินได้รับความเสียหายอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นผมตรงจอนหูของเจียงซ่างเจินในทุกวันนี้จึงกลายเป็นสีดอกเลา รูปร่างคล้ายคนมีอายุแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!