กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 777

ป๋ายเหย่ผสานมรรคากับบทกวีในใจ คือคนสามัคคี

ซูจื่อ และยังมีเฉินฉุนอันผู้รอบรู้แห่งทักษินาตยทวีป ต่างก็เดินบนทางสายใหญ่นี้ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ก็คือผู้ฝึกกระบี่ ยกตัวอย่างเช่นหลิวชามือกระบี่เคราดกที่เลื่อนเป็นอันดับสามของปีศาจใหญ่บนบัลลังก์เร็วก่อนใคร ตอนอยู่บนมหาสมุทร ริมขอบของกุยซวี ผู้ฝึกกระบี่ที่เดิมทีได้เลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่แล้วผู้นี้ กลับกลายเป็นว่าถูกเฉินฉุนอันที่ทุ่มสุดชีวิตดึงเขาลงจากขอบเขตสิบสี่กลับมายังขอบเขตบินทะยาน นี่จึงเป็นเหตุให้หลิวชามิอาจกลับคืนไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร้าง และกลับกลายเป็นว่าถูกศาลบุ๋นกักตัวไว้ที่สวนกงเต๋อ

เซียวสวิ้นอดีตอิ่นกวานที่ทรยศออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ ได้เดินบนเส้นทางลัดที่ตำหนักอิงหลิงของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง แม้ว่านางจะผสานมรรคากับขอบเขตสิบสี่ได้นับแต่นั้น ทว่ากลับถือเป็นดินอวยพร จึงสูญเสียที่พึ่งใหญ่ที่สุดที่มองไม่เห็นซึ่งผู้ฝึกกระบี่สมควรได้รับไป นั่นก็คืออิสระยิ่งใหญ่ที่ฟ้าดินมิอาจพันธนาการ

นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าเหตุใดต่อให้เซียวสวิ้นจะมีขอบเขตสูงกว่าหนึ่งขั้น ทว่าตอนอยู่บนสนามรบนอกโลกกลับไม่อาจแบ่งเป็นตายกับจั่วโย่วได้เสียที ยิ่งเป็นปมของปัญหาที่ว่าเหตุใดจั่วโย่วถึงต้องขัดขวางไม่ให้เซียวสวิ้นหวนคืนไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร้าง

เจียงซ่างเจินถาม “น้องชุย ยิ่งมองยิ่งน่าตกใจ เอาอย่างไรดี?”

ชุยตงซานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าหน้าหนากว่าหน่อย รีบขอร้องเจ้าตำหนักใหญ่อู๋เร็วเข้า หรือโจวอันดับหนึ่งไม่สังเกตเห็น? ปากคอยพร่ำพูดเสียเวลาอยู่กับพวกเรา เจ้าตำหนักใหญ่อู๋ต่างหากที่ถึงจะเป็นคนที่ไม่ว่างงานที่สุด เผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งเช่นนี้ ในเมื่อทั้งประลองกำลังประลองไหวพริบล้วนสู้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องยอมแพ้ ได้แต่ยอมแพ้เท่านั้น!”

อู๋ซวงเจี้ยงยิ้มอย่างรู้ทัน

ระหว่างเต๋ากวาน (คำเรียกนักพรตเต๋าอย่างให้ความเคารพ/หรือตำแหน่งขุนนางของผู้ที่ดูแลลัทธิเต๋า) ของใต้หล้ามืดสลัวเคยมีกฎทองระเบียบหยกประโยคหนึ่งที่เป็นวลีติดปากผู้คน ใช้จิตแห่งมรรคาของผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างเผชิญหน้ากับห้าขอบเขตกลาง จากนั้นจึงใช้วิชาอภินิหารของผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนมารับมือกับศัตรู เรื่องไม่คาดฝันก็จะน้อยลงแล้ว

อู๋ซวงเจี้ยงยังคงเอามือหนึ่งไพล่หลัง มืออีกข้างดีดนิ้วหนึ่งที

ข้างกายก็มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสามเล่มมาบินล้อมวน นกในกรง จันทร์ในบ่อ ใบหลิวหนึ่งท่อน

ล้วนเป็นกระบี่จำลองทั้งสิ้น

แต่ชุยตงซานกับเจียงซ่างเจินต่างก็ไม่รู้สึกว่ากระบี่จำลองของภูเขาชังกระบี่อุตรกุรุทวีปจะสามารถเทียบเคียงกับกระบี่สามเล่มนี้ได้ติด

ชุยตงซานพูดเปิดโปงความลับในประโยคเดียว “โชคดีที่ประคับประคองไว้ได้แค่หนึ่งก้านธูป”

เจียงซ่างเจินพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เถ้าแก่ที่สะบัดมือทิ้งร้านอย่างเจ้าขุนเขาล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำจริงๆ”

อู๋ซวงเจี้ยงใช้ปลายนิ้วกดกระบี่จำลอง ‘นกในกรง’ เล่มนั้นเอาไว้ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญท่านมาร่วมท่องเที่ยวหอกว้านเชวี่ยกับข้าเลยแล้วกัน?”

พริบตานั้นทัศนียภาพของฟ้าดินก็พลันแปรเปลี่ยน

มีหอเรือนสูงแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของตำหนักสุ้ยฉูแห่งใต้หล้ามืดสลัวอย่างหอกว้านเชวี่ย

อู๋ซวงเจี้ยงโบกชายแขนเสื้อหนึ่งที กระบี่จำลองจันทร์ในบ่อพลันเปล่งวาบแล้ววูบหายไป น้ำในแม่น้ำใหญ่ก็ยกระดับขึ้นสูงตามไปด้วย ประหนึ่งเมฆฝนที่ลอยกลับหัวอยู่บนพื้นดิน สุดท้ายก็เป็นเม็ดฝนที่ตกลงมาจากม่านฟ้า น้ำฝนจำนวนนับไม่ถ้วนสาดกระจายออกไป ฝนทุกหยดล้วนเป็นกระบี่บิน จำนวนกระบี่บินมีมากนับร้อยนับหมื่นเล่ม

ชุยตงซานลอยตัวอยู่กลางอากาศ ใช้ไม้เท้าเดินป่าสีเขียวในมือเคาะลงหนักๆ หนึ่งที ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “นับแต่อดีตจรดปัจจุบันคือกาละ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นปัจจุบันย้อนกลับไปอดีต ลุยน้ำเดินทวนกระแสจับปลาตัวใหญ่ จงกลับไปให้ข้า!”

อริยะปราชญ์แห่งลัทธิขงจื๊อปากอมกฎสวรรค์ แม่น้ำแห่งกาลเวลาจึงไหลย้อนกลับตามคำกล่าว

คนทั้งสามหวนกลับคืนมายังฟ้าดินเล็กนกในกรงอย่างแท้จริง

ในความเป็นจริงแล้วการไหลรินของแม่น้ำแห่งกาลเวลาสองครั้ง ตอนที่ไหลผ่านร่างกายของอู๋ซวงเจี้ยง ล้วนไหลอ้อมผ่านไป

ชุยตงซานตั้งท่าไก่ทองยืนขาเดียวที่เกินความจำเป็นอย่างสิ้นเชิง มือข้างหนึ่งยกขึ้นสูง ฝ่ามือประคองดวงตะวันสีขาวก่อนหน้านี้เอาไว้ อีกมือหนึ่งใช้ไม้เท้าเดินป่าชี้ไปที่อู๋ซวงเจี้ยง “สี่ทิศบนล่างคือเทศะ ผู้เยาว์จะสอนให้เจ้าตำหนักอู๋รู้ว่าอะไรคือฟ้าดินเล็ก!”

ในความเป็นจริงแล้วก่อนที่ชุยตงซานจะทำท่าน่าขันนี้ ฟ้าดินได้ก่อตัวขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว

อู๋ซวงเจี้ยงเก็บกระบี่จำลองสามเล่มใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ ดูจากท่าทางแล้วคงถึงขั้นคิดจะหล่อหลอมภาพมายาให้กลายเป็นของจริง

อู๋ซวงเจี้ยงขยับเท้าเป็นครั้งแรก ก้าวออกไปหนึ่งก้าว กายธรรมด้านหลังผสานรวมเข้ากับร่างจริง เผยกายธรรมร่างใหญ่โตโอฬารอยู่ตรงจุดเดิม สูงนับพันนับหมื่นจั้ง เมื่อเทียบกับภาพที่เทวบุตรมารนอกโลกยันฟ้าค้ำดินอยู่ในนครเถียวมู่แล้วยังเกินจริงยิ่งกว่า เรียกได้ว่าหมายจะดันม่านฟ้าของฟ้าดินที่ชุยตงซานสร้างขึ้นให้ฉีกออก ตอนที่ก้าวเดินออกมาเป็นก้าวที่สอง กายธรรมใช้ฝ่ามือข้างเดียวยันฟ้า แขนอีกข้างกวาดไปในแนวขวาง ฟ้าดินที่เดิมทีมั่นคงจึงเปลี่ยนเป็นภาพปรากฎการณ์ที่วุ่นวายอลหม่านทันที มรรคกถาจำนวนนับไม่ถ้วนไหลทะลัก ทุกเส้นทุกกลุ่มประหนึ่งน้ำในมหานทีเชี่ยวกรากที่พังทำนบออกมา กระเพื่อมสะเทือนอยู่ระหว่างฟ้าดิน ฟ้าดินแห่งหนึ่งพลันเกิดเสียงฉีกขาดเบาๆ เหมือนเสียงผ้าถูกฉีก

ชุยตงซานหลุดหัวเราะพรืด สองนิ้วหมุนไม้เท้าเดินป่าสีเขียว วาดเป็นวงกลมพลางเดินไปด้วย ระหว่างนั้นก็ใช้นิ้วทำมุทราท่องบทคำสอนของอริยะปราชญ์บทหนึ่ง ครอบคลุมฟ้าดินที่ถูกอู๋ซวงเจี้ยงและกายธรรมตนนั้นกรีดผ่า หลอมรวมให้กลายเป็นเมล็ดงาเมล็ดหนึ่ง

เจียงซ่างเจินไม่เหลือความลังเลใดๆ อีกต่อไป หยิบเอาสมุดคัดลอกลายล้ำค่าของภาพค้นภูเขาออกมาจากในชายแขนเสื้อ ถูกขนานนามให้เป็น ‘ตำราไท่ผิง’ ระดับขั้นแค่เป็นรอง ‘บรรพจารย์เปิดขุนเขา’ ระดับเดียวเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!