กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 779

“ภาพดวงดาวของอาจารย์ชุยก่อนหน้านั้นมองดูเหมือนกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด เป็นการลงมือเล่นตุกติกกับจิตสำนึกของผู้ฝึกตนที่หล่นเข้ามาอยู่ในนั้น การมีขีดจำกัดและการไร้ขีดจำกัดสับสนปะปนกัน เหมาะแก่การล้อมฆ่าเซียนเหรินที่สุด แต่หากคิดจะรับมือกับขอบเขตบินทะยานกลับเปลืองแรงอย่างมากแล้ว ส่วนฟ้าดินเล็กค่ายกลค้นภูเขาแห่งนี้ แก่นแท้ของมันกลับอยู่ที่ความจริงเท็จไม่แน่นอน ไม่อย่างนั้นเจียงซ่างเจินที่อยู่บนสนามรบของใบถงทวีป คุณความชอบที่สะสมไว้ในศาลบุ๋นอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเพิ่มมากไปอีกเป็นเท่าตัว แต่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเจียงซ่างเจินได้ซ่อนตัวอยู่ด้านในมานานแล้ว สามารถเปลี่ยนร่างกับแม่ทัพเทพ ภูตผีประหลาด คาถาอาคมสมบัติอาคมใดๆ ก็ได้ ขอแค่มีปลาที่หลุดรอดตาข่ายสักตัวขยับมาใกล้ ผู้ฝึกตนทั่วไปที่เจอกับเขาก็ต้องมีจุดจบที่ต้องถูกกระบี่บินตัดหัว น่าเสียดายที่ปมปัญหาใหญ่ที่สุดของฟ้าดินเล็กทุกแห่งที่เป็นพวกจิตธรรม พวกยันต์ค่ายกลทั้งหลายนั้นอยู่ที่มี ‘หนึ่ง’ ซึ่งเป็นจำนวนที่คงที่แล้ว ไม่อาจเป็นวงจรต่อเนื่องกับมหามรรคาได้ ดังนั้นภาพกลุ่มดวงดาวและค่ายกลค้นภูเขา หากไม่เป็นเพราะข้ารีบเดินทางต่อก็คงต้องชมทัศนียภาพแปลกใหม่ให้มากสักหน่อย สามารถรอให้อาจารย์ชุยและเจียงซ่างเจินเผาผลาญหนึ่งนั้นให้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริงก่อน แล้วค่อยไปยังฟ้าดินแห่งถัดไป”

ชุยตงซานโบกชายแขนเสื้อครั้งแล้วครั้งเล่า กวาดเอาท่วงทำนองที่เหลืออยู่ของปราณกระบี่ที่กระเพื่อมออกมาจากกระบี่จำลองเทียนเจินพวกนั้นทิ้งไป น่าสงสารม้วนภาพไท่ผิงภาพค้นภูเขาที่ถูกกระบี่เซียนจำลองทั้งสี่เล่มปักตรึงแน่นอยู่บน ‘โต๊ะหนังสือ’ และยิ่งเหมือนถูกคนหลายคนที่ถือตะเกียงชมภาพอยู่ใกล้ๆ ไฟของตะเกียงแต่ละดวงขยับเข้ามาใกล้จึงลวกร้อน เป็นเหตุให้สี่ทิศของฟ้าดินม้วนภาพปรากฏเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ในระดับที่ไม่เท่ากัน

เพียงแต่ว่าสำหรับเรื่องนี้เจียงซ่างเจินไม่เสียดายแม้แต่น้อย ชุยตงซานก็ยิ่งมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ผู้ฝึกกระบี่จับคู่เข่นฆ่าก็คือการรับมือกับศัตรูบนสนามรบ เหล่าเว่ยพูดถูกที่สุดแล้ว นี่ก็หนีไม่พ้นการจัดเรียงขบวนทัพเป็นแนวตั้งแนวนอนแล้วโบกดาบฆ่าส่งเดช โบกดาบฟันสะเปะสะปะ การประลองวิชาคาถาของผู้ฝึกลมปราณก็คล้ายการวางแผนกลยุทธ์ของสองแคว้น ต้องดูแค่ว่าใครมีแผนการแยบยลในใจมากกว่ากัน นิสัยไม่เหมือนกัน รสชาติก็ไม่เหมือนกัน พวกเราเองก็อย่าถูกเจ้าตำหนักอู๋ทำให้ตกใจขวัญหนีดีฝ่อเลย นี่ต้องเป็นครั้งแรกที่สี่กระบี่มารวมตัวครบถ้วนแน่นอน มองดูเหมือนเจ้าตำหนักอู๋ผ่อนคลายสบายอารมณ์ แค่กวักมือเรียกก็ได้มา แต่แท้จริงแล้วต้องทุ่มทุนที่เก็บออมมาอย่างยากลำบากแน่ๆ”

อู๋ซวงเจี้ยงยืนอยู่ตรงม่านฟ้า พยักหน้าอยู่ไกลๆ หัวเราะเสียงดังกังวานเอ่ยว่า “อาจารย์ชุยคาดการณ์ได้ถูกต้องแล้ว เดิมทีจะต้องเอาไปถามกระบี่ที่อารามเสวียนตูก่อน จากนั้นค่อยขอความรู้วิชากระบี่จากเต๋าเหล่าเอ้อ ครั้งนี้มาพบกันบนเรือข้ามฟาก เป็นโอกาสที่หาได้ยาก อาจารย์ชุยก็สามารถมองเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งได้ จะได้เอาพวกเจ้ามาลองฝึกปรือฝีมือได้พอดี ผลัดกันถามกระบี่สักครั้ง เพียงแค่หวังว่าบินทะยาน หยกดิบและเซียนเหรินสองคน เซียนกระบี่ทั้งสี่ร่วมมือกันสังหารขอบเขตสิบสี่ ก็อย่าได้ทำให้ข้าดูแคลนผู้ฝึกกระบี่ของไพศาลก็แล้วกัน”

เจียงซ่างเจินยื่นมือออกไป ในมือก็มีธงเพิ่มขึ้นมาอันหนึ่ง เขาโบกมันอย่างแรง ยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของภูตน้อยตลอดเวลา สบถด่าโฉงเฉงจนน้ำลายกระจายแตกฟอง “ข้าผู้อาวุโสคิดว่าตัวเองก็ถือเป็นคนที่คุยเก่งแล้วนะ ประจบสอพลอเป็นแล้วก็ทำให้คนสะอิดสะเอียนได้ด้วย คิดไม่ถึงว่านอกจากพี่น้องตู้แล้ววันนี้กลับได้มาเจอศัตรูบนมหามรรคาอีกคน! โดนสัพยอกอย่างนี้ก็ยิ่งทนไม่ได้ ทนไม่ได้จริงๆ น้องชุยเจ้าอย่าได้ห้ามข้า วันนี้ข้าจะต้องไปพบเจอกับเทพเซียนผู้เฒ่าอู๋ท่านนี้ดูสักหน่อย!”

เมื่อธงโบกสะบัด พายุลมกรดก็พัดกระโชกเป็นระลอก ฟ้าดินเกิดภาพเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากแม่ทัพเทพและภูตผีในภูเขาที่เดิมถอยหลังกลับไม่กล้าเดินหน้าซึ่งเริ่มทะยานลมพุ่งเข้าไปสังหารคนสามคนบนม่านฟ้าอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกครั้งแล้ว ระหว่างนี้ก็มีแม่ทัพเทพสี่คนที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุด เรือนกายสูงพันจั้ง เท้าเหยียบอยู่บนเจียวหลง สองมือถือกระบี่ยักษ์ บุกนำไปสังหารพวกอู๋ซวงเจี้ยงสามคนก่อน

ทูตพิทักษ์ภูเขาที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ยักษ์ตนหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขาที่เต่าตัวใหญ่แบกเอาไว้ ในมือถือคันฉ่องกักมาร ภายใต้แสงตะวันเจิดจ้าสาดส่อง แสงคันฉ่องสาดยิงออกมา แสงกระบี่เส้นหนึ่งประดุจน้ำในแม่น้ำที่ซัดเชี่ยวกรากไม่ขาดสาย ทุกที่ที่ผ่านทำร้ายภูตผีไปนับไม่ถ้วน ราวกับว่าได้หล่อหลอมแสงกระบี่เฉียบคมที่มีปณิธานของแก่นตะวันไร้ที่สิ้นสุด ตรงดิ่งเข้าหาแผ่นหยกที่เหมือนดวงจันทร์ลอยอยู่กลางอากาศนั่น

มัลละแม่ทัพเทพที่สวมเสื้อเกราะสีทองตนหนึ่งมีสามเศียรหกกร ในมือถือดาบทวนง้าวและกระบี่ ร่างเปล่งวูบหนึ่งทีก็หดย่อขุนเขาสายน้ำ เดินก้าวออกไปไม่กี่ก้าว เพียงชั่วพริบตาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าอู๋ซวงเจี้ยง

นางฟ้าขุนนางเทพตนหนึ่งที่สวมชุดสีสันสดใสพลิ้วไสวกอดผีผาไว้ในอ้อมกด บนศีรษะกลับมีใบหน้าสี่หน้า เป็นรูปโฉมที่ประหลาดยิ่ง

แผ่นหยกที่ลอยอยู่กลางอากาศซึ่งถูกเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขว้างออกไปนั้น ถูกเสาลำแสงของกระจกกักมารซึ่งดำรงอยู่อย่างยาวนานกระแทกชน สะเก็ดไฟแตกกระจายไปทั่วทิศ ระหว่างฟ้าและดินเกิดพายุฝนสีทองครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายแผ่นหยกก็ปรากฏรอยแตกเสี้ยวหนึ่งพร้อมกับเสียงแตกร้าว

อู๋ซวงเจี้ยงยิ้มเอ่ย “เก็บไปเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นของจริงที่เก็บรักษาอย่างดีมานานหลายปี”

เด็กหนุ่มพยักหน้า เตรียมจะเก็บแผ่นหยกกลับเข้ามาไว้ในถุง คิดไม่ถึงว่าท่ามกลางแสงที่กระจกกักมารบนยอดเขาบานนั้นสาดยิงออกมากลับมีแสงกระบี่สีเขียวมรกตเสี้ยวหนึ่งที่ยากจะสังเกตเห็น คล้ายปลาที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแม่น้ำ ว่ายพุ่งไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด พริบตาเดียวก็เตรียมจะโจมตีลงตรงจุดที่แผ่นหยกปริแตก อู๋ซวงเจี้ยงยิ้มบางๆ กายธรรมร่างหนึ่งโผล่ออกมาได้ตามแต่ใจ ใช้มือทำท่าวักน้ำ กอบเอาแสงกระบี่ที่มหาศาลราวกับทะเลสาบไว้ตรงกลางฝ่ามือ ในนั้นยังมีปลาสีเขียวมรกตที่ตัวเล็กมากตัวหนึ่งพุ่งชนสะเปะสะปะไปทั่ว เพียงแต่ว่าอยู่ในสายตาของผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งกลับยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจน กายธรรมประกบสองมือบดขยี้แสงกระจกให้ปริแตก หลงเหลือไว้เพียงปณิธานกระบี่กลุ่มนั้น เพื่อจะได้เอามาขัดเกลา สุดท้ายหลอมออกมาเป็นกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งของเจียงซ่างเจินที่ใกล้เคียงกับของจริงอย่างมาก

อู๋ซวงเจี้ยงเก็บกายธรรม แบมือออก ตรงกลางฝ่ามือมีงูสีเขียวที่เล็กมากตัวหนึ่งเลื้อยอยู่ เพราะถูกมหามรรคาสยบกำราบจึงจำต้องหดตัวให้เล็กลงเท่านี้ ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้มันเผยร่างจริงก็คงจะ… อู๋ซวงเจี้ยงพลันคลี่ยิ้มส่ายหน้า งูเขียวที่ตามหลักแล้วไม่ควรจะขยับตัวได้พลันขยายใหญ่ บนหัวมีเขาหนึ่งเขา ตรงท้องมีกรงเล็บสี่เล็บ ดวงตาทั้งคู่เป็นสีทอง เห็นได้ชัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์น้ำเจียวหลงตัวหนึ่ง มันล้อมพันอยู่บนข้อมือของอู๋ซวงเจี้ยง อู๋ซวงเจี้ยงสะบัดข้อมือเบาๆ เลือดเนื้อของเจียวหลงก็พลันสลายกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมดในเสี้ยววินาที เพียงแค่ทิ้งกายธรรมของเจียวหลงเอาไว้ ราวกับหลงเหลือเพียงภาพมังกรลายเส้นขาวดำจากที่ใช้น้ำหมึกสีทอง แต่กระนั้นก็ยังตามตอแยไม่เลิกรา เป็นเหตุให้ชายแขนเสื้อชุดคลุมอาคมข้างหนึ่งของอู๋ซวงเจี้ยงถึงกับถูกเจียวหลงตัวนั้นกัดเสียงดังสวบๆ เจียวหลางอ้าปากกัดชุดคลุมอาคมของอู๋ซวงเจี้ยงแล้วก็ยังพยายามจะสัมผัสผิวหนังของผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่ท่านนี้ อู๋ซวงเจี้ยงหัวเราะหยัน เอ่ยว่า “เผ่าพันธุ์น้ำที่เป็นกากเดนตัวน้อยๆ ไม่สู้กลับคืนไปสู่แม่น้ำทะเลสาบดีหรือไม่”

ชุดคลุมอาคมบนร่างของอู๋ซวงเจี้ยงเปล่งประกายแสงวาบหนึ่งที ไม่รู้ว่าเจียวหลงหายไปไหน ครู่หนึ่งต่อมาก็ถึงกับหล่นเข้าไปในฟ้าดินของชุดคลุมอาคมตัวจริง จากนั้นก็ถูกหลอมดวงจิตทั้งหมดไปในเสี้ยววินาที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!